ผู้ประกอบการกลุ่มเดินเรือ คาดกลางปีนี้ฟื้นตามเศรษฐกิจโลก

[mrtnews]

ผู้ประกอบการกลุ่มเดินเรือคาดแนวโน้มอุตสาหกรรมเดินเรือช่วงกลางปีดีขึ้น อานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้น พรีเชียสเล็งเพิ่มกองเรือ

นายคาลิต มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเซียส ชิปปิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSL) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย ค่าระวางเรือในปีนี้ จะทำได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเดินเรือโดยรวม หลังจากภาพรวมอุตสาหกรรมเดินเรือที่ผ่านมาผันผวน ขณะที่ไตรมาสแรก ค่าเฉลี่ยระวางเรือของบริษัทยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยคาดการณ์ว่าค่าดัชนี BDI จะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงกลางปีนี้ และจะส่งผลให้อุตสาหกรรมเดินเรือทั้งระบบจะดีขึ้นตาม โดยในปีที่แล้วค่าดัชนี BDI เฉลี่ยอยู่ที่ 1,206 จุด

"อุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดีเพราะมีเรือออกจากระบบมากยิ่งขึ้น และเห็นได้จากดัชนีค่าระวางเรือ(BDI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 56 ดัชนี BDI เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1,206 จุด หลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งในเอเชีย สหรัฐฯและยุโรปเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ขณะที่ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายค่าระวางเรือเฉลี่ยจะพยายามให้เท่ากับดัชนีค่าระวางเรืออุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทติดสัญญาการเดินเรือที่ทำไว้ล่วงหน้า และค่าระวางเรือยังผันผวนไม่สอดคล้องกับ BDI โดยในงวดไตรมาส 1/57 ค่าระวางเรือของบริษัทฯ ยังคงต่ำกว่าอุตสาหกรรมเล็กน้อย"

เขากล่าวว่าปีนี้บริษัทเตรียมรับมอบเรืออีกจำนวน 6 ลำ จากปีก่อน ณ สิ้นวันที่ 31 ธ.ค.2556 บริษัท มีเรือทั้งหมด 40 ลำ โดยจะรับมอบเรือซีเมนต์ จำนวน 4 ลำ ซึ่งจะทยอยรับมอบไตรมาสละลำ และเรือ ULTRA อีกจำนวน 2 ลำ รับมอบเดือน ก.ค.นี้ มูลค่ารวมทั้งหมด 154 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันยังมีแผนการเพิ่มกองเรืออย่างต่อเนื่อง โดยภายในปี 2559 มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเรือเป็น 60-65 ลำ

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทรีเซนไทย (TTA) กล่าวว่าบริษัทจะเน้นการสร้างอัตราผลกำไรที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนในทุกหน่วยธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวโน้มที่เหลือของปี 2557 และปีต่อไปๆ ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยคาดว่า กิจกรรมสำรวจในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แนวโน้มการฟื้นตัวในธุรกิจชิปปิง ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจในเวียดนามจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในอนาคต และถึงแม้ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงในช่วงนี้ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากรายได้ประมาณ 80% อยู่ในรูปสกุลดอลลาร์

"บริษัทมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มของธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการใช้งานบริการสำรวจและผลิตจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้พยายามที่จะหาสัญญาจ้างงานระยะยาวที่ให้อัตราผลกำไรสูงต่อไป ทั้งนี้ เมอร์เมดเพิ่งจะสั่งต่อเรือขุดเจาะท้องแบนสองลำและเรือซ่อมบำรุงอีกหนึ่งลำ เพื่อให้บริษัทมีเรือเพียงพอที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยเรือทั้งสามลำกำหนดส่งมอบในช่วงปี 2559 ในขณะเดียวกัน เราก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตสำหรับโทรีเซน ชิปปิ้ง เนื่องจากในเดือนมีนาคมนี้ เราจะได้รับเงินทุนจากการที่ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามา ซึ่งเราหวังที่จะใช้เงินดังกล่าว สำหรับขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้เพิ่มสูงถึง 30 ลำ หากสถานการณ์ตลาดเรือมือสองเอื้ออำนวยและความดึงดูดของการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การลงทุนของกลุ่ม"

"สำหรับบริษัทยูนิคไมนิ่ง (UMS) สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วน คือ การทำให้คลังสินค้าที่สมุทรสาคร สามารถกลับมาดำเนินการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาหนทางที่จะเพิ่มรายได้ ด้วยการส่งถ่านหินไปขายยังตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ส่วนบาคองโคถึงแม้ว่าจะทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ จะเพิ่มสายการผลิตปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกำลังผลิตได้ประมาณ 100,000 ตัน"

ทั้งนี้ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ และได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน บมจ. ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria)

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) ประกาศผลกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่าง 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นผลประกอบการสำหรับไตรมาสหนึ่งที่สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ 2552 โดย 3 ใน 4 ของธุรกิจหลัก

ที่มา -