ที่ปรึกษาทูตมาเลเซียในำจีนระบุ ร่วมพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลควรเติมปัจจัยไฮเทค

เริ่มโดย mrtnews, ม.ค 28, 15, 06:30:47 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายออง ชงอี (Ong Chong Yi) ที่ปรึกษาสถานทูตมาเลเซียประจำจีนกล่าวว่า พร้อมๆ กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย การพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ควรใส่ปัจจัยไฮเทคเข้าไปด้วย


อย่างเช่น ใช้โลจิสติกส์ระดับสูงและอุปกรณ์ท่าเรือที่มีการพัฒนาโลจิสติกส์ประสิทธิภาพสูงเพื่อบรรลุการผ่านด่านโดยเร็ว และใช้ซอฟท์แวร์ไฮเทค ยกตัวอย่างเวทีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดต้นทุนการค้าต่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพการค้า เป็นต้น

นายออง ชงอีกล่าวในการประชุมเศรษฐกิจโลกของสื่อมวลชนภาษาจีนเกี่ยวกับ " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับจีนในปลายปีมานี้ไม่ว่าทางการเมือง เศรษฐกิจการค้า หรือการแลกเปลี่ยนภาคเอกชนต่างก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว มีขอบเขตร่วมมือกันกว้างใหญ่ มีเนื้อหาหลากหลายมากขึ้น แม้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจโลกยังคงมีปัจจัยไม่แน่นอน ปี 2014 การค้ามาเลเซียกับจีนยังรักษาระดับอยู่ที่กว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีมูลค่า 102,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มาเลเซียกลายเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีนในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ในด้านการลงทุน โครงการความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจสองประเทศก็เปลี่ยนจากกิจการผลิตที่มีมาช้านานกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเงินทุนหนาแน่น ตัวอย่างที่ดีก็คือ วิสาหกิจมาเลเซียได้ลงทุน 15,000 ล้านหยวนในเมืองเทียนจินพัฒนาโครงการแปลงน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดและประยุกต์ใช้


นายออง ชงอีกล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงเส้นทางสายไหม ท่าเรือมะละกาในศตวรรษที่ 15 เคยเป็นท่าเรือการค้าที่คึกคักที่สุดของโลก ได้แสดงบทบาทสำคัญในการค้าระหว่างประเทศ และยืนยงมา 6 ศตวรรษ แล้ว ช่องแคบมะละกายังคงเป็นทางน้ำระหว่างประเทศที่คึกคักมาก แต่สินค้าหลักระหว่างมาเลเซียกับจีนได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 6 ศตวรรษก่อน เช่น ผ้าไหม เครื่องกระเบื้องเคลือบ พริกไทย และเครื่องเทศ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและมีมูลค่าเพิ่มสูงต่างๆ เช่น เครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ สารปีโตรเคมี ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม เป็นต้น

ที่มา -