ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

"ลุงแซม" แซงซาอุฯ ขึ้นแท่นผู้ผลิตน้ำมันเบอร์ 1

เริ่มโดย mrtnews, พ.ย 04, 13, 22:07:14 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สหรัฐเบียดซาอุดีอาระเบียผงาดเป็นผู้ผลิตน้ำมันมากที่สุดของโลก จากอานิสงส์ของเชลล์แก๊ส หรือน้ำมันจากชั้นหินดินดาน


รอยเตอร์ส อ้างข้อมูลของ ไพรา เอนเนอจี้ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานว่า กำลังการผลิตพลังงานของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว เชื้อเพลิงชีวภาพ เพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งเป็นการขยายตัวในระยะเวลา 4 ปีที่เร็วที่สุด นับจากกำลังการผลิตของซาอุฯกระฉูดในช่วงปี 2513-2517

โดยเชลล์แก๊สซึ่งพบมากในรัฐเทกซัส และนอร์ทดาโดตา ผลักดันให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2555 และปีนี้

นับเป็นก้าวสำคัญของเซ็กเตอร์พลังงานสหรัฐ ทั้งยังพลิกโฉมตลาดน้ำมันโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการปฏิวัติการขุดเจาะเชลล์แก๊ส แม้สหรัฐยังครองแชมป์ผู้บริโภคพลังงานมากที่สุดของโลก แต่การเพิ่มขึ้นของซัพพลายน้ำมันราคาถูกเข้าสู่โรงกลั่นภายในประเทศ ก็ทำให้มะกันกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายสำคัญ

การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐ ทำให้แดนลุงแซมลดการพึ่งพาพลังงานจากนอกประเทศ และถูกจีนแซงหน้าเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเบอร์หนึ่งของโลกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

"การเติบโตของกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐสูงกว่าตัวเลขของประเทศที่มีการเติบโตลำดับที่ 2-10 รวมกัน ทั้งยังครอบคลุมการเติบโตส่วนใหญ่ของดีมานด์น้ำมันทั่วโลกสุทธิในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา" รายงานของไพราฯระบุ นอกจากนี้ยังชี้ว่า สหรัฐจะสามารถรักษาสถานะผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของโลกไปได้อีกหลายปี


ทั้งนี้พลังงานเหลวของสหรัฐในคำจำกัดความของไพราฯ ครอบคลุมตั้งแต่น้ำมันดิบ ก๊าซโซลีนธรรมชาติเหลว ก๊าซธรรมชาติเหลว และเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้กำลังการผลิตรวมจะขยับเป็น 12.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำหน้าแชมป์ปีที่แล้วอย่างซาอุฯ ที่แม้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ก็ยังน้อยกว่าสหรัฐ

อย่างไรก็ตามถ้านับเฉพาะน้ำมันดิบ กำลังการผลิตของสหรัฐยังตามหลังซาอุฯ ตลอดจนรัสเซีย ราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามมาด้วยจีน แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน อิรัก คูเวต และเม็กซิโก

ที่มา -