เจาะลึกทวีปน้ำแข็ง ขุมพลังงาน-เส้นทางเดินเรือค้าใหม่

[mrtnews]

เมื่อ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน 8 ประเทศที่มีอาณาเขตติดกับทวีปอาร์กติกหรือขั้วโลกเหนือได้ก่อตั้งสำนัก เลขาธิการของสภาอาร์กติก (Arctic Council) อย่างเป็นทางการ ในเมืองโตรอนโต แคนาดา หลังจากองค์การดังกล่าว

ก่อตั้งมาได้ 17 ปี ส่งสัญญาณว่าสมาชิกที่ประกอบด้วย แคนาดา ฟินแลนด์ รัสเซีย สหรัฐ สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นตัวแทนของกรีนแลนด์ พร้อมเดินหน้าเต็มตัวทั้งด้านการทูต การค้า และวิทยาศาสตร์ บนทวีปสุดท้ายที่ยังไม่ถูกบุกเบิก

ไฟ แนนเชียล ไทมส์ ระบุว่า การตื่นตัวเรื่องอาร์กติกส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากความเชื่อที่ว่าน้ำ แข็งขั้วโลกที่ละลายอย่างรวดเร็วจะช่วยเปิดทางให้เข้าถึงแหล่งน้ำมันดิบและ ก๊าซ ยังไม่รวมแหล่งทำประมง และสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตาตื่นใจ

จาก การสำรวจครั้งล่าสุดของสำนักธรณีวิทยาสหรัฐในปี 2551 ชี้ว่า ภายใต้ก้อนน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปอาร์กติกอาจมีก๊าซธรรมชาติสำรองที่ยังไม่ได้ สำรวจสูงถึง 30% ของทั้งโลก และ 13% ของแหล่งน้ำมันทั่วโลกที่ยังไม่ถูกสำรวจ

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มจะ เป็นเส้นทางเดินเรือที่ช่วยย่นระยะทางกว่าปัจจุบันได้มาก โดย 2 เส้นทางเดินเรือที่ผ่านอาร์กติก ได้แก่เส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ผ่านหมู่เกาะของแคนาดา และเส้นทางทะเลเหนือที่ผ่านรัสเซีย อาจเป็นจุดเปลี่ยนเกมในวงการเดินเรือ

ข้าม ชาติ เพราะทั้ง 2 เส้นทางมีระยะทางสั้นกว่าเส้นทางเดินเรือระหว่างยุโรป-เอเชียในปัจจุบันหลาย พันกิโลเมตร และจะประหยัดต้นทุนได้มหาศาล ถ้าไม่มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี

เนื่องจากทวีปอาร์กติกมี อุณหภูมิอุ่นขึ้นเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในเส้นทางทะเลเหนือผ่านรัสเซีย จึงคาดว่าจะทำให้เส้นทางดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นในไม่ช้า

ปีที่แล้วมีเรือเดินสมุทรสัญจรผ่านเส้นทางข้างต้น 46 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 4 ลำในปี 2553

ใช่ จะมีแต่เรือขนส่งสินค้า เรือเดินสมุทรเพื่อการท่องเที่ยวก็กำลังบูมขึ้นมาก ในฤดูท่องเที่ยวมีเรือประเภทนี้ 8 ลำต่อสัปดาห์ รับส่งระหว่างกรีนแลนด์กับเกาะสปิตส์เบอร์เกนของนอร์เวย์ ซึ่งบางลำบรรทุกนักท่องเที่ยวถึง 3,000 คน

แม้ปัจจุบันมีการขุดเจาะ น้ำมันในแถบอาร์กติกไม่มากนัก แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน วูด แมกเคนซี ประเมินว่าจะมีบ่อน้ำมันแห่งใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 10 แห่งในอนาคตอันใกล้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นสำคัญ

และ อาจไม่คุ้มทุนเมื่อพิจารณาจากการบูมของเชลล์ก๊าซ หรือน้ำมันจากหินดินดานในสหรัฐ ซึ่งทำให้มีการคาดหมายกันว่าซัพลายพลังงานในอนาคตอาจมีเหลือเฟือ เห็นได้จากปีที่แล้วราคาก๊าซในมะกันลดลงต่ำสุดในรอบทศรรษ

แต่ถึง กระนั้นในภาวะที่ประชากรโลกซึ่งมีความต้องการบริโภคพลังงานในระดับสูงมีแนว โน้มจะเพิ่มจาก 7 พันล้านคน เป็น 9 พันล้านคนภายในปี 2583 การลงทุนด้านพลังงานย่อม

คุ้มค่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่มา -