ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ดีปซีแชลเลนเจอร์ ดำ ดิ่ง เดี่ยว..ลึกสุดโลก

เริ่มโดย mrtnews, พ.ค 27, 13, 16:01:27 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

หลายปีมาแล้วที่เขาใฝ่ฝันอยากดำลงสู่ก้นร่องลึกบาดาลมาเรียนา (Mariana Trench) ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรและบนพื้นผิวโลก ในการทำความฝันนั้นให้เป็นจริง เจมส์ แคเมอรอน นักสำรวจและนักสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง ต้องออกแบบและสร้างยานพาหนะขึ้นเอง นั่นคือยานสำรวจใต้น้ำล้ำยุค ดีปซีแชลเลนเจอร์ (DEEPSEA CHALLENGER) หลังจากใช้เวลาเจ็ดปีในการวิจัย ออกแบบ และทดสอบ คำถามหนึ่งยังคงค้างคาใจ นั่นคือ ยานลำนี้จะรอดพ้นจากแรงดันมหาศาลที่ระดับความลึก 11,000 เมตรได้หรือไม่ ขณะที่โครงการสำรวจซึ่งกินเวลานานสองเดือนใกล้สิ้นสุดลง แคเมอรอนใช้ชีวิตเขาเองเป็นเดิมพันเพื่อค้นหาคำตอบนี้


เวลา 05:15 น. วันที่ 26 มีนาคม ปี ค.ศ. 2012

ก่อนฟ้าสางในท้องทะเลมืดมิด ยาน ดีปซีแชลเลนเจอร์ ของผมโยกคลอนขึ้นลงและแกว่งไปมาขณะคลื่นลูกยักษ์ของมหาสมุทรแปซิฟิกม้วนตัวอยู่เหนือศีรษะผม ยานสีเขียวสดที่ยังยึดอยู่กับเครนบนเรือลอยตัวในแนวดิ่ง ดูประหนึ่งตอร์ปิโดที่เล็งสู่แกนกลางโลกลุยกันเลย ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกดไมโครโฟนบอกไปว่า "โอเค พร้อมเริ่มดำลงแล้ว ปล่อยเลย ปล่อยเลย!"

หัวหน้านักประดาน้ำกระตุกสายคล้อง ทุ่นลอยหลุดออก ยานดิ่งลงราวกับหินก้อนหนึ่ง และภายในไม่กี่วินาที ร่างของนักประดาน้ำก็ค่อย ๆ เล็กลงแล้วเลือนหายไป เหลือเพียงความมืดมิด ผมกำลังดิ่งลงด้วยความเร็วราว 150 เมตรต่อนาที หลังจากใฝ่ฝันมาชั่วชีวิต ใช้เวลากว่าเจ็ดปีไปกับการพัฒนาและสร้างยาน ในที่สุดผมก็กำลังมุ่งหน้าสู่แชลเลนเจอร์ดีป (Challenger Deep) จุดลึกที่สุดในบรรดามหาสมุทรของโลก

เวลา 05:50 น. ความลึก 3,810 เมตร

ผมลงมาถึงความลึกของ ไททานิก ภายในเวลาเพียง 35 นาที และดิ่งลงด้วยความเร็วสี่เท่าของยานใต้น้ำ เมียร์ (Mir) สัญชาติรัสเซียที่พวกเราใช้เมื่อปี ค.ศ. 1995 เพื่อถ่ายทำเกี่ยวกับซากเรืออับปางอันโด่งดังลำนั้นสำหรับใช้ในการสร้างภาพยนตร์ ในตอนนั้น ผมรู้สึกราวกับว่า ไททานิก จมอยู่ที่ความลึกสุดโต่งที่สุดในจินตนาการของมนุษย์แล้ว มาตอนนี้ผมกำลังโบกมือไหว ๆ ขณะแล่นผ่านความลึกนั้นไป
เวลา 06:46 น. ความลึก 8,230 เมตร


ผมเพิ่งดิ่งเลยความลึกของการดำสำรวจเดี่ยว ซึ่งเป็นสถิติก่อนหน้านี้ของตัวเอง เมื่อสามอาทิตย์ก่อนที่ร่องลึกบาดาลนิวบริเตน (New Britain Trench) นอกชายฝั่งปาปัวนิวกินี ไม่น่าเชื่อว่าผมยังต้องดำลงไปอีก 2,740 เมตร เวลาราวกับยืดยาวออกไป

เวลา 07:43 น. ความลึก 10,850 เมตร

ขณะยานเคลื่อนที่ช้าลงในช่วง 2,740 เมตรสุดท้าย ผมปล่อยอับเฉาบางส่วนออกไป เป็นตลับลูกปืนเหล็กกล้าที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อลดภาวะการลอยตัว (buoyancy) ของยาน ตอนนี้เราอยู่ในสภาพการลอยตัวเกือบ "เป็นกลาง" ไม่หนักไม่เบา ขณะดำลงอย่างช้า ๆ โดยอาศัยแรงขับดันเพียงอย่างเดียว มาตรวัดความสูงระบุว่า ก้นสมุทรอยู่ต่ำลงไป 46 เมตร

30 เมตร...27 เมตร...24 เมตร...ผมน่าจะเห็นอะไรสักอย่างแล้ว 21...18...ในที่สุดผมก็เห็นแสงเรือง ๆ สะท้อนขึ้นมาจากก้นสมุทรสีเรียบราวกับเปลือกไข่ ไร้ซึ่งรายละเอียดใด ๆ ผมยังไม่แน่ใจว่าพื้นผิวเบื้องล่างแข็งพอหรือไม่ จึงละมือข้างหนึ่งจากคันบังคับเครื่องยนต์ชั่วครู่ เพื่อสาดไฟสปอตไลต์ไปทั่วบริเวณ น้ำใสแจ๋วจนผมมองเห็นได้ไกลลิบ ผมเคยเห็นก้นสมุทรจากการดำสำรวจใต้ทะเลลึกมามากกว่า 80 ครั้ง แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

เวลา 07:46 น. ความลึก 10,898.5 เมตร

ผมค่อย ๆ บังคับยานให้ลงถึงก้นสมุทร จากกล้องที่ติดตั้งอยู่บนแขนกล ผมเห็นขายานจมลงไปราว 10 เซนติเมตร ก่อนจะหยุดนิ่ง ผมลงจอดแล้ว การดำลงมาใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็มีเสียงจากเบื้องบนสูงขึ้นไป 11 กิโลเมตร "ดีปซี แชลเลนเจอร์ จากพื้นผิว ขอตรวจสอบการสื่อสาร" เสียงที่ได้ยินแผ่วเบา แต่ชัดเจนอย่างน่าขนลุกผมชำเลืองดูมาตรวัดความลึก แล้วกดไมค์ตอบไปว่า "พื้นผิว จาก ดีปซีแชลเลนเจอร์ ผมอยู่ที่ก้นสมุทรแล้ว ความลึกคือ 35,756 ฟุต...ระบบอุ้มชูชีวิตปกติ ทุกอย่างดูปกติ"

หลายวินาทีอันยาวนานผ่านไป ระหว่างข้อความของผมวิ่งจากก้นบึ้งของโลกขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็วเสียง และคำตอบวิ่งย้อนกลับลงมา"ทราบแล้วเปลี่ยน" ผมนึกภาพออกเลยว่า ทุกคนกำลังยิ้มกว้างและปรบมือกันอยู่ในเรือข้างบน ที่แน่ ๆ ซูซี ภรรยาผม คงโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ได้เวลาทำงานแล้ว เราวางแผนจะอยู่ที่ก้นสมุทรเพียงห้าชั่วโมง และมีเรื่องต้องทำเยอะมาก ผมหักเลี้ยวยานใช้กล้องกวาดมองไปรอบ ๆ โลกที่ผมเพิ่งลงมาถึงก้นสมุทรราบเรียบ ไม่มีลักษณะเฉพาะหรือโดดเด่นใด ๆ เลย ผมสตาร์ตระบบไฮดรอลิก เปิดประตูด้านนอกยานที่ติดกับห้องทดลองวิทยาศาสตร์ แล้วยื่นแขนกลไปเก็บตัวอย่างแกนสารตะกอนชิ้นแรกขึ้นมา


เวลา 09:10 น. ความลึก 10,897 เมตร

แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้ว ผมก็ยังรู้สึกทึ่งและนอบน้อมในเอกสิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ และเป็นประจักษ์พยานเบื้องหน้าโลกยุคแรกกำเนิด นักวิทยาศาสตร์หลายคนในทีมของเราเชื่อว่า โลกอาจถือกำเนิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้เมื่อหลายพันล้านปีก่อน

เวลา 10:30 น. ความลึก 10,877 เมตร

ผมหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดสวิตช์ทิ้งน้ำหนักถ่วงสำหรับลอยตัวกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว นี่ถ้าน้ำหนักไม่หลุดออกไป ผมคงไม่ได้กลับบ้าน เป็นอันจบข่าวคลิก ผมได้ยินเสียง ตุ๊ง อันคุ้นเคย เมื่อแผงน้ำหนักขนาด 243 กิโลกรัม สองแผงเลื่อนออกจากราง และดิ่งลงสู่ก้นสมุทร ยานกระชากตัวพุ่งขึ้นไป ก้นสมุทรถอยห่างออกไปและจมหายไปในความมืดชั่วนิรันดร์ของมันทันที ขณะความเร็วเพิ่มสูงขึ้น ตะกอนที่ติดอยู่กระจายออกมาอย่างรุนแรงจากบริเวณห้องเก็บตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์ ผมทะยานด้วยความเร็วมากกว่าสามเมตรต่อวินาที เร็วที่สุดตั้งแต่ยานลำนี้เคยขับเคลื่อนมา และจะไปถึงผิวน้ำภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ความรู้สึกโล่งอกแผ่ซ่านทั่วกายขณะตัวเลขลดต่ำลงเรื่อย ๆ ผมกำลังเดินทางกลับสู่โลกแห่งแสงอาทิตย์ อากาศ และจุมพิตอันหอมหวานของซูซี.

เรื่อง : เจมส์ แคเมอรอน
ภาพ : มาร์ก ทีสเซน
นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก
ฉบับภาษาไทย เดือนมิถุนายน




ที่มา -