มุมมืด "ธุรกิจน้ำมัน" คอลัมน์ เมืองไทย 25น. - ทวี มีเงิน

[mrtnews]

ขณะที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง "ทวงคืน ปตท." อีกฝ่ายก็ประณามว่ามีนัยยะแอบแฝง ซึ่งสุดโต่งกันทั้งคู่ สถานะของ ปตท.มันเลยขั้นที่จะทวงคืน ยิ่งบอกว่าไทยมีน้ำมันดิบอันดับต้นๆ ของโลก ยิ่งเท่ากับ "เต้าข่าว" ขึ้นมาลอยๆ

พวกไม่เห็นด้วยกับการทวงคืน ปตท.ก็มองธุรกิจน้ำมันแบบเป็นผ้าขาวไม่มีรอยแปดเปื้อน แต่หากใครเคยอยู่ในแวดวงน้ำมันจะรู้ว่าภาพมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

แม้แต่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกที่กำลังตกเป็นข่าวไม่กี่วันมานี้ ใครจะเชื่อว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ภาพลักษณ์ดูดี ถูกกระชากหน้ากากโดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ วันที่ 15 พ.ค. 56 ว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปปฏิบัติการสายฟ้าแลบเข้าค้นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง ทั้ง บีพี รอยัลดัตช์ เชลล์ และสแตท ออยล์จากนอร์เวย์ สอบสวนกรณีมีพฤติกรรมฉกฉวยประโยชน์จากการร่วมมือล็อกราคาน้ำมันต่อตลาดโลกเป็นเวลานานนับสิบปีจากการซื้อน้ำมันต่างประเทศ โดยผู้ผลิตน้ำมันบิดเบือนและปั่นราคาซื้อน้ำมันดังกล่าว

รายงานดังกล่าวย้ำว่า คณะกรรมาธิการระบุว่าในกรณีนี้มีการกล่าวอ้างว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลายแห่งของโลกได้ร่วมมือสมรู้ร่วมกันทำรายงานราคาน้ำมันที่บิดเบือนให้แก่หน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปใช้ตีพิมพ์เป็นข้อมูล และเพื่อใช้กำหนดราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่อตลาดโลก โดยก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมไม่โปร่งใสในการกำหนดล็อกราคาน้ำมันในตลาดโลกมาแล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้กว่าจะกระชากหน้ากากออกมาได้ ผู้บริโภค น้ำมันทั่วโลก รวมทั้งคนไทยต้องจ่ายเงินซื้อน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริงนานหลายปี เพราะเหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ ปี 2005 จนถึงปีนี้ 2013

ในบ้านเราเคยมีคนตั้งข้อสงสัยเช่นกันว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นลงทุกวันนี้เป็นไปตามกลไกตลาดหรือไม่ เพราะการซื้อน้ำมันมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลายเดือน แต่เวลาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นราคาน้ำมันในเมืองไทยขยับตามทันที ไม่มีหน่วยงานคอยตรวจสอบว่าการขึ้นราคาน้ำมันแต่ละครั้งเป็นไปตาม ข้อเท็จจริงหรือว่าฉวยโอกาส

หรือคำถามว่าทำไมบ้านเรามีโรงกลั่นเอง แต่ต้องไปอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ ก็ยังเป็นคำถามคาใจที่คำตอบยังไม่ชัดเจน

แต่ยังไม่มีใครจับได้คาหนังคาเขา

ที่มา -