ข่าว:

คุณ ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน ตอบกระทู้หรือตั้งคำถามใหม่ นะครับ

Main Menu

ประมงเตือนงดกิน ปลาปักเป้า เหตุมีพิษรุนแรง

เริ่มโดย mrtnews, ก.พ 26, 15, 06:55:32 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

อธิบดีกรมประมงเตือนประชาชนงดนำปลาปักเป้ามาบริโภค ชี้มีพิษรุนแรง กินเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันตรายถึงชีวิต


เมื่อวันที่ 24 ก.พ.นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีประชาชนรับประทานปลาปักเป้าน้ำจืดและเสียชีวิตนั้น กรมประมงของเตือนประชาชน ให้หลีกเลี่ยงการบริโภคปลาปักเป้า เพราะถึงแม้จะนำปลามาต้มแล้วแต่พิษของปลาที่ละลายในน้ำจะทนความร้อนได้สูงถึง170 องศาเซลเซียส แม้หุงต้มแล้วก็ยังคงความเป็นพิษอยู่ และ ไม่มียาแก้พิษ โดยปลาปักเป้าชนิดที่มีพิษนั้นแม้บริโภคเพียงเล็กน้อยก็สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะผู้ขาย

"ปัจจุบันการรักษาพิษจากปลาปักเป้านั้นยังไม่มีตัวยาใดที่สามารถแก้พิษได้ จึงอยากฝากเตือนถึงประชาชนไม่ให้นำปลาปักเป้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นน้ำจืดหรือน้ำเค็มมาบริโภคโดยเด็ดขาด และหากสงสัยว่าได้รับพิษจากปลาปักเป้าให้รีบขจัดพิษในเบื้องต้นด้วยการหาซื้อผงถ่านจากร้านขายยาทั่วไปมารับประทานเพื่อดูดพิษในร่างกาย และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน และข้อสำคัญคือไม่ควรรับประทานปลาปักเป้าเป็นอาหาร เพราะยังมีสัตว์น้ำหลายชนิดให้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีอันตราย"นายจุมพลกล่าว

ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าปลาปักเป้าที่พบในน่านน้ำไทยมีทั้งหมด 42 ชนิด แบ่งเป็นปลาปักเป้าน้ำจืด 9 ชนิด และอีก 33 ชนิดเป็นปลาปักเป้าน้ำเค็มและน้ำกร่อย ปลาปักเป้าที่มีไข่อ่อนจะผลิตพิษโดยพิษจะสะสมอยู่ในอวัยวะภายใน พิษของปลาจะเพิ่มมากขึ้นในฤดูวางไข่ อาการของพิษจะกำเริบขึ้นหลังได้รับพิษจากปลาอาการพิษที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 4 ขั้น คือ ขั้นแรก ชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ วิงเวียน อาเจียน กระสับกระส่าย ขั้นที่สอง ชามากขึ้น อาเจียนมาก อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง ยืนและเดินไม่ได้ ขั้นที่สาม เคลื่อนไหวแขนขาไม่ได้ พูดลำบากจนถึงพูดไม่ได้ เนื่องจากสายกล่องเสียงเป็นอัมพาต ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ขั้นที่สี่ กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตทั่วไป หายใจลำบาก เขียวคล้ำ หมดสติ รูม่านตาโตเต็มที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง

"ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ที่ทนพิษไม่ได้ อาการอาจแรงขึ้นจากขั้นแรกถึงขั้นที่สี่และอาจเสียชีวิตได้ในเวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น แต่หากผู้ป่วยสามารถทนพิษได้อาจอยู่ได้นานถึง 24 ชม.ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงหากถึงมือแพทย์"นายจุมพลกล่าว


นายจุมพลกล่าวอีกว่า กรมประมงเคยทำการวิจัยพิษปลาปักเป้าน้ำจืด โดยรวบรวมปลาปักเป้าน้ำจืดจากแหล่งน้ำต่างๆทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและอ่างเก็บน้ำมาศึกษาพบปลาปักเป้ามีพิษ ได้แก่ ปลาปักเป้าดำ (Tetraodon nigroviridis) พบว่าพิษของปลาปักเป้าน้ำจืดแพร่กระจายอยู่ในทุกส่วนของร่างกายทั้งในเนื้อเยื่อ หนังและอวัยวะภายใน เช่น ตับ และไข่ ส่วนความรุ่นแรงของพิษแตกต่างกันไปตามฤดูกาลและสถานที่จับ จากการวิจัยพบว่า พิษของปลาปักเป้าน้ำจืดเป็นพิษที่เรียกว่า พีเอสพี (Paralytic Shellfish Poison, PSP) หรือพิษอัมพาต ซึ่งแตกต่างจากพิษปลาปักเป้าทะเลที่ชื่อ "เททโทรโดท๊อกซิน" (Tetrodotoxin, TTX) ซึ่งพิษทั้ง 2 ชนิดนี้มีโครงสร้างทางเคมีแตกต่างกัน แต่แสดงอาการเหมือนกัน

นอกจากนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 264 ) พ.ศ. 2545 เรื่อง การกำหนดอาหารที่ห้ามผลิตนำเข้า และจำหน่ายปลาปักเป้าทุกชนิด และอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสมอาหาร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2545 ผู้ที่ ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึง สองปี และปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท

ที่มา -