พระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน้ำสยาม แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2477
พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำสยาม แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2477 (ฉบับที่ 2)
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
- -- - - - - -
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 7 มีนาคม
พุทธศักราช 2477)
อนุวัตน์จาตุรนต์ อาทิตย์ทิพอาภา เจ้าพระยายมราช
ตราไว้ ณ วันที่ 20 เมษายน พุทธศักราช 2478
เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน้ำสยาม พ.ศ.2456
ในส่วนที่เกี่ยวกับการนำร่องและผู้นำร่อง ให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำ
และยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า
"พระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านน้ำสยาม แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2477(ฉบับที่
2)"
มาตรา 2* ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้เมื่อพ้นกำหนด 6
เดือนนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *[รก.2478/-/21/28 เมษายน 2478]
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำ
สยาม พ.ศ.2456 ภาคที่ 3 หมวดที่ 6 ตั้งแต่ มาตรา 249 ถึงมาตรา 276 และ
พิกัดค่าจ้างนำร่องตามแบบที่ 2 ท้ายพระราชบัญญัตินั้นเสีย
มาตรา 4 การนำร่องนั้น ให้อยู่ในอำนาจและความควบคุมของ
รัฐบาลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่กรมเจ้าท่าสังกัดเป็นเจ้าหน้าที่รักษาการ
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้และเพื่อการนั้นให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงในเรื่อง
ต่อไปนี้ คือ
1) กำหนดคุณสมบัติผู้นำร่องและผู้ฝึกการนำร่อง
และผู้ฝึกการนำร่อง กำหนดชั้นความรู้ผู้นำร่อง
วิธีการที่จะสอบความรู้และออกใบอนุญาตแก่ผู้ที่จะขอรับ ใบอนุญาตเป็นผู้นำร่อง
2) กำหนดหน้าที่และมรรยาทของผู้นำร่อง
3)
กำหนดจำนวนผู้นำร่องที่จะอนุญาตให้ทำการนำร่องและจำนวน ผู้ฝึกงานการนำร่องประจำท่า
หรือน่านน้ำแห่งใดแห่งหนึ่ง
4) กำหนดค่าธรรมเนียมสอบไล่ผู้นำร่อง
5)
กำหนดวิธีการเก็บและแบ่งเงินผลประโยชน์ที่ได้มาเนื่องในการ นำร่อง
เป็นต้นว่าจะแบ่งให้ แก่ผู้นำร่องและผู้ฝึกการนำร่องเท่าใด แบ่งเป็นเงิน
สำรองหรือเงินทุนตั้งไว้เพื่อการใด และเก็บไว้ ณ ที่ใดเท่าใด
6) กำหนดเขตท่าหรือน่านน้ำใด ๆ ให้มีการนำร่อง
โดยใช้เจ้าหน้าที่ ของรัฐบาล หรือของเทศบาล หรือหุ้นส่วนบริษัทหรือเอกชน
ทำการนำร่องตลอดถึง วางข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวด้วยการนั้น
7) กำหนดเขตท่าหรือน่านน้ำใด ๆ
ซึ่งบังคับให้เป็นเขตที่ต้องเดินเรือ โดยมีผู้นำร่อง ตลอดถึงวางข้อบังคับต่าง ๆ
ที่เกี่ยวด้วยขนาดและชนิดของเรือที่ ยกเว้นไม่ต้องบังคับใช้ผู้นำร่อง
การเพิ่มหรือลดหย่อนค่าจ้างนำร่องแก่เรือ บางประเภท
8) กำหนด ขนาดเรือ ที่จะต้องเสียค่าจ้างนำร่อง
และพิกัดค่าจ้าง นำร่อง
9)
กำหนดการลงทัณฑ์และจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาการลงทัณฑ์แก่ ผู้นำร่อง
เมื่อผู้นำร่องกระทำผิดกฎข้อบังคับซึ่งว่าด้วยหน้าที่และมรรยาทของผู้นำร่อง
ทัณฑ์ที่จะลงได้นั้นมี 2 สถาน คือ ก. ตำหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษร ข.
ปรับเป็นเงินไม่เกินร้อยบาทหรือลดชั้นเงินเดือนหรือตัดเงินเดือน แล้วแต่กรณี
10)
กำหนดแบบบัญชีและรายงานสำหรับให้ผู้นำร่องหรือห้างหุ้นส่วน
หรือบริษัทหรือเทศบาลที่ทำการนำร่องทำยื่นต่อกรมเจ้าท่าเป็นครั้งคราวตามที่เห็น
สมควร กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา 5 เมื่อได้ประกาศกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าหรือน่านน้ำ ใด
ๆ บังคับให้เป็นเขตที่ต้องเดินเรือ โดยมีผู้นำร่องเรือกลไฟและเรือเดินทะเล
ที่เคลื่อนเดิน หรือเข้าออกในเขตท่าหรือน่านน้ำนั้น ๆ ให้มีการนำร่องเว้นแต่จะมี
กฎกระทรวงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 4
มาตรา 6
บุคคลใดจะรวมแรงรวมทุนกันตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
อันมีวัตถุประสงค์เพื่อจะหาประโยชน์ในทางรับจ้างนำร่อง จะต้องได้รับอนุญาตจาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่กรมเจ้าท่าสังกัดเสียก่อนจึงจะตั้งได้
มาตรา 7
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่กรมเจ้าท่าสังกัดตั้งเจ้าหน้าที่
ขึ้นคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้สอดส่องกิจการและมรรยาทของผู้นำร่องหรือของเทศบาล
เฉพาะที่เกี่ยวกับการนำร่อง
มาตรา 8 เจ้าหน้าที่ซึ่งตั้งขึ้นตามความในมาตรา 7 นั้น
ให้อยู่ใน บังคับบัญชาของกรมเจ้าท่า และมีอำนาจ 1)
เข้าไปในสถานที่และตรวจดูสมุดบัญชีสรรพเอกสารและวัตถุ
เครื่องใช้ที่เกี่ยวหรือใช้ในการนำร่องได้ในเวลาทำงานทุกเมื่อ 2) เรียกผู้นำร่อง
หรือลูกจ้างของผู้นำร่อง หรือเจ้าหน้าที่ของห้าง หุ้นส่วนหรือบริษัทหรือเทศบาล
ที่ทำการนำร่องมาสอบถามถึงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ กิจการนำร่อง
หรือถึงความประพฤติความเป็นไปของผู้นำร่องหรือของบุคคลนั้น ๆ
เพียงเท่าที่เกี่ยวกับกิจการนำร่อง 3) สั่งให้ผู้นำร่องคนใดไปให้แพทย์ทหารเรือ
หรือแพทย์สาธารณสุข ตรวจร่างกายหรือตรวจสายตาเป็นครั้งคราวตามที่เห็นสมควร
มาตรา 9
ถ้าเจ้าพนักงานผู้สอดส่องกิจการและมรรยาทของผู้นำร่อง
ตรวจเห็นเรือหรือวัตถุเครื่องใช้ใด ๆ ที่ใช้ในการนำร่องชำรุดบุบสลาย ไม่เป็นที่
ปลอดภัยที่จะใช้ในการนำร่อง ให้มีอำนาจสั่งเจ้าของจัดการซ่อมแซม ในระหว่างที่
ยังซ่อมแซมไม่เสร็จ ห้ามมิให้นำเรือหรือวัตถุเครื่องใช้นั้น ๆ มาใช้ในการนำร่อง
มาตรา 10
เมื่อปรากฏขึ้นว่าผู้นำคนใดมีโรคภัยร่างกายไม่สมประกอบ
ไม่สมควรให้ทำการเป็นผู้นำร่องต่อไปก็ดี หรือทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ
ทำผิดกฎข้อบังคับซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้
ถึงแม้ว่าผู้นำร่องนั้นจะได้รับโทษอย่างอื่น แล้วก็ดี
กรมเจ้าท่ามีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้นำร่องนั้น หรือลดชั้น
ใบอนุญาตเสียหรือจะสั่งให้ยึดใบอนุญาตไว้เป็นเวลาไม่เกินสองปีแล้วแต่จะเห็นสมควร
ถ้าผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของกรมเจ้าท่า ให้มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรี
เจ้าหน้าที่ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่ง คำชี้ขาดของรัฐมนตรีนั้นเป็น
ที่สุด แต่ในระหว่างที่รัฐมนตรียังมิได้ชี้ขาด คำสั่งของกรมเจ้าท่ามีผลบังคับได้
มาตรา 11 ความผิดหรือละเมิดที่ผู้นำร่องได้กระทำนั้นไม่เป็น
ข้อแก้ตัวของเจ้าของเรือหรือนายเรือในอันที่จะทำให้ตนพ้นความรับผิดชอบตาม กฎหมาย
ในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องในการเดินเรือ วรรคสอง (ยกเลิกแล้ว -
ความในวรรคสองของมาตรา 11 ยกเลิกแล้วโดยพระราชบัญญัติ การเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2479 (รก.2479/-/719)
มาตรา 12 บุคคลผู้รับผิดในการชำระเงินค่าจ้างนำร่องตามพิกัด
ได้แก่
1. เจ้าของหรือนายเรือ หรือ
2. ตัวแทนเจ้าของเรือในขณะที่มีการนำร่อง
ในกรณีค้างชำระเงินค่าจ้างนำร่อง
เจ้าท่าจะกักเรือ หรือเจ้าพนักงาน ผู้มีหน้าที่ออกใบปล่อยเรือ
จะยึดใบปล่อยเรือไว้ก่อนจนกว่าจะได้ชำระเงินค่าจ้าง นำร่องกันเสร็จแล้ว
หรือมีค้ำประกันมาให้จนเป็นที่พอใจก็ได้ ถ้ามีคดีฟ้องเรียก ค่าจ้างนำร่อง
ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ยึดเรือหรือเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับเรือตาม
บทแห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งไว้จนกว่าจะได้ชำระเงินค่าจ้าง
มาตรา 13*(มาตรา 13
แก้ไขโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535
(รก.2535/44/31) ) ผู้นำร่องคนใดทำการนำร่องนอกเหนือใบอนุญาตหรือ
โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ทำการนำร่องในระหว่างที่ใบอนุญาตถูกเรียกคืน ถูกงดใช้
หรือถูกยึด หรือไม่ยอมไปทำการนำร่องเรือลำใดลำหนึ่งที่ได้ให้สัญญาณขอให้ตนไป
ทำการนำร่องโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร หรือละทิ้งการนำร่องไปกลางคันจากเรือ
ลำใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือโดยนายเรือไม่ยินยอมหรือนำเรือหรือวัตถุเครื่องใช้
ในการนำร่องที่เจ้าพนักงานสั่งให้ซ่อมแซมตามมาตรา 9 มาใช้ก่อนซ่อมแซมเสร็จ
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา 14
นายเรือคนใดใช้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผู้ที่ทำการนำร่อง
นอกเหนือใบอนุญาตเป็นผู้นำร่อง หรือใช้ผู้ที่ถูกเรียกใบอนุญาตคืนหรือผู้ที่ใบอนุญาต
ถูกงดใช้หรือถูกยึดให้เป็นผู้นำร่องเรือของตน หรือนายเรือคนใดเดินเรือในเขตท่า
ที่บังคับให้มีการนำร่องโดยไม่ใช้ผู้นำร่องนายเรือผู้นั้นมีความผิด ต้องระวางโทษ
ปรับเป็นเงินสองเท่าจำนวนค่าจ้างนำร่องตามพิกัดที่ตั้งไว้สำหรับเรือลำนั้น
แต่ถ้าในขณะที่กระทำการนั้น มีการจำเป็นโดยในขณะนั้นไม่มีผู้นำร่อง
นอกเหนือใบอนุญาตเป็นผู้นำร่อง หรือใช้ผู้ที่ถูกเรียกใบอนุญาตคืนหรือผู้ที่ใบอนุญาต
ถูกงดใช้หรือถูกยึดให้เป็นผู้นำร่องเรือของตน หรือนายเรือคนใดเดินเรือในเขตท่า
ที่บังคับให้มีการนำร่องโดยไม่ใช้ผู้นำร่องนายเรือผู้นั้นมีความผิด ต้องระวางโทษ
ปรับเป็นเงินสองเท่าจำนวนค่าจ้างนำร่องตามพิกัดที่ตั้งไว้สำหรับเรือลำนั้น
แต่ถ้าในขณะที่กระทำการนั้น มีการจำเป็นโดยในขณะนั้นไม่มีผู้นำร่อง
ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องมาขอร้อง หรือให้สัญญาขอเป็นผู้นำร่องก็ดี
หรือเรืออยู่ในความ อันตราย
หรือความลำบากที่นายเรือต้องแสวงหาความช่วยเหลืออย่างดีตามที่จะ
หาได้ในระหว่างนั้นก็ดี นายเรือและผู้ที่ทำการนำร่องไม่มีความผิด
มาตรา 15
ผู้นำร่องคนใดเรียกเงินค่านำร่องเกินกว่าพิกัดที่ตั้งไว้
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเป็นเงินไม่เกินกว่าห้าสิบบาท ถ้าได้รับเงินมาด้วยแล้ว
ให้คืนเงินจำนวนที่เรียกเกินมานั้นให้แก่นายเรือหรือเจ้าของเรือนั้นด้วย
มาตรา 16*(มาตรา 16
แก้ไขโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535
(รก.2535/44/31)) ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้นำร่อง แสดงตนว่า
เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้นำร่องได้โดยเอาใบอนุญาตของผู้อื่นออกแสดง หรือโดยใช้
เครื่องหมายสัญญาณใด ๆ สำหรับใช้ในการนำร่อง เพื่อขอทำการนำร่อง หรือ
ผู้ใดจัดหาใบอนุญาตหรือเครื่องหมายสัญญาณให้ผู้อื่นใช้เพื่อกระทำการดังกล่าว
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 17 ขณะที่ผู้นำร่องอยู่ในเรือลำใด ถ้าไม่มีเจ้าพนักงาน
ศุลกากรอยู่ในเรือลำนั้นด้วย ให้ผู้นำร่องผู้นั้นทำการเป็นเจ้าพนักงานศุลกากร
ในเหตุที่จะมีการกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากรเกิดขึ้น
ถ้าปรากฏว่าได้มีการที่จะขนถ่ายสินค้าใด ๆ ออกจากเรือหรือบรรทุก
ขึ้นเรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นำร่องบอกกล่าวแก่นายเรือถึงการกระทำผิด เช่นนั้น
เมื่อได้บอกกล่าวแล้ว นายเรือผู้นั้นยังพยายามกระทำฝ่าฝืน ผู้นำร่องมี
อำนาจกักเรือนั้นไว้รอคำสั่งของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจต่อไป
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
(ตามมติคณะรัฐมนตรี)
พระยานิติศาสตร์ไพศาลย์
รัฐมนตรี
มารีนเนอร์ไทย | MarinerThai.Net |
MarinerThai.Com