ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

ท่าเรือแหลมฉบังเดินหน้าผุดท่าเรือเฟส 2 - 3

เริ่มโดย mrtnews, พ.ย 11, 13, 19:21:13 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ท่าเรือแหลมฉบังเตรียมเดินหน้าลุยก่อสร้างเฟส 2 และเฟส 3 หลังเจรจาฮัทชิสันคืบหน้าโดยยอมให้ยืดเวลาก่อสร้าง แต่ไม่ยอมผ่อนผันการชำระเงินค้างจ่ายงวดละประมาณ 700 ล้านบาท  คาดครม.อนุมัติปลายปีนี้ ด้านรมช.พ้องสั่งขับเคลื่อนเฟส 3 ย้ำให้เร่งทำความเข้าใจประชาชน


ร.อ.สุทธินันท์  หัตถวงศ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าแผนการพัฒนาเฟส 2 มีความคืบหน้าในระดับหนึ่งแล้ว หลังการเจรจากับบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ผู้รับสัมปทานลงทุนก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวได้ข้อสรุป  โดยเดิมที่ได้ยื่นข้อเสนอขอให้ปรับเปลี่ยนร่างสัญญาว่าจ้าง คือ ในปีที่ 1-19 โดยจ่ายค่าตอบแทนในอัตราที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่หลังจากปีที่ 19 ทางบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนมากกว่ามาตรฐานที่กำหนด   

โดยล่าสุดการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)ยินยอมให้ทยอยเวลาก่อสร้างได้ตามที่บริษัทยื่นขอ แต่ไม่ยอมให้ผ่อนชำระเงินค้างจ่ายงวดละประมาณ 700 ล้านบาท สำหรับข้อสรุปเดิมของมาตรการช่วยเหลือฮัทชิสัน กรณีปรับการชำระผลประโยชน์ตอบแทนรายปีใหม่นั้น จะลดในปีที่ 4-10 รวมเป็นเงิน 3,720 ล้านบาท และเพิ่มการชำระในปีที่ 11-30 ขึ้นรวมเป็นเงิน 12,201 ล้านบาท ซึ่งคำนวณแล้วรวมตลอดอายุสัญญา วิธีดังกล่าว กทท.จะได้รับเงินเพิ่ม 8,481 ล้านบาท หรือจากเดิมที่ได้รับ 61,924 ล้านบาท เป็น 70,405 ล้านบาทผู้อำนวยการ ทลฉ. ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า  นอกจากนี้การท่าเรือยังยินยอมให้ขยายเวลาก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D จากกำหนดเดิมที่ต้องแล้วเสร็จในปี 2554 เป็นปี 2560โดยต่อจากนี้จะเร่งนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)การท่าเรือพิจารณาพร้อมกับนำเสนอคณะกรรมการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 35) หลังจากนั้นจึงจะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไปโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ส่วนแผนการก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟส 3 ได้เร่งฟังความเห็นของประชาชน และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างชุมชนโดยรอบ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากความไม่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นโครงการดังกล่าวก็จะเดินหน้าไม่ได้ ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการขออนุมัติเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม"

ด้านนายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าเรื่องเร่งด่วนต้องแก้ไข คือ ปัญหาการจราจรภายในท่าเรือโดยเฉพาะจุดคอขวด พร้อมให้เร่งโครงการกระจายสินค้าจากท่าเรือโดยทางรถไฟ และขยายช่องด่านตรวจสินค้า Gate 1 และ Gate 3 จึงได้สั่งให้กทท.บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัด เร่งขยายพื้นที่คอขวด พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงการให้บริการ และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการท่าเรือแหลมฉบังให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น

"รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟ เพื่อให้เกิดความสมดุลกับการใช้ระบบถนน และลดต้นทุนการขนส่ง รวมทั้งสนับสนุนนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และยกระดับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นท่าเรือที่มีการขนส่งสินค้าทางน้ำใหญ่ที่สุดในประเทศ"

นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายเร่งด่วนทั้งการขยายช่องจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในหลายจุด รวมทั้งสนับสนุนการขนส่งเชื่อมโยงท่าเรือ การพัฒนาทางหลวงหมายเลข 7 การขยายความสามารถในการรองรับเรือชายฝั่ง ที่คาดว่าจะรองรับตู้สินค้าได้ถึง 3 แสนทีอียูแล้ว รวมทั้งพัฒนาโครงการกระจายสินค้าจากท่าเรือโดยทางรถไฟ โดยให้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ บริเวณพื้นที่โซน 4 ในเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ เพื่อเพิ่มบทบาทการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และกระจายสินค้าจากท่าเรือเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งให้แก้ปัญหาด้านการปฏิบัติการด้วย พ.ร.บ.ร่วมทุน และการแก้ปัญหาด้านการปฏิบัติงานภายในท่าเรือ

ที่มา -