ข่าว:

ห้ามโพส ปั่นลิงก์ SEO ในส่วนของ ลายเซ็นสมาชิกเพื่อจะแสดงที่ด้านล่าง ของแต่ละข้อความที่ตอบกระทู้ เช่น คาสิโน บาคาร่า แทงบอล ฯลฯ เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

IRPC ลุยธุรกิจโต 2 ปีข้างหน้า ประกาศลั่นปีนี้พลิกไม่ขาดทุน

เริ่มโดย mrtnews, เม.ย 21, 15, 10:52:26 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

จันทร์ที่ 20 เมษายน 2558  -  ไออาร์พีซี โชว์ผลงานพลิกโตแรง 2 ปีข้างหน้า หลังเข็นแผนลงทุน แถมฐานราคาน้ำมันต่ำ หนุนกำไรทะลัก เป้า 5.20 บาท พร้อมตั้งงบ 5 ปีที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ทุ่ม 1 หมื่นล้านบาท ดันโครงการ UHV มองราคาน้ำมันดิบ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งค่าใช้จ่ายหด หนุนผลงานเด่น จับตาไตรมาส 1/2558 สดใส ขณะที่ค่าการกลั่นพุ่ง คอนเฟิร์มปี 2558 ไม่ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน


ไออาร์พีซีตั้งงบแผนลงทุน 5 ปี

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้างบลงทุน 5 ปี (2558-2562) รวมประมาณ 28,000 ล้านบาท โดยในปี 2558 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ในโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ หรือ UHV ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2558 ส่วนที่เหลือจะมีโครงการอื่นๆ รวมถึงการขยายโพลีพรอพไพลีน หรือ PP งบลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะลงทุนในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตประมาณ 300,000 ตันต่อปี

นายสุกฤตย์ สุริบถโสภณ กรรมการบริหารความเสี่ยง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่า ปี 2558 มองราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำจะส่งผลดีต่อบริษัททั้งในแง่ของผลประกอบการ และการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงแน่นอน

ในปี 2558 บริษัทจะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการสต๊อกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์เหมือนปีที่ผ่าน

"กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2558 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และการได้รับประโยชน์จากโครงการเดลต้าที่คาดว่าจะหนุนกำไรราว 4 พันล้านบาทต่อปี เฉลี่ยไตรมาสละ 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาสแรกยังจะรับรู้กำไรพิเศษจากการชำระหนี้คืนของบริษัททีพีไอ อะโรเมติกส์ จำนวน 4 พันล้านบาท แต่บริษัทได้ตัดหนี้สูญไปแล้วทำให้เงินได้มาจึงเป็นกำไรพิเศษเมื่อตัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ภาษี ก็จะทำให้รับรู้กำไรกว่า 2 พันล้านบาท" นายสุกฤตย์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการทำโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 1.8. ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะผลิตประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี เพราะเดิมคาดว่าจะเป็นการร่วมกันทำกับเฉพาะ PTTGC เท่านั้น แต่เมื่อมี TOP เข้ามาร่วมด้วยทำให้ต้องศึกษาใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จเบื้องต้นใน 6 เดือน

นายสุกฤตย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าจะไม่กลับมาขาดทุนอีก แม้ว่าราคาน้ำมันดิบดีดกลับมาอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าต้นทุนด้านพลังงานจะขยับสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนโครงการต่างๆ ภายใต้โครงการฟินิกซ์ อาทิ โครงการเพิ่มมูลค่าเพื่อผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) ช่วยเพิ่มกำลังการ กลั่นน้ำมันจากประมาณ 1.7-1.8 แสนบาร์เรล/วัน ขยับขึ้นเป็นประมาณ 2.15 แสนบาร์เรล/วัน และโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP) เพิ่มขึ้นอีก 3 แสนตัน/ปี ทำให้บริษัทมีกำไรจากโครงการเหล่านี้มาชดเชย

"ผลประกอบการช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยดี เพราะราคาน้ำมันดิบสูง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทมีต้นทุนด้านพลังงานสูงตามไปด้วย ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันเดินเครื่องไม่เต็มที่ และโครงการต่อเนื่องเพื่อผลิตปิโตรเคมี ก็มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาเน้นผลิตเม็ดพลาสติกที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มมาร์จิน"

ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีกำไรดีขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท และขาดทุนประมาณ 5.2 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันอ่อนตัวลงทำให้ค่าการกลั่นสูงขึ้น โดยไตรมาส 1/2558 โรงกลั่นไออาร์พีซีมีค่ากลั่นสูงเกิน 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าปีก่อนที่เฉลี่ยประมาณ 7.63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงลดลงครึ่งหนึ่งตามราคาน้ำมัน โดยปีนี้ประเมินว่าราคาน้ำมัน มาที่ขาดทุนการสต๊อกน้ำมัน ประมาณ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันจะมีการขยับขึ้นมาเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา สำหรับด้านค่าการกลั่นในปี 2558 จะสูงกว่าปีก่อน

โดยช่วงไตรมาส 1/2558 ค่าการ กลั่นของบริษัทจะปรับเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ระดับ 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 7.65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ทั้งปี 2558 คาดว่าจะยังเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลัง 2558 อาจเห็นบางช่วงที่ค่าการกลั่นอาจลดลงเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังทุกๆ ปี ราคาน้ำมันมักจะปรับเพิ่มสูงขึ้น

มั่นใจปีนี้ไม่กลับมาขาดทุน

สำหรับกำไรปี 2558 มั่นใจว่าจะดีกว่าปีก่อนแน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตรากำไร (มาร์จิ้น)

ที่ดีขึ้นจากโครงการ UHV ที่จะแล้วเสร็จปลายปี 2558 และโครงการเดลต้า ซึ่งเป็นการปรับประสิทธิภาพทั้งการผลิต การขาย และบุคลากร ตลอดจนการที่ราคาน้ำมันลดลงทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของบริษัทลดลงมากด้วยเช่นกันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงไม่มีความเสี่ยงขาดทุนสต๊อกน้ำมันเหมือนปีที่แล้วที่ขาดทุนถึง 1 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการ UHV ที่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ทำให้ไออาร์พีซีสามารถกลั่นน้ำมันได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.15 แสนบาร์เรล/วัน และโครงการเดลต้า ซึ่งเป็นเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการผลิต การขาย และบุคลากร ที่คาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้ 4 พันล้านบาท รวมกับการบันทึกกำไรพิเศษจากการได้รับชำระหนี้คืนจากทีพีไอ อะโรเมติกส์จำนวน 2 พันกว่าล้านบาทที่จะบันทึกรับรู้ฯ ในไตรมาส 1/2558 ด้วย


นายสุกฤตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับงบลงทุน 5 ปีนี้ (ปี 2558-2562) ตั้งไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ในปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทในโครงการ UHV ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้วยการนำน้ำมันเตามาเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทำให้บริษัทฯ มีโครงการขยายกำลังการผลิต PP อีกประมาณ 3 แสนตัน/ปี เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดแล้วเสร็จใน 2 ปีข้างหน้าหรือในปี 2560 ทำให้บริษัทมีกำลังผลิต PP รวมทั้งสิ้นประมาณ 7.75 แสนตัน/ปี

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นได้โครงการผลิตพาราไซลีน (PX) กับ บมจ.ไทยออยล์และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล กำลังการผลิตประมาณ 1.8 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ โดยโครงการนี้ยังไม่ รีบร้อน เนื่องจากสถานการณ์ราคาพาราไซลีนในตลาดยังไม่ค่อยดีเดินเครื่องหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา

ล่าสุดบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ IRPC มีหนังสือเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 แจ้งหยุดการผลิตหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา หรือ Vacuum Gas Oil Hydro Treating Unit (VGOHT) เนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 นั้น

บริษัทฯ ได้ซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุด รวมทั้งดำเนินการทดสอบเสถียรภาพการผลิต ทำให้หน่วย VGOHT สามารถกลับมาดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่12 เมษายน 2558 โดยบริษัทฯ ได้รับหนังสืออนุญาตจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยองแล้ว

ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทฯ ได้รับเงินชดเชยค่าสินไหมทดแทนส่วนหนึ่งจากบริษัทประกันภัยแล้วจำนวน 1,710 ล้านบาท สำหรับค่าเสียหายส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการประเมินเพื่อขอรับเงินชดเชยค่าสินไหมทดแทนต่อไป

ที่มา -