ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

“TTA” ตั้งเป้าปีหน้าพลิกกลับมามีกำไร เผยเตรียมซื้ออินฟราสตรักเจอร์ 5-6 ร้อยล้าน

เริ่มโดย mrtnews, ธ.ค 12, 13, 19:20:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

"บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์" คาดว่าผลประกอบการงวดปี 56/57 จะพลิกเป็นกำไร หลังงวดปีก่อนขาดทุน 5 พันล้านบาท ในขณะที่รายได้คาดจะเติบโตเป็น 2 เท่าของธุรกิจเดินเรือ และธุรกิจพลังงาน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมที่จะเจรจาซื้อกิจการประเภทโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าประมาณ 500-600 ล้านบาท ในปีหน้า ส่วนค่าระวางเรือจะปรับตัวสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน เตรียมแผนซื้อเรือมือ 2 เข้ามาเสริมทัพกองเรือเพิ่ม


นายไกรลักษณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธองค์กร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่า บริษัทฯ คาดการณ์รายได้ปีบัญชี 2556/2557 จะเติบโตขึ้นมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 13% และจะสามารถพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน และระบบวิศวกรรมใต้ทะเล โดยมีรายได้จากแท่งขุดเจาะเข้ามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

"ปีนี้แนวโน้มคาดว่ารายได้จะพลิกกลับมามีกำไรเพิ่มขึ้นจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน และธุรกิจระบบวิศวกรรมใต้ทะเล ซึ่งมีรายได้ดีกว่าปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากบริษัทฯ ได้ชำระค่าเรือมือ 2 ที่สั่งซื้อมาไปหมดแล้ว และบริษัทฯ คาดว่าราคาค่าระวางเรือที่จะปรับเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ซึ่งราคาค่าระวางเรือในตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,000 เหรียญ/วัน ประกอบกับอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมที่จะเจรจาซื้อกิจการประเภทโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าประมาณ 500-600 ล้านบาท ในปีหน้า"

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีแผนในการขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 4,000 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปีหน้า โดยเตรียมที่จะขออนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนมกราคมหน้า เพื่อที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ซื้อเรือมือ 2 มูลค่า 21-22 ล้านเหรียญสหรัฐ/ลำ จากปัจจุบันบริษัทมีเรือทั้งหมด 19 ลำ และถ้าหากไม่พอก็จะกู้จากสถาบันการเงินอีก จำนวน 4,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาเจรจาซื้อธุรกิจประเภทโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 500-600 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2557 ซึ่งคาดว่าธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน จะสามารถเพิ่มรายได้ และกำไรให้กับบริษัท อีกทั้งธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตที่จะทำรายได้สูงให้แก่บริษัทในอนาคต

ที่มา -




TTA คาดงวดปี 56/57 พลิกเป็นกำไร, เจรจาซื้อกิจการด้านโครงสร้างพื้นฐาน

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) คาดว่าผลประกอบการงวดปี 56/57 จะพลิกเป็นกำไร หลังจากงวดปีก่อนขาดทุนราว 5 พันล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเติบโตเป็น 2 เท่าตามการเติบโตของธุรกิจเดินเรือและธุรกิจพลังงาน ซึ่งคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยในงวดปีนี้จะสูงขึ้นมาที่ประมาณ 1 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมแผนซื้อเรือเข้ามาเพิ่มขึ้น คาดว่าจะระดมทุนจากการเพิ่มทุนได้ราวเดือนมี.ค.57

นายไกรลักษณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงากลยุทธ์องค์กร TTA กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 56/57 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งจะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่รายได้เติบโตราว 13% และจะสามารถพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ที่ 5 พันล้านบาท จากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจพลังงานและงานวิศวกรรมใต้ทะเลที่มีรายได้จากแท่งขุดเจาะเข้ามาตั้งเดือน ก.ค.

"ปีนี้แนวโน้มน่าจะเป็นบวกจาก 3 ธุรกิจหลัก ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วแบบมีนัยสำคัญ รายได้คาดว่าจะเติบโต 2 digit การลงทุนปีนี้น่าจะส่งผลต่อผลประกอบการของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นายไกรลักษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ มองว่าค่าระวางเรือในงวดปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 เหรียญ/ลำ/วัน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางค่าระวางเรือในตลาดที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ก.ค. 56 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,000 เหรียญ/ลำ/วัน

นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนเพิ่มทุนจำนวน 4,000 ล้าบาทคาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาในช่วงเดือน มี.ค.57 โดยจะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน ม.ค.57 ซึ่งจะใช้ในการลงทุนซื้อเรือมือสองเป็นหลัก มูลค่า 21 ล้านเหรียญ/ลำ จากปัจจุบันบริษัทมีเรือทั้งหมด 19 ลำ และจะมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินอีกจำนวน 4,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ใช้งบลงทุน 500-600 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 57 ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท เพราะมองว่าธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสเติบโตสูงมากในอนาคต

ที่มา -