ลอยล่องท่องทะเล ไปกับเรือท่องเที่ยว
ลอยล่องท่องทะเล ไปกับเรือท่องเที่ยว
บทความและรูปภาพจาก
ผู้จัดการออนไลน์
3 มิถุนายน 2547 14:33 น.
“ร้อยละ 85 ของการท่องเที่ยวในโลก
เกี่ยวข้องกับชายฝั่งทะเลและมหาสมุทร” คงจะไม่เกินจริงนักสำหรับคำกล่าวนี้
เพราะด้วยอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลและด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีมากมายหลากหลาย
จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกต่างพร้อมใจกันเดินทางเพื่อค้นหาและชื่นชมเสน่ห์ความงามของท้องทะเล
เรือสำราญ
อีกหนึ่งรูปแบบของการท่องเที่ยวทางน้ำที่น่าสนใจ
ทะเลไทย
นับเป็นอีกที่หนึ่งที่เป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยว สองฟากฝั่งด้ามขวานไทยคือ
ทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทย รวมเป็นพื้นที่กว่า 400,000 ตารางกิโลเมตร
นอกจากจะมีชายฝั่งทะเลที่มีเวิ้งอ่าว หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสีใส
หมู่เกาะน้อยใหญ่ที่มีทิวทัศน์แปลกตา
หรือแม้กระทั่งใต้น้ำก็มีปะการังและสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ที่สวยงาม
การท่องเที่ยวทางเรือ
จึงก้าวเข้ามามีบทบาทในฐานะที่เป็นการท่องเที่ยวที่รวบรวมเอาเสน่ห์ทุกซอกทุกมุมของทะเลมารวมไว้ในหนึ่งเดียว
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
ไม่ใช่แค่เพียงการนั่งเรือชมวิวไปเรื่อยๆ จนอาจทำให้ผู้โดยสารรู้สึกเบื่อ
หากแต่มีกิจกรรมและสารพันบันเทิงบนเรือมากมายรวมทั้งการแวะเที่ยวเกาะและดำน้ำดูปะการัง
นับเป็นการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสะดวกสบาย
เพราะเมื่อขึ้นไปอยู่บนเรือก็จะมีเจ้าหน้าที่ของเรือดูแลและจัดการอำนวยความสะดวกให้ตลอดการเดินทาง
ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้จึงเป็นที่น่าจับตามอง
เพราะแม้อาจจะไม่ใช่กิจกรรมท่องเที่ยวที่แปลกใหม่
แต่นับได้ว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างแน่นอนและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มคู่ฮันนีมูน และกลุ่มประชุมสัมมนา
แม้ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งจะอยู่ราวคนละประมาณ
7,000-20,000 บาท (หรืออาจจะมากกว่านี้)
แต่เมื่อแลกกับช่วงเวลาที่ได้ปลดปล่อยและล่องลอยไปกับท้องฟ้าและผืนน้ำ
สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้เห็นทัศนียภาพแปลกใหม่สวยงาม
และสนุกสนานกับนานากิจกรรมที่ทางเรือจัดไว้ให้
จึงไม่แปลกนักที่นักท่องเที่ยวจำนวนกว่าครึ่งจะหวนกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนเส้นทางใหม่ในจุดที่ยังไม่เคยไป
ภายในห้องพักของเรือสำราญโอเชี่ยน ปริ๊นเซส
ปัจจุบันในประเทศไทยมีเรือสำราญเพียงไม่กี่บริษัท
ที่มีเส้นทางเดินเรือในน่านน้ำของประเทศไทยทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย
รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ
โดยเรือสำราญที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีแต่เป็นของต่างประเทศ ก็คือ สตาร์
ครูซ ส่วนเรือสำราญบริษัทแรกที่เป็นของคนไทยก็คืออันดามัน ปริ๊นเซส
จากจุดนี้เอง พัฒนา วงศ์ทองศรี
กรรมการผู้จัดการบริษัท โอเชี่ยน ปริ๊นเซส กรุ๊ป จึงได้นำเรือโอเชี่ยน ปริ๊นเซส
ซึ่งเป็นเรือสำราญที่ต่อในประเทศเยอรมันและเคยให้บริการในแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน
มาเป็นเรือสำราญลำใหม่ของคนไทย
เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากท่องเที่ยวทางน้ำ
การดำน้ำตื้นดูปะการัง
กิจกรรมที่ทางเรือสำราญจัดให้แก่นักท่องเที่ยว
“ต้องยอมรับว่าด้วยความที่เป็นเรือของต่างประเทศ
บางสิ่งบางอย่างจึงอาจจะมีความเป็นสากลมากกว่า ซึ่งราคาค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงกว่าด้วย
แต่ในด้านการให้บริการในเรือและความสวยงามของทะเลไทยก็ไม่ได้ทำให้เรือสำราญของไทยเราด้อยไปกว่าเรือของต่างประเทศ
หรือถ้าเปรียบเทียบกับเรือในประเทศ ผมมองว่าต่างคนต่างก็มีจุดเด่น อย่างของโอเชี่ยน
ปริ๊นเซส เราขายที่สภาพของเรือที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีห้องที่ทำกิจกรรมต่างๆ
ได้อย่างสะดวกสบาย ส่วนห้องพักก็ได้ดัดแปลงให้มีความใกล้เคียงกับห้องพักของโรงแรม”
แม้จะมีเรือสำราญเพียงไม่กี่ลำ
แต่การมองหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะหากจะแบ่งสัดส่วนจากฐานกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการอยู่แล้ว
ก็จะยิ่งทำให้ตลาดเล็กลง ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มครอบครัว
และกลุ่มวัยทำงาน จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง
เห็นได้จากว่ามีแนวโน้มความสนใจในการท่องเที่ยวทางเรือมากขึ้น
“จากที่เริ่มให้บริการมาได้ประมาณ 1 เดือน
ผลตอบรับถือว่าดีมาก เพราะตอนแรกตั้งใจจะวิ่งแค่ 6 เที่ยว แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 8
เที่ยวในเส้นทางฝั่งอ่าวไทย สิ่งสำคัญคือต้องทำให้คนรู้จักการท่องเที่ยวทางเรือ
ลองคิดดูว่า เรือหนึ่งลำรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1,200 คนต่อเดือน หรือเท่ากับ
14,000 กว่าคนต่อปี ซึ่งน้อยมาก แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆอีกมากรออยู่
ซึ่งต้องการจะลองท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่เขายังไม่เคยสัมผัส
และเป็นราคาค่าใช้จ่ายที่เขาสามารถรับได้”
“เราต้องการให้ลูกค้าค่อยๆโต
ไม่อยากให้โตเร็วเพราะกลัวรองรับไม่ไหว และอยากทำให้แตกต่างจากของต่างประเทศ
เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคนไทยมากที่สุด ปีหน้าอาจจะทำเส้นทางใหม่ ไปเกาะใหม่ๆ
ที่ยังไม่เคยมีใครเข้าไป แต่ก็ต้องทำการศึกษาเส้นทางก่อน อย่างเช่น กำปงโสม
ประเทศกัมพูชา เพราะทะเลที่นั่นสวยมาก
ภูเก็ต ซับมารีน
เรือดำน้ำเพื่อการท่องเที่ยวลำแรกของไทย
ไม่ใช่เพียงเรือสำราญเท่านั้นที่น่าสนใจ
ในตอนนี้ในเมืองไทยก็ได้มี เรือดำน้ำเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรูปแบบท่องเที่ยวใหม่เชิงประสบการณ์และความประทับใจ
มาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการท่องเที่ยว สุรินทร์ สมบูรณ์ผล
กรรมการผู้จัดการบริษัท ภูเก็ตซับมารีน กล่าวถึงความแปลกใหม่ของเรือดำน้ำภูเก็ต
ซับมารีน ที่มีมูลค่ากว่า 160 ล้านบาท ด้วยความสามารถในการดำน้ำลึกถึง 30 เมตร
ขนาดความยาวของเรือประมาณรถเมล์ 2 คันต่อกัน สามารถจุนักท่องเที่ยวได้รอบละ 48 คน
ลูกเรือ 4 คน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรือดำน้ำท่องเที่ยวสมบูรณ์แบบในเชิงธุรกิจลำแรกของประเทศไทยและในเซาท์อีสเอเซีย
การนั่งเรือดำน้ำเพื่อการท่องเที่ยว
มีค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 2,500 บาท โดยได้เที่ยวภูเก็ต ชมวิวทิวทัศน์ของเกาะต่างๆ
ได้สัมผัสการนั่งเรือดำน้ำ และได้ชมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
นั่นคือสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างพึงพอใจ
โดยรูปแบบการบริการท่องเที่ยวเรือดำน้ำของภูเก็ตซับมารีนจะให้บริการวันละ 5 รอบ
แต่ละรอบใช้เวลาในการท่องเที่ยวนานประมาณ 2
ชั่วโมงตั้งแต่วิ่งออกจากฝั่งจนถึงเข้าฝั่ง
แต่ระยะเวลาในการดำน้ำเพื่อชมวิวและปะการังในน้ำนั้นนานประมาณ 45 นาที
ซึ่งสถานที่ที่ให้บริการดำน้ำอยู่ที่ เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต
และในอนาคตอาจจะปรับเปลี่ยนจุดในการให้บริการดำน้ำประมาณ 4 เดือนต่อครั้ง
เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจซ้ำซาก และเป็นการขยายฐานลูกค้าด้วย
ในด้านคู่แข่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
สุรินทร์กล่าวว่า “ขณะนี้คู่แข่งยังถือว่ามีน้อย
เพราะการทำธุรกิจนี้ต้องทำแบบจริงจังและตั้งใจ
อย่างภูเก็ตซับมารีนเองก็ต้องทำการศึกษาและขออนุญาตนานถึง 3ปีครึ่ง
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อสิ่งแวดล้อม”
ภายในเรือดำน้ำที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสใต้ทะเลลึกอย่างใกล้ชิด
“ต้องถือว่าช่วงนี้เป็นเพียงการสร้างแบรนด์และสร้างตลาดให้รู้จักท่องเที่ยวรูปแบบนี้
เพราะเป็นเรือลำดำน้ำท่องเที่ยวลำแรกในไทย
และแม้ว่าในช่วงนี้จะถือเป็นโลว์ซีซั่นของภูเก็ต
แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวของภูเก็ตซับมารีนกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และในอนาคตการท่องเที่ยวเรือดำน้ำก็จะยังมีลู่ทางที่สดใส
และถือเป็นจุดขายหนึ่งที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตมากขึ้นและช่วยให้รายได้สะพัดไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ
ด้วย อย่างเช่น โรงแรม เรือเล็ก รถโดยสารปรับอากาศ”
ด้วยทรัพยากรธรรมชาติของทะเลไทยที่สวยงาม
ดึงดูดให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ผุดขึ้นอยู่เป็นระยะ
ซึ่งในอนาคตอาจจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวทางน้ำและผู้ประกอบการรายใหม่ๆ
ที่จะเสนอตัวเข้ามาเพื่อตอบสนองการพักผ่อนท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความแปลกใหม่
แต่อย่างไรก็ตามประเด็นของการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำก็ยังต้องดำเนินควบคู่ไปกับประเด็นการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อม
ซึ่งทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องให้ความใส่ใจอย่างแข็งขัน
เพราะตราบใดที่ทะเลไทยยังมีความสวยงามและไม่โดนย่ำยีไปมากกว่านี้
ตราบนั้นกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำก็จะยังมีและสามารถดำรงอยู่ได้
MarinerThai.Net | |
MarinerThai.Com