ข่าว:

รับสมัครเฉพาะชาวเรือและผู้ที่สนใจที่เป็นคนไทยเท่านั้น สมัครแล้วรออนุมัติประมาณ 2-3 วัน หากต้องการด่วนโปรดแจ้ง webmaster@marinerthai.net

Main Menu

งานหนักวัดกึ๋น “แม่ทัพตำรวจน้ำ” น้ำมันเถื่อน-สินค้าหนีภาษี-ค้ามนุษย์

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 15, 13, 11:18:22 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

ขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อน-สินค้าหนีภาษี รวมถึงขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติชาวโรฮิงญา โดยใช้น่านน้ำทะเลไทยเป็นจุดศูนย์กลางในการลำเลียง เกิดขึ้นมานานหลายยุคหลายสมัยแล้ว ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จอย่างจริงจัง จะโทษใครได้นอกจาก "ข้าราชการ" บางคน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแล ทำตัวเป็นเหลือบคอยรู้เห็นเป็นใจ "รับส่วย- รับผลประโยชน์" จากพวกนายทุน..!!! และนับวันยิ่งทวีความรุ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ


โดยเฉพาะ "นายทุนค้าน้ำมันเชื้อเพลิง" ขณะนี้ทำกันเป็นขบวนการใหญ่ สร้างความเสียหายด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ คิดเป็นเม็ดเงินแล้วมหาศาลนับมูลค่าไม่ได้...ทำให้ "รัฐบาล" เริ่มตื่นตัว มอบหมายให้ "กองบังคับการตำรวจน้ำ" เป็นผู้จัดการดูแลปราบปรามขบวนการพวกนี้ โดยเฉพาะ "น้ำมันเถื่อน" ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเป็นการทำงานที่ท้าทายตำรวจน้ำ

จึงทำให้ "พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน" ผบก.รน. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลน่านน้ำไทย ต้องออกมาดูแลเข้มข้น มอบหมายนโยบายกำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนาย เพื่อสร้างผลงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และเปิดเผยกับ "ทีมข่าวอาชญากรรม" ว่า สำหรับแนวทางด้าน "การปราบปราม" อย่างจริงจัง แม้ว่าปัจจุบันการลักลอบขนถ่ายน้ำมันเถื่อนทางทะเลจะลดน้อยลงจากเดิมมาก เนื่องจากรัฐบาลได้พยุงราคาน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันในประเทศถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเรือประมงที่ดัดแปลงตัวเรือขนถ่ายน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีที่มีราคาถูกกว่าไปจำหน่ายให้เรือประมงในทะเล และนำมาผสมปลอมปนกับน้ำมันเขียวในเรือสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเขียว ที่จำหน่ายให้เรือประมงในทะเล กองบังคับการตำรวจน้ำได้มีการออกแผนวางกำลังขึงน่านน้ำตั้งแต่ "จังหวัชุมพร" ไปถึง "จังหวัดนราธิวาส" โดยใช้กำลังเรือตรวจการณ์ออกตรวจตลอดระยะทาง

ในส่วนน่านน้ำฝั่งตะวันออก ได้สั่งการให้ทาง กก.5 บก.รน. ให้ตรึงกำลังในน่านน้ำฝั่งตะวันออก โดยใช้เรือตรวจการณ์ เรือเล็กลาดตระเวน สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา เพื่อเป็นป้องกันและปราบปรามอย่างมีประสิทธิ์ภาพและเด็ดขาด

พล.ต.ต.บุญสืบ กล่าวต่อว่า เมื่อปลายปี 55 ที่ผ่านมา ทางชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.รน.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ออกพื้นที่ทำการสืบสวนและสืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน นำเรือประมงดัดแปลงตัวเรือสีน้ำเงิน ขนถ่ายน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีที่มีราคาถูกกว่าไปจำหน่ายให้เรือประมงในทะเล และนำมาผสมปลอมปนกับน้ำมันเขียวในเรือสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเขียว ที่จำหน่ายให้เรือประมงในทะเล

จึงได้สั่งการให้นำเรือตรวจการณ์ 636 ออกลาดตระเวนจนกระทั่งพบเรือประมงต้องสงสัยชื่อ "ภิญโญสิน 3" ลอยอยู่บริเวณทางด้านทิศตะวันออกของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระยะห่างประมาณ 23 ไมล์ทะเล จากฝั่งเกาะกง จึงส่งสัญญาณให้หยุดเรือเพื่อขอทำการตรวจค้น และควบคุมตัวไต๋ก๊งเรือที่เป็นคนไทย ชื่อนายจเร มีแย้ม อายุ 49 ปี พร้อมด้วยลูกเรือชาวกัมพูชาจำนวน 7 คน โดยเรือดังกล่าวได้ทำการดัดแปลงบริเวณใต้ท้องเรือเป็นถังเหล็กจำนวน 10 ถัง ภายในถังบรรจุน้ำมันดีเซลจำนวน 105,000 ลิตร และอุปกรณ์ในการดัดแปลงอื่นๆ อีก 9 รายการ รวมทั้งยึดเงินสดที่ได้มาจากการลักลอบจำหน่ายน้ำมันจำนวน 450,000 บาท รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดที่ยึดได้ประมาณ 10 ล้านบาท จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ลักลอบขนถ่ายน้ำมันเถื่อนมาจากเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้ามาจำหน่ายให้กับเรือประมงในทะเลอ่าวไทย ทางด้านเกาะสมุย เกาะพะงัน และ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช


สำหรับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนไม่ธรรมดาจริงๆ การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนยังเป็นขบวนการใหญ่ที่เจ้าหน้าที่ปราบไม่เสร็จเด็ดขาด จากสถิติรายงานผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.55-5 ก.พ.56 บก.รน.มียอดจับกุม 15 ราย ผู้ต้องหา 22 คน ของกลางน้ำมันเถื่อน 307,950 ลิตร มูลค่าความเสียหาย 7,682,800 บาท

พล.ต.ต.บุญสืบ กล่าวต่อว่า การลักลอบขนน้ำมันเถื่อนมากน้อยเพียงใด ต้องนำยอดขายภาพรวมของกรมธุรกิจพลังงานมาเปรียบเทียบ หากมียอดขายสูง แสดงว่าการลักลอบลดน้อยลง ในทางกลับกัน หากมียอดขายลด แสดงว่ามีการลักลอบมากขึ้น ทั้งนี้หลังจากตำรวจน้ำกวดขันอย่างหนัก ทำให้การลักลอบขนถ่ายน้ำมันเถื่อนทางน้ำลดลง แต่ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนกลับเปลี่ยนยุทธวิธีใช้รถขนถ่ายน้ำมันผ่านด่านข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่เรียกว่า "น้ำมันทรานซิส"

โดยใช้เส้นทาง ด่าน อ.แม่สอด จ.ตาก พรมแดนด้าน จ.หนองคาย และชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีการขนถ่ายระหว่างทางเมื่อถึงปลายทางปริมาณน้ำมันจะไม่ตรงกับหลักฐานที่แสดงไว้ สำหรับเรื่องการลักลอบค้าน้ำมันเขียวที่มีการจำหน่ายกันอยู่ในน่านน้ำของไทย ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวไม่ค่อยเกิดขึ้น เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศมีราคาถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ต้องเฝ้าระวังการลักลอบเอาน้ำมันออกไปขายให้ประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น

ในส่วนนี้เป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจในประเทศเรายอมไม่ได้ ต้องมีการปราบปรามกันอย่างจริงจัง ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ประจำการอยู่แต่ละภาคก็ต้องรับผิดชอบและคอยสกัดกั้นปัญหาดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งออกไปทางบกมากกว่า...ส่วนทางน้ำในขณะนี้จากการข่าวยังไม่พบแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ที่พบเป็นเพียงขนถ่ายน้ำมันทางทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีความผิดทาง พ.ร.บ.สรรพสามิตเท่านั้น

นี่คือการทำงานของ "พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน" ผบก.รน. ที่กำลังหาวิธีแบบใหม่ๆ มาทำงานปราบโจร-ผู้ร้าย ที่อยู่ในน่านน้ำให้ได้ผลสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ขบวนการขนของเถื่อน ขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว รวมถึงการปราบแก๊งแมวน้ำ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า "ถ้าหัวส่าย หางกระดิก" อย่างไงก็ประสบความสำเร็จในการปราบปราม..!?! แม้ว่าจะไม่หมดสิ้นไป แต่ก็คงจะเบาบางลงมากกว่าที่ผ่านมา..!?!

ทีมข่าวอาชญากรรม-รายงาน

ที่มา -