ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

TTA บวก 2.40% โบรกฯคาดงบฯ 4Q55/56 พลิกเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาส

เริ่มโดย mrtnews, ก.พ 18, 14, 19:29:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

หุ้น TTA ราคาวิ่งขึ้น 2.40% มาอยู่ที่ 17.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 15.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 17.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 17.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 17 บาท


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ราคาเหมาะสม 23 บาท คาดว่า TTA จะรายงานกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท ใน 4Q55/56 พลิกเป็นกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาส เนื่องจากธุรกิจเรือเทกองได้แรงนหนุนจากค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น +52.5% yoy และ +39.8% qoq เป็น US$11,500 / ลำ

ธุรกิจพลังงานของ Mermaid คาดว่ากำไรจะเติบโต qoq เป็น 260 ล้านบาท เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้ของเรือขุดน้ำมันใหม่ทั้ง 3 ลำ และธุรกิจสาธารณูปโภคของ Baconco คาดว่ากำไรจะทรงตัว qoq แต่มีจุดเด่นที่รายได้มั่นคงและต่อเนื่อง

พร้อมคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 57 ที่คาดว่าค่าระวางเรือเทกองจะเข้าสู่ขาขึ้น จาก Supply เรือเทกองในตลาดโลกที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภคจะเป็นธุรกิจทีสร้างกำไรให้กับ TTA อย่างต่อเนื่องและส่งผลพลิกเป็นกำไรปกติ 2,313 ล้านบาทในปี 57 จากขาดทุน 257 ล้านบาทในปี 56

นอกจากนี้ ราคาหุ้นมี Catalyst รออยู่คือการนำบริษัทลูก PMTA เข้า IPO ในตลท. และผู้ถือหุ้น TTA จะมี Pre-emptive Right ในการจองซื้อหุ้นในสัดส่วน 36 หุ้น TTA ต่อ 1 หุ้น PMTA โดย PMTA ได้ยื่น Filing แล้วในวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา และยังมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ โดยซื้อขาย PBV 2557 เพียง 0.68 เท่า และมี Upside 37% จากราคาเหมาะสมที่ 23.00 บาท

ที่มา -




TTA งวดสิ้นปี 56 ฟื้นกำไร 250 ล. อานิสงส์ผลงานบริษัทย่อยหนุน

โทรีเซนไทยฯ งวดสิ้นปี 56 กำไร 250 ล้านบาท ขณะงวดนี้ปีก่อนขาดทุน 118 ล้านบาท ผลดีจากบริษัทย่อยเกือบทุกแห่งผลประกอบการเติบโตดีถ้วนหน้า เร่งระบายถ่านหินของ "ยูนิคไมนิ่้งเซอร์วิสเซส" หวังปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และเหมาะสม สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินใหแก่ริษัท

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 56 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 118 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 367 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 312%

ทั้งนี้ ผลดีจากบริษัทลูกทั้งโทรีเซนชิปปิ้ง รับรู้ผลกำไรสุทธิเติบโต 490% ที่ 117 ล้านบาท ซึ่ง สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองส่งสัญญาณฟื้นตัว โทรีเซนชิปปิ้งยังคงบริหารงานด้วยโครงสร้างค่าใช้จ่ายได้เปรียบ ผลจากแผนการปรับโครงสร้างกองเรือ และการเอาใจใส่ซ่อมบำรุงเรือสม่ำเสมอ และเมอร์เมด มาริไทม์ รับรู้ผลกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ผลประกอบการที่ดีขึ้นมาจากทั้งธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเล และธุรกิจเรือขุดเจาะ ซึ่งในไตรมาสนี้ เมอร์เมด มาริไทม์ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากเรือขุดเจาะสามขาทั้ง 3 ลำ จากบริษัท Asia OffshoreDrilling (AOD) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ เมอร์เมด มาริไทม์ ถือหุ้นอยู่ 33.8% แม้บริษัท ยูนิคไมนิ่้งเซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS รับรู้ผลขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท ซึ่งมีผลกระทบจากการขนส่งที่ยังดำเนินงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และการเร่งระบายถ่านหินขนาด 0-5 มม. เพื่อที่จะปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และเหมาะสม และกลับมาสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินใหแก่บริษัทอีกครั้ง

ขณะที่ บาคองโค ยังคงรับรู้ผลกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิขยายตัว 24% ในไตรมาสนี้ อัตราผลกำไรโดยรวมสูงขึ้นมาจากธุรกิจปุ๋ยที่ยังคงหาช่องทางของการซื้อวัตถุดิบที่ดีขึ้นรวมทั้งการเพิ่มกลยุทธ์การตลาดในประเทศที่มากขึ้น ส่วนธุรกิจคลังสินค้ามีรายได้เติบโต 165% เปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แลว้ จากคลังสินค้าหมายเลข 5 ที่ได้เปิดทำการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

โดยงวดนี้รายได้รวมอยู่ที่ระดับ 5,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26% รายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทลูกทุกแห่งหนุน และต้นทุนตรงรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% เป็น 4,038 ล้านบาท จากงานบริการสัญญาวิศวกรรมใต้ทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากการได้สัญญาที่มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้บางส่วนถูกชดเชยจากต้นทุนในการขายที่ลดลงของ UMS และบาคองโค

นอกจากนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนพุ่งสูงขึ้น 910% มาเป็น 262 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนของเมอร์เมดใน AOD ซึ่ง AOD มีส่วนแบ่งรายไดในไตรมาสนี้ 234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากผลขาดทุน 11 ล้านบาท

ที่มา -




TTA กำไร 250 ล้านบาทในไตรมาส 1/2557

กรุงเทพฯ--17 ก.พ. 57 --โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ถือเป็นผลงานของไตรมาสแรกที่สูงสุด นับตั้งแต่ปี 2552 3 ใน 4 ของธุรกิจหลักโชว์ผลงานยอดเยี่ยม

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ("TTA") ประกาศผลกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่าง 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นผลประกอบการสำหรับไตรมาสหนึ่งที่สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ 2552 โดย 3 ใน 4 ของธุรกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ("เมอร์เมด") บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ ("โทรีเซนชิปปิ้ง") และบริษัท บาคองโค จำกัด ("บาคองโค") มีผลงานที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) ("UMS") ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท อันเนื่องมาจากความพยายามในการปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และสถานภาพทางการเงินให้แข็งแรงขึ้น

เมอร์เมด มาริไทม์
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2557 ถือเป็นผลประกอบการไตรมาสหนึ่งที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปีสำหรับเมอร์เมด โดยพลิกจากผลขาดทุนสุทธิ 2 ล้านบาทในปีที่แล้วมาเป็นกำไรสุทธิที่ 238 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการทำผลงานที่ดีขึ้นในธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและธุรกิจเรือขุดเจาะ

ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลของเมอร์เมดมีผลงานที่ดีขึ้น โดยรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อน 71% เนื่องจากมีสัญญาจ้างงานที่มีผลตอบแทนสูงจำนวนมากขึ้น ซึ่งส่งให้กองเรือของเมอร์เมดได้รับอัตราค่าจ้างรายวันที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราการใช้ประโยชน์เพิ่มจากปีก่อนที่ 51% มาเป็น 74% ในไตรมาสนี้

สำหรับธุรกิจเรือขุดเจาะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากส่วนแบ่งผลกำไรที่สูงขึ้น โดยพลิกจากผลขาดทุนที่ 11 ล้านบาทมาเป็นกำไร 234 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพราะเรือขุดเจาะสามขาทั้งสามลำของบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง ("AOD") ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่เมอร์เมดมีหุ้น 33.8% ได้เริ่มให้บริการตามสัญญาว่าจ้างงานระยะเวลา 3 ปีที่ทำไว้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย

โทรีเซน ชิปปิ้ง
กำไรสุทธิของโทรีเซน ชิปปิ้งโต 490% มาอยู่ที่ 117 ล้านบาท นับเป็นกำไรสุทธิของไตรมาสแรกที่สูงสุดในรอบ 3 ปี โดยเป็นผลมาจากอัตราค่าจ้างรายวันที่สูงขึ้น โครงสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รายได้จากค่าระวางเรือที่โทรีเซนชิปปิ้งได้รับเพิ่มขึ้นจาก 7,542 เหรียญสหรัฐต่อวันมาเป็น 10,466 เหรียญสหรัฐต่อวันในไตรมาสนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเริ่มที่จะฟื้นตัวจากการตกต่ำมาเป็นระยะเวลานาน ส่วนค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของเรือลดลงมาอยู่ที่ 4,057 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยทั่วไปของตลาดที่ 5,121 เหรียญสหรัฐต่อวัน ในขณะที่ต้นทุนโดยรวมลดลงจากปีก่อนที่ 9,822 เหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ 7,806 เหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้

โดยสรุป โทรีเซนชิปปิ้งมีกำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงขึ้นถึง 237% จาก 86 ล้านบาทในปีก่อนมาเป็น 289 ล้านบาทในไตรมาสนี้

UMS
ในช่วงเริ่มไตรมาสแรกของปี 2557 UMS พยายามที่จะปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และเพิ่มความแข็งแรงให้กับสถานภาพทางการเงิน จึงหันกลับมาเร่งระบายถ่านหินขนาด 0-5 มม อีกครั้ง ทำให้สัดส่วนในการขายถ่านหินขนาด 0-5 มม. ซึ่งเป็นถ่านหินที่มีกำไรน้อยเพิ่มขึ้นจาก 22% ในปีก่อนมาเป็น 56% ในไตรมาส 1/2557 อย่างไรก็ดี การกลับมาระบายถ่านหินขนาดเล็กประกอบกับกระบวนการด้านโลจิสติกส์ที่ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ได้ส่งผลกดดันต่อผลกำไร ทำให้ UMS มีผลขาดทุนสุทธิที่ 35 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ UMS ยังคงเดินหน้าเจรจากับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อหาหนทางในการทำให้บริษัทสามารถกลับมาขนส่งทางน้ำได้อีกครั้ง เพื่อให้กระบวนการด้านโลจิสติกส์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บาคองโค
บาคองโคยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24% มาอยู่ที่ 88 ล้านบาท ธุรกิจปุ๋ยและคลังสินค้ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยธุรกิจปุ๋ยสามารถสร้างอัตราผลกำไรที่สูงขึ้นจากการจัดหาวัตถุดิบด้วยราคาต้นทุนที่ต่ำลง และเพิ่มกิจกรรมด้านการตลาดในประเทศที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธุรกิจคลังสินค้าก็ทำผลงานได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวคลังสินค้าบาคองโคหมายเลข 5 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556

สรุปผลประกอบการในไตรมาส 1/2557
กำไรสุทธิของ TTA เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 311% มาอยู่ที่ 250 ล้านบาท รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26% มาอยู่ที่ 5,297 ล้านบาท และกำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ TTA ซึ่งเป็นการวัดกำไรเงินสดเพิ่มขึ้น 138% มาอยู่ที่ 1,093 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวดีขึ้นของอัตราผลกำไรในธุรกิจหลักต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรอย่างมีสาระสำคัญจากผลการดำเนินงานของ AOD

แนวโน้ม
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า "เราประสบความสำเร็จในการพยายามสร้างอัตราผลกำไรที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนในทุกหน่วยธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวโน้มที่เหลือของปี 2557 และปีต่อไปๆ ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยเราคาดว่า กิจกรรมสำรวจในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แนวโน้มการฟื้นตัวในธุรกิจชิปปิ้ง ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจในเวียดนามจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ TTA ในอนาคต และถึงแม้ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงในช่วงนี้ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ TTA เนื่องจากรายได้ของเราเกือบ 80% อยู่ในรูปสกุลเงินสหรัฐ"

"เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกสำหรับแนวโน้มของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการใช้งานบริการสำรวจและผลิตจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เราพยายามที่จะหาสัญญาจ้างงานระยะยาวที่ให้อัตราผลกำไรสูงต่อไป ทั้งนี้ เมอร์เมดเพิ่งจะสั่งต่อเรือขุดเจาะท้องแบนสองลำและเรือซ่อมบำรุงอีกหนึ่งลำ เพื่อให้บริษัทมีเรือเพียงพอที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยเรือทั้งสามลำกำหนดส่งมอบในช่วงปี 2559 ในขณะเดียวกัน เราก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตสำหรับโทรีเซน ชิปปิ้ง เนื่องจากในเดือนมีนาคมนี้ เราจะได้รับเงินทุนจากการที่ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามา ซึ่งเราหวังที่จะใช้เงินดังกล่าว สำหรับขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้เพิ่มสูงถึง 30 ลำ หากสถานการณ์ตลาดเรือมือสองเอื้ออำนวยและความดึงดูดของการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การลงทุนของกลุ่ม TTA"

"สำหรับ UMS สิ่งที่เราให้ความสำคัญเร่งด่วน คือการทำให้คลังสินค้าที่สมุทรสาครสามารถกลับมาดำเนินการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาหนทางที่จะเพิ่มรายได้ ด้วยการส่งถ่านหินไปขายยังตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ส่วนบาคองโคถึงแม้ว่าจะทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ แต่เราก็ยังคงมองหาหนทางที่จะทำให้ธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจคลังสินค้าเติบโตขึ้นอีก โดยในช่วงไตรมาสสามที่จะถึงนี้ เราจะเพิ่มสายการผลิตปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกำลังผลิตได้ประมาณ 100,000 ตัน"

ที่มา -