ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา สินค้าที่ดูแล้วขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี หรือกฏหมายของไทย เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ปลดล็อกเงื่อนไขบริหารท่าเรือร้าง 20 แห่ง ชงข้อมูล "นายก" ไฟเขียวปลดล็อกเอกชน

เริ่มโดย mrtnews, มิ.ย 29, 16, 06:19:32 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

คมนาคมเตรียมชง "บิ๊กตู่" ชี้ขาดปลด ล็อกเงื่อนไขบริหารท่าเทียบเรือร้าง 20 แห่งทั่วประเทศกลางเดือนหน้า เปิดทางเอกชนเสนอเก็บค่าบริการต่ำสุดรับสัมปทานบริหาร


นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารการจัดการท่าเรือในประเทศไทย ว่า เพื่อแก้ปัญหาที่รัฐบาลต้องลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือต่างๆทั่วประเทศ แต่ปรากฏไม่มีการบริหารจัดการปล่อยทิ้งเป็นท่าเรือร้างจำนวนมากกว่า 20 แห่ง จึงมอบหมายให้กรมเจ้าท่า (จท.) และกรมธนารักษ์ไปหาข้อสรุป โดยปรับวิธีการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาบริหารท่าเรือจากเดิมให้เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุด เปลี่ยนเป็นเสนอจัดเก็บค่าบริการต่ำสุดให้เป็นผู้ชนะเข้ามาบริหารท่าเรือ ก่อนที่เสนอขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 ก.ค.นี้

นายออมสินกล่าวว่า ตามระเบียบเดิม จท.ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จจะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนและส่งมอบให้กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของพื้นที่เข้ามาเป็นผู้จัดหาผู้บริหารท่าเรือพาณิชย์ กำหนดให้เอกชนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าเช่า โดยคิดจาก 50% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย แต่เอกชนจะต้องรับผิดชอบในการซ่อมบำรุงท่าเรือ ส่วนสิทธิ์ในการบริหารท่าเรือมีระยะเวลา 3-5 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่จูงใจให้มีเอกชนเข้ามาบริหารท่าเรือ ส่วนใหญ่บริหารงาน ขาดทุนและไม่มีเอกชนสนใจ

"ระเบียบปฏิบัติที่ผ่านมา การคัดเลือกเอกชนเข้ามาบริหารท่าเทียบเรือมีการกำหนดให้เอกชนต้องจ่ายผลตอบแทนล่วงหน้า และมีการเรียกเก็บค่า ธรรมเนียมต่างๆ ทำให้เมื่อมีการเปิดประมูลก็ต้องยกเลิกไป เพราะไม่มีเอกชนสนใจ ส่งผลให้ท่าเทียบเรือหลายแห่งไม่ได้เปิดให้บริการ แต่การหารือครั้งนี้ จะเปลี่ยนแนวคิด ให้พิจารณาเอกชนที่เสนอจัดเก็บค่าบริการต่ำสุดเข้ามาบริหาร ท่าเรือ" นายออมสินกล่าว

นายออมสินกล่าวว่า การที่รัฐบาลต้องลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือ แต่ไม่สามารถเปิดให้บริการหรือสร้างรายได้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า จึงต้องคิดและหาวิธีการที่จะให้แต่ละท่าเรือมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก จึงได้เสนอ แนวทางออกว่า หลังก่อสร้างท่าเรือเสร็จแล้ว จะต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมด้วย จากนั้น จะให้ จท.เป็นผู้จัดหาผู้บริหารท่าเรือ โดยเปิดให้เอกชนเข้าแข่งขันกันเสนอราคา รายใดเสนอค่าบริการ ในราคาต่ำสุดชนะประมูล โดยจะกำหนดรายได้ส่วนหนึ่งให้ จท.เพื่อนำเงินเข้ากองทุนที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงและซ่อมบำรุงท่าเรือ รวมทั้งพัฒนาบุคลากร ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยหากเหลือ จึงจะส่งเงินเข้าแผ่นดิน

รมช.คมนาคมกล่าวว่า ที่ผ่านมาท่าเรือหลายแห่งรัฐบาลต้องใช้เงินลงทุน มีทั้งท่าเรือโดยสาร ท่าเรือเพื่อการขนส่งและท่าเรือเฟอร์รี่ แต่ละแห่งใช้ เงินลงทุนแห่งละ 100 - 200 ล้านบาท บางแห่ง 500 หรือมากกว่า 1 พันล้านบาท เช่น ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 1,295 ล้านบาท หรือ ท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง ท่าเรือศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ท่าเรือประจวบคีรีขันธ์ ท่าเรือภูเก็ตและท่าเรือสงขลา และมีท่าเรือขนาดเล็กอีกประมาณ 10-20 แห่ง บางแห่งให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

นายภูมินทร์ หะรินสุต ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน เป็นข้อเสนอที่เอกชนเสนอมาโดยตลอด เพราะแนวทางนี้จะจูงใจให้เกิดการแข่งขัน และการคิดค่าตอบแทนการบริหารท่าเรือราคาถูก ทำให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการ ขนส่ง ณ ท่าเรือมีอัตราที่ถูกลง ก่อให้เกิดการแข่งขัน ได้ และช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศในภาพรวมด้วย.



ที่มา Data & Images -




เปิดร่วมทุน 20 ท่าเรือทิ้งร้าง

รมช.คมนาคม ชงที่ประชุม กบส. ปรับวิธีการให้เอกชนร่วมทุนบริหารท่าเรือร้างกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ


นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารการจัดการท่าเรือในประเทศไทย ได้หารือแนวทางแก้ท่าเทียบเรือทั่วประเทศที่รัฐบาลลงทุนก่อสร้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีการบริหารจัดการและปล่อยทิ้งเป็นท่าเรือร้างมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่าและกรมธนารักษ์ไปดำเนินการกำหนดวิธีการคัดเลือกเอกชนเข้ามาร่วมทุนบริหารท่าเรือ ซึ่งจะปรับวิธีการคัดเลือกจากเดิมจะคัดเลือกเอกชนที่เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุด เปลี่ยนเป็นให้ผู้ที่เสนออัตราจัดเก็บค่าบริการแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือต่ำสุด จะได้สิทธิเป็นผู้บริหารท่าเรือนั้นๆ

ทั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานต้องหารือกันให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 28 มิ.ย. 59 นี้ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมอนุกรรมการฯ พิจารณา ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาในวันที่ 16 ก.ค. 59 นี้

"จะต้องคิดและหาวิธีการที่จะให้แต่ละท่าเรือมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก จึงได้เสนอแนวทางออกว่า หลังก่อสร้างท่าเรือเสร็จแล้ว จะต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมด้วย จากนั้นจะให้กรมเจ้าท่าเป็นผู้จัดหาผู้บริหารท่าเรือ โดยเปิดให้เอกชนเข้าแข่งขันกันเสนอราคา รายใดเสนอค่าบริการกับผู้ใช้บริการในราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ชนะประมูล ขณะที่รายได้ของท่าเรือส่วนหนึ่งจะให้กรมเจ้าท่านำเข้ากองทุนที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงและซ่อมบำรุงท่าเรือ รวมทั้งพัฒนาบุคลากร ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย หากเหลือจึงจะส่งเงินเข้าแผ่นดิน" นายออมสิน กล่าว

นายออมสิน ระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างท่าเรือทั่วประเทศหลายแห่ง ทั้งท่าเรือโดยสาร ท่าเรือเพื่อการขนส่งและท่าเรือเฟอร์รี่ แต่ละแห่งใช้เงินลงทุนแห่งละ 100-200 ล้านบาท และบางแห่งอาจสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เช่น ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 1,295 ล้านบาท และยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ท่าเรือประจวบคีรีขันธ์ ท่าเรือภูเก็ต ท่าเรือสงขลา และมีท่าเรือขนาดเล็กประมาณ 10-20 แห่ง ที่สร้างโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งหลายแห่งไม่ประสบความสำเร็จและต้องปล่อยทิ้งร้าง ในขณะที่ระเบียบทางราชการไม่จูงใจเอกชนเข้ามาบริหารมากนัก เนื่องจากระเบียบกำหนดให้เอกชนจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าเช่า โดยคิดจาก 50% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ต้องรับผิดชอบการซ่อมบำรุงท่าเรือทั้งหมด และสัญญาบริหารมีอายุเพียง 3-5 ปีเท่านั้น



ที่มา Data & Images -