ข่าว:

ห้ามโพสโฆษณา อาหาร ยา และเครื่องสำอางค์ รวมถึงสมุนไพรทุกชนิด ไม่ว่าจะมี อย. หรือไม่  เด็ดขาด หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที

Main Menu

ไต้หวันอัมพาตหลังไต้ฝุ่นแรงสุดในโลก “เมอรันตี” เฉียดผ่าน ถล่มท่าเรือเกาสง

เริ่มโดย mrtnews, ก.ย 16, 16, 06:32:55 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mrtnews

เอเจนซีส์ - พื้นที่บางส่วนของไต้หวันกลายเป็นอัมพาตในวันพุธ (14 ก.ย. 59) หลังซูเปอร์ไต้ฝุ่น "เมอรันตี" เคลื่อนเฉียดผ่านทางใต้สุดของเกาะพร้อมลมที่มีความแรงที่สุดในรอบ 21 ปี โดยเชื่อกันว่ามันเป็นพายุลูกที่มีฤทธิ์เดชรุนแรงที่สุดของโลกในปีนี้ ทั้งนี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คนแล้ว และพายุระดับ 5 ลูกนี้กำลังมุ่งหน้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ คาดขึ้นฝั่งแถวๆ มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ติดต่อกับมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) ในวันพฤหัสบดี (15 ก.ย. 59)


แม้เมอรันตีไม่ได้พัดขึ้นฝั่งไต้หวัน แต่นำลมกรรโชกแรงและพายุฝนถล่มด้านตะวันออกและใต้ของเกาะแห่งนี้อย่างหนัก

รายงานระบุว่า เมื่อถึงเวลา 17.00 น. วันพุธ (14 ก.ย. 59) ตามเวลาไทย เมอรันตีอยู่ห่างไปทางทิศตะวันตก-ตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเผิงหู ที่อยู่นอกชายฝั่งเกาะไต้หวัน 60 กิโลเมตร โดยมีความเร็วลม 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำนักงานภูมิอากาศกลางของไต้หวันระบุว่า สถานีสังเกตการณ์เหิงชุนบันทึกความแรงลมของพายุลูกนี้เมื่อช่วงเช้าวันพุธ ซึ่งปรากฏว่าเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 120 ปี

เซี่ย เป่ยหยุน เจ้าหน้าที่สำนักงานภูมิอากาศกลางไต้หวันระบุว่า เมอรันตีจะส่งผลกระทบต่อไต้หวันรุนแรงที่สุดในวันพุธ โดยถือเป็นไต้ฝุ่นรุนแรงที่สุดซึ่งไต้หวันเคยเผชิญในรอบ 21 ปี เมื่อวัดจากความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง

เขาระบุด้วยว่า พายุไต้ฝุ่นลูกนี้ซึ่งมีความรุนแรงระดับ 5 ถือเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในโลกเท่าที่ผ่านมาของปีนี้


ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการเหตุฉุกเฉินกลางของไต้หวันรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 9 คน และซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ยังทำให้ประชาชนกว่า 330,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้

รายงานระบุว่า เซาเทิร์น เกนติ้ง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ถูกกระหน่ำพังจากลมและอุทกภัย

ชาวบ้านในท่าเรือประมงแห่งหนึ่งในอำเภอไท่ถง ตื่นขึ้นมาโดยพบว่าประภาคารเล็กๆ แห่งหนึ่งได้สูญหายไป เชื่อว่าคงถูกลมรุนแรงพัดปลิวไปตกในทะเล ขณะที่คลื่นสูงเกือบ 10 เมตรพัดกระหน่ำใส่ชายฝั่งบริเวณนั้น

ในบางพื้นที่ทางภาคใต้ของเกาะ รถบรรทุกหลายคันถูกลมพัดพลิกคว่ำ เสาไฟฟ้าและต้นไม้ล้มระเนระนาด

ที่เมืองเกาสง เมืองท่าใหญ่ทางภาคใต้ของไต้หวัน สมอเรือของเรือสินค้าอย่างน้อย 10 ลำหักสะบั้น โดยที่ลำหนึ่งเป็นเรือขนาด 140,000 ตันซึ่งกระแทกเข้ากับเครนยกสินค้า 2 คัน นอกจากนั้นตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากซึ่งกองสูงอยู่ในย่านสินค้าของท่าเรือ ก็ถูกลมพัดพลิกคว่ำและตกลงมาเกลื่อนพื้น

โรงเรียนและสถานประกอบการธุรกิจในเทศมณฑลทางตะวันออกและใต้ส่วนใหญ่ปิดทำการ

การเดินทางหยุดชะงัก เที่ยวบินทั้งภายในและระหว่างประเทศกว่า 300 เที่ยวถูกระงับ เช่นเดียวกับรถไฟสายเลียบชายฝั่งด้านตะวันออก รวมถึงเรือเฟอร์รีไปยังเกาะเล็กๆ และเมืองชายฝั่งของจีน ทั้งหมดนี้คาดว่า จะส่งกระทบอย่างมากต่อประชาชนที่เตรียมออกเดินทางท่องเที่ยวในเทศกาลวันหยุดยาวช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงที่จะเริ่มต้นในวันพฤหัสบดี (15)

หน่วยยามฝั่งไต้หวันยังสั่งยกเลิกพิธีปล่อยเรือใหม่ 2 ลำในเกาสง ขณะที่งานแสดงสินค้าทางทะเลและทหารในเมืองนี้ต้องเลื่อนออกไปเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คาดว่าเมอรันตีจะนำฝน 800 มิลลิเมตรไปตกในบริเวณเทือกเขาของไต้หวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดดินถล่มตามมา


อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เผยว่า อพยพประชาชนเกือบ 1,500 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว โดยครึ่งหนึ่งอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว

ล่าสุด เมอรันตีเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ช่องแคบไต้หวันด้วยความเร็วลม 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระนั้น ช่วงปลายสัปดาห์นี้ไต้หวันอาจต้องเผชิญพายุ "มาลากัส" ที่ขณะนี้ก่อตัวอยู่ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์

เซี่ยระบุว่า มาลากัสอาจเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวันมากที่สุดในวันศุกร์และเสาร์ (16-17 ก.ย. 59) แต่ไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าฝั่งแต่อย่างใด

เมื่อเดือนกรกฎาคม มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บนับร้อยในไต้หวันจากพายุเนพาร์ตัก


สำหรับไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดที่ถล่มเกาะมังกรน้อยคือ ไต้ฝุ่น "มรกต" ในปี 2009 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 600 คน โดย 400 คนในจำนวนนี้ถูกฝังใต้โคลนจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

ขณะเดียวกัน สื่อของทางการจีนคาดว่า เมอรันตีจะขึ้นฝั่งที่บริเวณมณฑลกวางตุ้งติดต่อกับฮกเกี้ยน ทางใต้ของประเทศในวันพฤหัสบดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สั่งยกเลิกการให้บริการรถไฟ และเตรียมการอพยพประชาชนแล้ว ทางการกวางตุ้งยังสั่งให้เรือประมงกลับเข้าฝั่ง



ไชน่า นิวส์ เซอร์วิสระบุว่า เมอรันตีอาจเป็นไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดที่จะเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าวนับจากปี 1969



ที่มา Data & Images -



..