ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา หาเงินทางเน็ต งาน Part-time MLM ทุกรูปแบบ ธุรกิจที่มี downline ปั่นลิก์ SEOเด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

จีนหนาว! ญี่ปุ่นกร้าวเพิ่มบทบาทด้านมั่นคงภูมิภาค หนุนหลังชาติคู่ปรับปักกิ่ง

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 31, 14, 19:35:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

รอยเตอร์ส/เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ในวันศุกร์ (30 พ.ค. 57) วางเป้าผลักดันให้ญี่ปุ่นมีบทบาทมากขึ้นในด้านความมั่นคงของภูมิภาค และบอกว่าโตเกียวจะให้ความสนับสนุนอย่างสุดกำลังแก่ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลายประเทศมีประเด็นข้อพิพาททางทะเลกับจีน ซึ่งเป็นคู่อริตัวยางของพวกเขา


ในการเปิดเผยถึงแนวทางการถ่วงดุลอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในแบบฉบับของโตเกียว นายอาเบะเสนอให้ความช่วยเหลือแก่พันธมิตรทั้งหลายแหล่ในภูมิภาค เพื่อรับประกันความมั่นคงทางทะเลและอากาศ โดยระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ พร้อมเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงกับออสเตรเลียและอาเซียน "ญี่ปุ่นมีความตั้งใจแสดงบทบาทเชิงรุกให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพื่อสร้างสันติภาพในเอเชียและแน่นอนว่า แก่โลกใบนี้ด้วย" อาบะ กล่าวบรรยาย ณ ที่ประชุมประจำปีด้านความมั่นคงเอเชียในสิงคโปร์

อาเบะเผยว่าญี่ปุ่นจะจัดเรือลาดตระเวณยามชายฝั่งใหม่ 10 ลำแก่ฟิลิปปินส์ หนึ่งในชาติที่มียุทโธปกรณ์กองกำลังความมั่นคงล้าสมัยที่สุดของเอเชีย หลังจากได้มอบแก่อินโดนีเซียไปก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ เวียดนาม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับความช่วยเหลือแบบเดียวกัน

จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และปฏิเสธการอ้างกรรมสิทธิ์เหลือพื้นที่บางส่วนของทะเลจีนใต้จากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน มาเลเซียและบรูไน ขณะที่ปักกิ่งยังมีข้อพิพาททางทะเลในประเด็นอื่นกับญี่ปุ่น เกี่ยวกับหมู่เกาะต่างๆในทะเลจีนตะวันออก

นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังกล่าวเน้นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศต่างๆต้องเคารพกฎหมายสากล ซึ่งถูกหยิบยกมาประณามท่าทีรุกรานทางทหารของจีนบ่อยครั้ง "ญี่ปุ่นจะเสนอมอบการสนับสนุนขั้นสูงสุดแก่ประเทศต่างๆในอาเซียน ขณะที่พวกเขามีภาระรับประกันความมั่นคงทางทะเลและอากาศ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเสรีภาพของการเดินเรือและเสรีภาพของการบิน"

คำกล่าวของอาเบะ สอดคล้องกับความพยายามของเขาที่ประสงค์ผลักดันให้มีการยกเลิกข้อจำกัดทางทหารยุคหลังสงคราม และตีความรัฐธรรมนูญที่ห้ามกองทัพญี่ปุ่นทำสงครามนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

รัฐธรรมนูญที่ร่างตามคำสั่งของสหรัฐหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 บัญญัติไว้ว่า ชาวญี่ปุ่นไม่ขอทำสงครามตลอดกาล และจะไม่มีกำลังทหารทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงศักยภาพในการทำสงครามอื่นๆ

ในส่วนของสหรัฐฯ ก็แสดงการสนับสนุนจุดยืนล่าสุดของนายอาเบะ โดยนายชัค เฮเกล และพลเอกมาร์ติน เดมพ์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ได้พบปะกับนายอาเบะ ไม่นานก่อนที่เขาจะกล่าวปราศรัย ทั้งนี้นายเฮเกล ได้นำความปรารถนาดีจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาถ่ายทอดต่อและบอกว่า "เราสนับสนุนคุณให้ทำตามในสิ่งที่คุณริเริ่ม"

อย่างไรก็ตามด้วยความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่น มึนตึงจากข้อพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกและมรดกแห่งการรุกรานสมัยสงครามของโตเกียว ทางผู้แทนของปักกิ่งที่ร่วมประชุมในสิงคโปร์ ได้โต้แย้งว่าเป็นญี่ปุ่นเอง ที่กำลังก่อความเสี่ยงร้ายแรงแก่ภูมิภาค ด้วยการยกข้อพิพาททางทะเลระหว่างสองชาติให้ดูรุนแรงเกินจริง

"เขาทำมันให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ด้วยบอกว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามต่อประเทศญี่ปุ่น" ฟู่ หยิง ประธานคณกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของรัฐสภาจีน พูดโต้แย้งก่อนทีนายอาเบะจะกล่าวปราศรัย "จากนั้น เขาก็ยกมันนำมาเป็นข้ออ้าง ในความพยายามปรับเปลี่ยนนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่น ซึ่งมันกำลังก่อความมั่นคงต่อภมิภาคและต่อจีนด้วย"

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จีนทำแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์เข้าไปจอดในน่านน้ำข้อพิพาท ซึ่งเวียดนามอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน เป็นชนวนเหตุให้เรือจากสองประเทศหลายสิบคนห้อมล้อมแท่นขุดเจาะน้ำมันดังกล่าว

ในวันอังคาร (27 พ.ค. 57) ฮานอยกล่าวหาว่าเรือประมงลำหนึ่งของเวียดนามถูกเรือของจีนจำนวนถึง 40 ลำ เข้ารุมล้อมและโจมตีเมื่อบ่ายวันจันทร์ (26 พ.ค. 57) จนกระทั่งจมลง แต่ลูกเรือ 10 คนได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงเวียดนามด้วยกันที่อยู่ในบริเวณนั้น


เหตุปะทะกันจนถึงขั้นเรือจมคราวนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่กรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนในทะเลจีนใต้ระหว่างสองประเทศได้ปะทุเดือดขึ้นมาตอนต้นเดือนนี้ จากการที่จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามา ยังผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเรือจำนวนเป็นสิบๆ ลำของทั้งสองฝ่าย โดยมีรายงานว่าได้เกิดเหตุเรือชนกระแทกกันตลอดจนมีการใช้เครื่องฉีดน้ำกำลังแรงเข้าใส่กัน

นอกจากนั้นแล้ว กรณีนี้ยังก่อให้เกิดกระแสประท้วงต่อต้านจีนขึ้นในหมู่ชาวเวียดนาม ซึ่งลุกลามถึงขั้นเป็นเหตุจลาจลในหลายเมืองของเวียดนาม สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ปักกิ่งรายงานว่า คนงานจีนเสียชีวิต 4 ราย ขณะที่เวียดนามให้ตัวเลข 3 ราย

ขณะที่ฟิลิปปินส์และฮานอย ประณามพฤติกรรมทางทะเลของจีนอย่างดุเดือด ประเทศอื่นๆอย่างมาเลเซีย ก็แสดงความกังวลต่อกระแสโกรธแค้นจีน เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับปักกิ่งอย่างลึกซึ้ง "รัฐบาลของผมสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อความพยายามของฟิลิปปินส์ ที่เรียกร้องให้มีการคลี่คลายข้อพิพาทในทะเลจีนใต้" อาเบะระบุ "ขณะเดียวกันเราก็สนับสนุนเวียดนาม ที่พยายามคลี่คลายปัญหานี้ผ่านการเจรจา"

ที่มา -