การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และคลื่นมหันตภัยสึนามิ
การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และคลื่นมหันตภัยสึนามิ
บทความและรูปภาพจาก
หนังสือพิมพ์มติชน
วันที่ 11 มกราคม
พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9803
โดย วรวิทย์ ชีวาพร และพิชาญ
สว่างวงศ์ กลุ่มสาขาวิชาสมุทรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา E mail : voravit@buu.ac.th
Alfred
Wegener
นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเป็นคนแรกที่ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก
โดยเดิมทีเปลือกโลกเกาะกันเป็นแผ่นเดียวกันเรียกว่า "Pangaea" ประมาณ 200
ล้านปีมานี้
มวลของเปลือกโลกเริ่มแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ
เคลื่อนที่ไปตามกระแสหมุนเวียนของของหลอมเหลวใต้พื้นผิวโลก
จนมีรูปร่างของพื้นทวีปดังที่เห็นในปัจจุบัน
อัตราการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกค่อนข้างช้าประมาณ 2-3 เซนติเมตรต่อปี
ทิศทางการเคลื่อนตัวขึ้นอยู่กับกระแสการไหลเวียนของของหลอมเหลวใต้พื้นผิวโลก
การเคลื่อนตัวนี้ทำให้เปลือกโลกบางส่วนเคลื่อนตัวออกจากกัน เช่น
ตรงบริเวณกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้มหาสมุทรแอตแลนติกมีขนาดกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
แต่เปลือกโลกบางส่วนเคลื่อนตัวเข้าหากันและเกิดการปะทะกันทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของแผ่นดินเป็นลักษณะของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการเคลื่อนตัวในลักษณะที่เรียกว่า "convergent plate"
คือแผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งจะมุดตัวจมลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง
แผ่นที่มุดตัวลงอาจดันให้แผ่นบนลอยตัวขึ้นเกิดการสั่นสะเทือนของเปลือกโลก
หรือจะดันให้ปลายของอีกแผ่นเกิดการโค้งงอเป็นการสะสมพลังงาน
และดีดตัวขึ้นเป็นแผ่นดินไหว
ลักษณะการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกดังกล่าวเราเรียกว่า "Plate tectonic"
ในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลาประมาณ 07:58:53 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่วัดได้
9.0 ริกเตอร์ ที่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรอยเลื่อนระหว่างเปลือกโลก Indopacific plate (ฝั่งมหาสมุทรอินเดีย)
ต่อกับ Eurosian plate (ฝั่งทะเลอันดามัน)
เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติจากคลื่นสึนามิในเวลาต่อมา
ขนาดของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนับเป็นขนาดใหญ่สุดอันดับที่ 4 นับจากปี ค.ศ.1900
คลื่นยักษ์ได้คร่าชีวิตผู้คนรอบฝั่งทะเลมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย
ศรีลังกา อินเดีย ประเทศไทย โซมาเลีย และประเทศอื่นๆ ไปจำนวนหลายหมื่นคน
และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึงแสนคน
นับเป็นมหาวิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติมนุษยชาติ
ในระยะแรกของการเกิดภัยพิบัติ
หน่วยงานทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา(US Geological Survey)
ได้ตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหวได้ที่ 8.1 ริกเตอร์
แต่หลังจากการวิเคราะห์ในเวลาต่อมาได้เพิ่มขนาดความรุนแรงของการไหวเป็นที่ 8.5 และ
9.0 ริกเตอร์ในท้ายที่สุด
จุดศูนย์กลางการไหวพบอยู่ที่ 3.298 ํN, 95.779 ํE ประมาณ 160 กิโลเมตร
จากทิศตะวันตกของเกาะสุมาตรา รู้สึกการสั่นสะเทือนได้ถึงบังกลาเทศ อินเดีย มาเลเซีย
พม่า สิงคโปร์ ไทย และมัลดีฟส์
การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ผิดปกติเนื่องจากกินอาณาบริเวณกว้างขวางตลอดรอยเลื่อนยาว
1,200 กิโลเมตร ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเปลือกโลกแผ่น Indopacific plate
ที่มุดตัวลงใต้แผ่นเปลือกโลก Eurosian plate
เมื่อแผ่น Indopacific plate
เลื่อนตัวมุดลงไปตามกระแสการไหลเวียนของหินหลอมเหลวใต้เปลือกโลก ก็จะฉุดปลายของแผ่น
Eurosian plate ให้โค้งงอตามลงไปด้วย เป็นการสะสมพลังงานในแผ่น Eurosian plate
เมื่อการสะสมพลังงานถึงระดับหนึ่ง ปลายของแผ่น Eurosian plate
ก็จะดีดตัวขึ้นเหมือนแผ่นสปริงเกิดแรงสั่นสะเทือนเป็นแผ่นดินไหว
และดันมวลน้ำที่อยู่เหนือขึ้นไปให้โป่งขึ้นเป็นคลื่นยักษ์
และทางซีกขวามือของคลื่นยักษ์นี้จะเกิดร่องน้ำลึกต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปกติมาก
เนื่องจากมวลน้ำบริเวณที่เป็นร่องน้ำนี้ถูกดันขึ้นไปเป็นคลื่นยักษ์
ขั้นต่อมาคลื่นยักษ์นี้จะลดระดับความสูงลง และแตกออกเป็นคลื่นย่อมลงมา 2 ลูก
เคลื่อนตัวออกจากกันในลักษณะเป็นวงรีห่างจากแนวรอยเลื่อนตั้งแต่บริเวณหัวเกาะสุมาตรา
เกาะนิโคบาร์ และหมู่เกาะอันดามัน
คลื่นลูกหนึ่งจะเคลื่อนที่ไปทางซ้ายมือ(ทิศตะวันตก)
เข้าหาชายฝั่งประเทศศรีลังกาและอินเดีย
ส่วนคลื่นอีกลูกจะเคลื่อนที่เข้าหาชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย
ดังนั้น ชายฝั่งของศรีลังกา อินเดีย และไทย
จึงรับกับการโถมตัวของคลื่นยักษ์สึนามิอย่างเต็มๆ ขณะที่ บังกลาเทศ พม่า มาเลเซีย
ได้รับผลน้อยกว่าชนิดเฉียดๆ
คลื่นยักษ์ลูกที่เคลื่อนตัวมาทางชายฝั่งอันดามันของไทยนี้จะมีร่องน้ำลึกอยู่ทางขวามือของคลื่น
เมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งร่องน้ำลึกนี้จะดูดน้ำทะเลชายฝั่งเข้าหาคลื่นยักษ์
ก่อนที่จะถาโถมเข้าหาชายฝั่ง
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็วก่อนคลื่นยักษ์โถมเข้าหาชายฝั่ง
ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างของการโถมเข้าหาชายฝั่งของคลื่นยักษ์ในซีกตะวันตกฝั่งประเทศศรีลังกาและอินเดีย
คลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นนี้มีขนาดสูงประมาณ 10 เมตร
และกวาดเอาสิ่งก่อสร้างบ้านเรือนบริเวณชายฝั่งลงสู่ทะเลราบเป็นหน้ากลอง
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าหลังปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ พื้นท้องทะเลของแผ่นเปลือกโลก
Eurosian plate จะถูกยกขึ้นประมาณ 10 เมตร เหนือแผ่น Indopacific plate
และปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดจากการขยับตัวของเปลือกโลกตลอดแนวยาวของรอยเลื่อน
ทำให้กิดแผ่นดินไหวเป็นอาณาบริเวณกว้าง
ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องตลอดแนวตั้งแต่เกาะสุมาตรา
เกาะนิโคบาร์ หมู่เกาะอันดามัน จนถึงพม่า เป็นระยะๆ
การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดหลังจากแผ่นดินไหวขนาด 8.1 ริกเตอร์
บริเวณตะวันตกของนิวซีแลนด์ หมู่เกาะอ๊อกแลนด์ และหมู่เกาะทางตอนเหนือของออสเตรเลีย
เป็นเวลา 3 วัน
เข้าใจว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวทั้งสองครั้งนี้
โดยแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์เป็นตัวเร่งให้เกิดการไหวที่มหาสมุทรอินเดีย
เป็นลักษณะลูกโซ่ของการเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากปกติแผ่นดินไหวขนาด 8
ริกเตอร์ขึ้นไป จะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยเพียงปีละครั้งเท่านั้น
พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการเกิดแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 9 ริกเตอร์นี้
มีขนาดมากกว่าพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 เดือน
หรือมากกว่าพลังงานจากพายุเฮอร์ริเคนอิสาเบลที่พัดเป็นเวลา 70 วัน
หรือเป็นพลังงานที่มากพอที่จะต้มน้ำเดือดปริมาณ 5,000 ลิตร
แจกจ่ายให้กับคนทั้งโลกได้
ผลจากแผ่นดินไหวนี้อาจทำให้การหมุนรอบตัวเองของโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วยโดยทำให้องศาการหมุนเกิดการเปลี่ยนไป
หรืออีกนัยหนึ่งทำให้ความยาวของวันเพิ่มขึ้นประมาณ 3 ไมโครวินาที
ซึ่งอาจส่งผลให้ฤดูกาลและภูมิอากาศในอนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ด้วย
ภัยพิบัติในครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมหาศาล
ประมาณว่ายอดผู้เสียชีวิตในครั้งนี้อาจสูงถึงหนึ่งแสนคน แบ่งเป็นอินโดนีเซีย 80,000
คน ศรีลังกา 30,000 คน อินเดีย 15,000 คน ไทย 3,000 คน โซมาเลีย 100 คน
และประเทศอื่นๆ อีกเล็กน้อย ไม่รวมถึงความสูญเสียทางทรัพย์สินและจิตใจ
เนื่องจากการขยับตัวของเปลือกโลกครั้งนี้เกิดขึ้นตามแนวยาวของรอยเลื่อนบริเวณเกาะสุมาตรา
เกาะนิโคบาร์ หมู่เกาะอันดามัน
ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งอันดามันของไทยประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร
คลื่นยักษ์นี้ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงชายฝั่ง
ดังนั้น หากมีระบบการตรวจสอบแผ่นดินไหวที่วัดได้แน่นอนชัดเจนและรวดเร็ว
ผนวกกับระบบการเตือนภัยจากคลื่นสึนามิโดยทุ่นลอยในทะเล
และการส่งสัญญาณเตือนภัยให้กับผู้คนที่อยู่บริเวณเสี่ยงแล้ว
มหันตภัยในครั้งนี้แม้หลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็คงช่วยลดความอเน็จอนาถและผลกระทบต่อชีวิตผู้คนลงได้อย่างมาก
MarinerThai.Net | |
MarinerThai.Com