นักธุรกิจอินเดียสนใจบริหารท่าเทียบเรือนาเกลือ กันตัง

[mrtnews]

ตรัง - นักธุรกิจอินเดียสนใจเข้าบริหารจัดการท่าเทียบเรือนาเกลือที่ อ.นาเกลือ เพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้า

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.57 นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง(อบจ.ตรัง) ให้การต้อนรับตัวแทนบริษัท ซิงค์ มารีน ซินดิเคท ลิมิเต็ด จากประเทศอินเดีย ที่เข้าพบเพื่อขอข้อมูล และขออนุญาตสำรวจความเป็นไปได้ที่จะบริหารจัดการท่าเทียบเรือนาเกลือ ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 2 ต.นาเกลือ อ.กันตัง

นายกิจ กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างพื้นที่ดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่หลังท่า พื้นที่เทกองสินค้า อาคารสำนักงานบริหารท่าเรือ อาคารซ่อมบำรุง อาคารห้องสุขา ด่านตรวจและชั่งน้ำหนักโกดังสินค้า ด้านกักกันพืช สัตว์ สถานีสูบน้ำและห้องเครื่อง โรงอาหาร และลานที่จอดรถ รวมทั้งที่ตั้งระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ถนนในโครงการที่เชื่อมต่อจนถึงถนนไปบ้านนาเกลือเหนือ

ทั้งนี้เนื่องจากนักธุรกิจจากประเทศอินเดียเห็นว่าท่าเทียบเรือนาเกลือตั้งอยู่บนเส้นทางเชื่อมโยงการเดินเรือสินค้าระหว่างประเทศและมีทำเลที่ดีซึ่งจะส่งผลต่อการจัดการขนส่งสินค้าจากต้นทางมาปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพอีกทั้งท่าเทียบเรือนาเกลือยังตั้งอยู่ไม่ห่างจากท่าเทียบเรือในประเทศอินเดียมากนัก ซึ่งขณะนี้อบจ.ตรัง ได้รับงบประมาณจากกรมเจ้าท่าดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือนาเกลือจำนวน 406,945,000 บาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2555

เพื่อให้เป็นท่าเรือที่มีขนาดความกว้าง 29 เมตร ยาว 185 เมตร ความลึกหน้าท่า 5.5 เมตร สามารถรองรับเรือบรรทุกสินค้าประเภทเทกอง ขนาด 4,000 ตัน

นอกจากนี้ท่าเทียบเรือแห่งนี้เรือจะจอดเทียบท่าได้ 2 ลำต่อครั้ง แยกเป็นท่าเรือส่งออก 1 ท่า และเป็นท่าเรือนำเข้า 1 ท่า; ซึ่งมีบริษัทพร้อมมิตร เอสเอเอฟที จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายในระยะเวลา 900 วัน แต่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาภายในวันที่ 16 ก.ย. 57 นี้

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามล่าสุดพบว่าการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 90 % เมื่อการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือแล้วเสร็จ จะทำให้การขนส่งสินค้าจากจังหวัดตรัง รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงไปยังประเทศต่างๆ เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บังกลาเทศ ศรีลังกา และอินเดีย ที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญ

ที่มา -



นักธุรกิจอินเดียสนใจบริหารท่าเรือนาเกลือ หลังเจ้าท่าทุ่มกว่า 400 ล้าน แล้วเสร็จปลายปี 57

ตรัง - นักธุรกิจอินเดีย สนใจเข้าบริหารจัดการท่าเทียบเรือนาเกลือ เพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ หลังกรมเจ้าท่าทุ่มงบประมาณสร้างกว่า 400 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้

นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง ได้นำคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับตัวแทนบริษัท ซิงค์ มารีน ซินดิเคท ลิมิเต็ด จากประเทศอินเดีย เพื่อขอข้อมูล และขออนุญาตสำรวจความเป็นไปได้ที่จะบริหารจัดการท่าเทียบเรือนาเกลือ ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง

โดยจะครอบคลุมพื้นที่หลังท่า พื้นที่เทกองสินค้า อาคารสำนักงานบริหารท่าเรือ อาคารซ่อมบำรุง อาคารห้องสุขา ด่านตรวจ และชั่งน้ำหนักโกดังสินค้า ด้านกักกันพืช-สัตว์ สถานีสูบน้ำ และห้องเครื่อง โรงอาหาร และลานที่จอดรถ รวมทั้งที่ตั้งระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และถนนในโครงการที่เชื่อมต่อจนถึงถนนไปบ้านนาเกลือเหนือ

ทั้งนี้ เนื่องจากนักธุรกิจจากประเทศอินเดียเห็นว่า ท่าเทียบเรือนาเกลือ ตั้งอยู่บนเส้นทางเชื่อมโยงการเดินเรือสินค้าระหว่างประเทศ และมีทำเลที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดการขนส่งสินค้าจากต้นทางมาปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งท่าเทียบเรือนาเกลือ ยังตั้งอยู่ไม่ห่างจากท่าเทียบเรือในประเทศอินเดียมากนัก

อบจ.ตรัง ได้รับงบประมาณจากกรมเจ้าท่า มาดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ จำนวน 406,945,000 บาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เพื่อให้เป็นท่าเรือที่มีขนาดความกว้าง 29 เมตร ยาว 185 เมตร ความลึกหน้าท่า 5.5 เมตร สามารถรองรับเรือบรรทุกสินค้าประเภทเทกอง ขนาด 4,000 ตัน

โดยเรือจะจอดเทียบท่าได้ 2 ลำ/ครั้ง แยกเป็นท่าเรือส่งออก 1 ท่า และเป็นท่าเรือนำเข้า 1 ท่า ซึ่งมีบริษัท พร้อมมิตร เอสเอเอฟที จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายในระยะเวลา 900 วัน แต่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาภายในวันที่ 16 กันยายน 2557 นี้ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามล่าสุด พบว่าการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 90%

ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือแล้วเสร็จ จะทำให้การขนส่งสินค้าจากจังหวัดตรัง รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงไปยังประเทศต่างๆ เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บังกลาเทศ ศรีลังกา และอินเดีย ที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อการพัฒนาท่าเทียบเรือ และการส่งออกในจังหวัดตรัง รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ที่มา -