ปตท.ชะลอสร้างคลังและท่าเรือแอลพีจีเฟส 2 ชี้ปรับโครงสร้างใหม่ราคาสูงลดนำเข้าอนาคต

[mrtnews]

ปตท.ชะลอสร้างคลังและท่าเรือแอลพีจีเฟส2 หลังรัฐปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีใหม่ ที่คาดว่าการนำเข้าจะชะลอตัวลงในอนาคต

นายสรัญ รังคศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้สะท้อนราคาต้นทุนที่เป็นจริงมากขึ้น จะทำให้การนำเข้าแอลพีจีในอนาคตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากนั้นชะลอตัวลง ซึ่งปตท.ได้ปรับแผนที่โดยชะลอการลงทุนการก่อสร้างคลังและท่าเรือ ที่จะรองรับการนำเข้าแอลพีจีได้ประมาณ 2.5แสนตันต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 ออกไป อย่างก็ตามในส่วนของการขยายความสามารถในการรับจ่ายแอลพีจี ระยะที่ 1 ที่คลังก๊าซเขาบ่อยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับรับเรือนำเข้าแอลพีจีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ให้มีกำลังนำเข้าก๊าซสูงสุด 2.5แสนตัน/เดือน จากเดิม 1.32แสน ตัน/เดือน นั้นยังมีความจำเป็นในการดำเนินการเนื่องซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 นี้

ด้านนายชวลิต ทิพพาวนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมาที่จะลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง จากเดิมที่มีการเก็บเงินจากน้ำมันมาชดเชยราคาแอลพีจี นั้น จะส่งผลให้ภาพรวมของราคาขายปลีกอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก ปัจจุบันที่ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน ,ขนส่ง และอุตสาหกรรม อยู่ที่ 24.16บาทต่อกิโลกรัม

เนื่องจาก โครงสร้างราคา ณ วันที่ 15 ธ.ค. 2557 ราคาเนื้อแอลพีจี ยังอิงราคาที่ 333เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 10.96 บาทต่อกิโลกรัม นั้นจะเป็นราคาที่จะต้องไปเฉลี่ยกับราคาแอลพีจีที่หน้าโรงกลั่นน้ำมัน และราคาแอลพีจีนำเข้า ซึ่งเป็นราคาตามสัญญา หรือ contract price (CP) ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าราคาที่อ้างอิงอยู่เดิม อย่างไรก็ตามรัฐจะมีการลดการจัดเก็บเงินจากกองทุนที่เก็บอยู่รวม 5.98บาทต่อกิโลกรัมลง ทำให้ราคาไม่ปรับขึ้นมาก

ราคาแอลพีจี ที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้นนั้น จะทำให้โรงกลั่นน้ำมันผลิตแอลพีจี เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ไม่ยอมขายแอลพีจีเนื่องจากรัฐยังควบคุมราคาเอาไว้ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด โดยคาดว่าน่าจะมีแอลพีจีที่ผลิตเพิ่มได้อีกประมาณ 6หมื่นตันต่อปี ช่วยลดการนำเข้าแอลพีจีลงได้

อย่างไรก็ตามคาดว่าตัวเลขการนำเข้าแอลพีจีจะยังคงเติบโตขึ้นตามปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีราคาที่ถูกว่าราคาน้ำมัน แต่จะเป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลงจากเดิม ที่โตประมาณ7% โดยในปีนี้ คาดว่าการนำเข้าแอลพีจี จะอยู่ที่ประมาณ 2ล้านตันต่อปี

นายชวลิต กล่าวว่า นโยบายการส่งเสริมให้มีการใช้แอลพีจีในภาคปิโตรเคมี เป็นไปเพิ่มต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน การใช้แอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งใช้แล้วหมดไปนั้น สร้างมูลค่าเพิ่มเพียง1เท่า ส่วนการใช้เป็นวัตถุดิบในปิโตรเคมี สร้างมูลค่าเพิ่มได้ ประมาณ 8เท่าโดยเฉลี่ย โดยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีมูลค่าการส่งออกคิดเป็น 6.2% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมด

ที่มา -