ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ซาบลุ้น Naval Gripen เมดอินอินเดีย เล็งกู้ชีพ รล.จักรีนฤเบศร

เริ่มโดย mrtnews, ธ.ค 30, 15, 11:08:45 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

MGRออนไลน์ -- บริษัทผู้ผลิตแห่งสวีเดนออกโรงอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา เสนอโปรเจ็คท์ใหม่ใส่มืออินเดีย เพื่อร่วมผลิตเครื่องบินรบ JAS-39 กริพเพน (Gripen) เวอร์ชั่นใหม่ บนเรือบรรทุกเครื่องบิน Naval Gripen หรือ "ซีกริพเพน" (Sea Gripen) สำหรับกองทัพเรืออินเดีย โดยเรือจักรีนฤเบศรของราชนาวีไทย เป็นหนึ่งในบรรดาลูกค้าเป้าหมายสำคัญด้วย


กลุ่มซาบเสนอแผนการดังกล่าวต่อรัฐบาลอินเดียเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. และ ต่อมาสำนักข่าวของรัฐบาล ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารของซาบ ซึ่งได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องนี้ในวันที่ 27 รวมทั้งแผนการณ์ใหม่ล่าสุดของฝ่ายสวีเดน ซึ่งมีชื่อ "กริพเพนทะเล" ผุดขึ้นมา

"เรามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี.." อุลฟ์ นิลสัน (Ulf Nilsson) ผู้อำนวยการฝ่ายระบบอากาศยานของซาบกล่าวกับเพรสทรัสต์ (Press Trust of India)

ฝ่ายสวีเดนนำเสนอโครงการนี้ ในขณะที่อินเดียกำลังพัฒนาเครื่องบินโจมตี "เดชา" (Tejas) สำหรับกองทัพอากาศ รวมทั้งรุ่นที่จะใช้ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ ซึ่งเป็นลำแรกในประวัติศาสตร์ที่ต่อเองคือ เรือวิกรานต์ (INS Vikrant) ขนาด 40,000 ตัน ที่อินเดียต่อขึ้นเอง กับ ลำที่สองที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกครึ่งเท่า

อินเดียเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมอากาศยานก้าวหน้ามากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ผลิตเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาใช้เอง และผลิตเครื่องบินรบแบบ "เดชา" (Tejas) ใช้เองอีกด้วย แต่ก็มีปัญหามากมายภายในตัว


เดชาผลิตออกมาตามโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีขนาดเบา (Light Combat Aircraft) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานฮินดูสถาน ตามความต้องการของกองทัพอากาศ มีมูลค่าลำละ 33 ล้านดอลลาร์ แต่เพียงข้ามปีก็ถูกวิจารณ์ว่า คุณภาพไม่ได้มาตรฐานตามที่กองทัพวางเอาไว้ เพิ่งผลิตออกมาเพียง 16 ลำก็หยุดชะงักลง

ความไม่พึงพอใจของกองทัพอากาศ ทำให้เกิดโครงการ LCA Mk2 ขึ้นมาเพื่อปรับปรุง โดยองค์การวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหม (Defence Research and Development Organization) ดำเนินโครงการเครื่องบินต้นแบบ "เดชา-2" มาข้ามปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

อย่างไรก็ตาม Tejas ยังเป็นเครื่องบินรบยุคที่ 4 ซึ่งต่างกับ "กริพเพนสำหรับกองทักเรือ" ซึ่งเป็นเครื่องบินรบยุคที่ 5 เต็มภาคภูมิ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากมายก็ตาม

ตามรายงานของสำนักข่าว PTI ฝ่ายสวีเดนเสนอแผนการร่วมผลิตกับอินเดีย โดยจะถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องบินรบกริพเพนให้ "แบบไม่มีข้อจำกัด" และ จะให้ฝ่ายอินเดียควบคุมการผลิตเองในทุกขั้นตอน นอกจากนั้นกฎหมายของสวีเดนกับอินเดียก็คล้ายคลึงกัน คือ บัญญัติห้ามขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับบางประเทศ


"การทำอะไรก็ตามย่อมมีต้นทุน แต่คุณสามารถเจรจาได้เสมอเกี่ยวกับความแตกต่างในแง่ของการลงทุน ถ้าหากคุณมองเห็นลูกค้าที่มีศักยภาพ .. คุณก็อาจจะทำ (สร้าง) โดยร่วมกับบราซิลได้ ประเทศไทยก็เป็นลูกค้าที่มีศักยภาพสูงอีกรายหนึ่ง สำหรับกริพเพนทะเล" PTI อ้างคำพูดของผู้บริหารซาบ

ซาบมองว่า ไม่เพียงแต่อินเดียจะสามารถผลิต Sea Gripen สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำเท่านั้น แต่เทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดจากซาบ อาจจะนำไปผเสริมการผลิตเครื่องบิน LCA Mk2 สำหรับกองทัพอากาศได้อีกด้วย ทัพฟ้าอินเดียตั้งงบประมาณจัดหา LCA Mk2 ถึง 120 ลำ ในขณะที่กองทัพเรือหวังพึ่งพาเวอร์ชั่นสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน

ปัจจุบันกองทัพเรืออินเดียมีเรือบรรทุกเครื่องบินใช้งานได้จริงอยู่ 3 ลำ คือ เรือวิกรมทิตย์ (INS Vikramaditya) ที่ซื้อจากรัสเซีย เรือวิกรานต์ (INS Vikrant, R11) ขนาด 13,400 ตัน กับเรือวิระอาต (INS Viraat, R12) ขนาด 23,900 ตัน สองลำหลังเป็นเรือเก่าของกองทัพเรืออังกฤษ ซื้อมาพร้อมกับเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งแบบซีแฮริเออร์ เช่นเดียวกันกับที่ประจำการบนเรือจักรีนฤเบศรปีแรกๆ

ทั้งเรือวิกรานต์ (คนละลำกับเรือที่ต่อเองลำแรก) และ วิระอาต ใช้งานมานาน 50-60 ปี เก่ามากและไม่เหมาะกับยุคปัจจุบันอีกต่อไป

ส่วนเรือวิกรมทิตย์ขนาด 45,400 ตัน เป็นเรือชั้นเคียฟ (Kiev-Class) ของกองทัพเรือโซเวียตเมื่อก่อน ซึ่งต่อออกมาทั้งหมด 4 ลำ และต่อมากลายมาเป็นเรือแอดมิรัลกอร์ชคอฟ (Admiral Gorshkov) ของกองทัพเรือรัสเซียในช่วงทศวรรษที่ 1990 ประจำกองเรือทะเลดำ ปลดระวาง พ.ศ.2536 จนกระทั่งปี 2547 รัสเซียเสนอ "ให้ฟรี" แก่อินเดีย โดยมีค่าฟื้นฟู และ "รีฟิต" ใหม่ทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 2,400 ล้านดอลลาร์ ส่งมอบเมื่อปลายปี 2556

ปัจจุบันเรือวิกรมทิตย์ ใช้เครื่องบินแบบ มิก-16K ประจำการ เช่นเดียวกันกับเรือแอดมิรัลคุซเน็ตซอฟ (Admiral Kuznetsov) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวของกองทัพเรือรัสเซียในปัจจุบัน

อินเดียทำโครงการต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว มีความล่าช้าอย่างน้อย 3 ปี จนกระทั่งแล้วเสร็จและปล่อยลงน้ำเดือน มิ.ย.ปีนี้

เรือวิกรานต์มีส่วนหัวงอนที่ขึ้น เป็น "สกีแร็มป์" (Ski Ramp) หรือ สกีจัมป์ เช่นเดียวกับเรือจักรีนฤเบศร แต่เรือลำที่สองในชั้น คือเรือวิศาล (INS Vishal) ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 65,000 ตัน มีชั้นดาดฟ้าแบนราบ (Flat Top) แบบเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ และ รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ให้คำมั่นจะร่วมมือช่วยเหลืออินเดียในการออกแบบ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งเรือวิกรานต์ และ เรือวิศาล ต่างหวังพึ่งพาเครื่องบินภายใต้โครงการ LCA Mk2

รัฐบาลอินเดียได้ออกนโยบาย ให้กระทรวงกลาโหมกับกองทัพลดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ และ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและสร้างอาวุธใช้เอง ซึ่งส่งผลให้การจัดหาเครื่องบินแบบราฟาล (Rafale) จากฝรั่งเศสล่าช้า และ ยังต้องลดจำนวนลง แต่สถานการณ์ทั้งหมดนี้ เข้าทางข้อเสนอของฝ่ายซาบทุกประการ หลังจากกริพเพนพ่ายแพ้แก่ราฟาล ในแผนการจัดหาเครื่องบินรบของอินเดียเมื่อปี 2554

ปี 2558 ซาบประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเจรจาทำสัญญาผลิตกริพเพน NG หรือ กริเพนเน็กซ์เจเนอเรชั่น (Gripen Next Generation) ในประเทศบราซิล เป็นจำนวนเกือบ 40 ลำ พร้อมต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ทั้งหมด และ ทุกอย่างยังเป็นไปตามคาด นักวิเคราะห์มองก่อนหน้านี้ว่า ซาบกำลังจะนำ "บราซิลโมเดล" ไปใช้กับอินเดียเป็นรายต่อไป


สำหรับ รล.จักรีนฤเบศร ต่อในประเทศสเปน และ กลายเป็นเรือปรินซิเปแอสทูเรียส (Pr?ncipe de Asturias) ของราชนาวีสเปน ไทยซื้อมาเมื่อปี 2537 เป็นมูลค่า 336 ล้านดอลลาร์ ส่งมอบและขึ้นระวางปี 2540 ได้มาพร้อมเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่ง AV-8S "มาทาดอร์" (Matador) จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็น "จัมป์เจ็ต" รุ่นแรกๆ ของแฮริเออร์

ไทยเป็นชาติแรกที่มี "เรือบรรทุกเครื่องบิน" ประจำการในย่านนี้ แต่ราชนาวีอังกฤษและสเปนปลดระวางไป "มาทาดอร์" ไปทั้งหมดเมื่อปี 2559 ทำให้ AV-8S บนเรือจักรีนฤเบศรใช้่ไม่ได้อีกต่อไป ไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมบำรุง และ เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกเพียงลำเดียวของไทย ถูกนำไปใช้ในภารกิจช่วยเหลือกู้ภัยเป็นงานหลัก

สำนักข่าวกลาโหมบางแห่งเขียนเอาไว้ว่า - เรือจักรนฤเบศร ยังไม่เคยบรรลุภารกิจ ตามคำขวัญ "Rule The Sky, Rule The Sea, Chakri Naruebet" หรือ "ครองเวหา ครองนที จักรีนฤเบศร" ปัจจุบันจอดนิ่งที่ฐานทัพเรือสัตหีบ.



ที่มา Data & Images -