เที่ยวทะเลเมืองกรุง ที่บางขุนเทียน
เที่ยวทะเลเมืองกรุงที่บางขุนเทียน
บทความและรูปภาพจาก
ผู้จัดการรายวัน
วันที่
31 พฤษภาคม 2548
โดย...หนุ่มลูกทุ่ง
ทางเดินไม้ทอดตัวยาวสู่พื้นที่ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนแห่งทะเลบางขุนเทียน
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า
กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรที่เต็มไปด้วยป่าคอนกรีตที่แสนจะสับสนวุ่นวายนั้น
จะมีพื้นที่ติดทะเลอยู่ที่ อ.บางขุนเทียน
ซึ่งตัวฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในทะเลไม่น้อย
งานนี้เมื่อทะเลใหญ่อย่างอันดามัน
และอ่าวไทยมีมรสุม ฉันจึงเลือกไปเที่ยวทะเลกรุงเทพฯแทน
เพราะว่าเป็นทะเลที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปีและอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้นเอง
ทันทีที่สองเท้าแตะพื้นที่ริมชายทะเลของอำเภอบางขุนเทียน
ลมทะเลเหนียวๆก็ลอยมาปะทะกับใบหน้า ฉันสูดกลิ่นนั้นจนชุ่มปอด
ถึงแม้ไม่ได้ออกไปชายทะเลไกลๆ แต่ก็มีกลิ่นอายของทะเลลอยปะปนในอากาศ
ทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
เหลียวซ้ายแลขวามองเห็นท่าเรือนำชมชายทะเลกรุงเทพฯ อยู่ลิบๆ จึงรีบตรงดิ่งไปหา
ถามไถ่ราคาและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ใส่เสื้อชูชีพลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเรือ
รอผู้โดยสารคนอื่นๆ เหลือบไปเห็นเด็กวัยรุ่น 3 คน
แต่ละคนคะเนดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี
กำลังช่วยกันใส่เสื้อชูชีพกันอย่างสนุกสนาน
ชวนให้นึกดีใจอย่างไรบอกไม่ถูกที่ได้เห็นพวกเขาสนใจธรรมชาติ
มิใช่เอาแต่เดินเตร็ดเตร่อยู่แต่ในห้างสรรพสินค้า
แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อสองฝั่งของชายทะเลบางขุนเทียนแห่งนี้
ทำให้ฉันเพลิดเพลินยิ่งนัก ลมเย็นๆโชยมาปะทะใบหน้า ไม่มีกลิ่นของควันเสียรถยนต์
ไม่มีเสียงรถบีบแตรไล่บี้กันบนถนนและไม่มีภาพความจอแจสับสนวุ่นวายแบบที่สามารถเห็นได้เกือบทุกตารางเมตรในใจกลางกรุงเทพมหานคร
ชาวประมงกำลังขมักเขม้นกับการหาปลา
ริมสองฝั่งคลองแห่งนี้มีแต่ภาพวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
ธรรมชาติสามารถอยู่กับมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน ดูอย่างแนวป่าชายเลนที่มีทั้งต้นโกงกาง
ต้นแสม ต้นตะปูน ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งอาหารของสัตว์นานาชนิดทั้งสัตว์บก
และสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาฯ และยังถือเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์เลี้ยงที่สำคัญ
ซึ่งพอสัตว์ดังกล่าวโตเต็มที่
ชาวบ้านเหล่านั้นก็จะจับไปขายสร้างรายได้ให้เป็นอย่างมาก
เรือแล่นไปเรื่อยๆ
ฉันซึมซับภาพความงดงามแห่งวิถีชีวิตริมสองฝั่งไม่วางตา
มีบ้างที่แอบคิดว่าตนเองเป็นนางสาวไทย โบกไม้โบกมือทักทายชาวบ้านแถบนั้นไปทั่ว
สนุกดีนะ..ฉันคิดในใจ ดูนั่นซิ ชาวประมงกำลังเหวี่ยงแหดักปลา สาธุ..ฉันภาวนาขอให้เขาได้ปลาเยอะๆ
หันไปทางขวาเห็นชาวบ้านกำลังงมหอยแครงอย่างขะมักเขม้น
หลักเขตกรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน
แต่เอ...นั่นอะไร เห็นจะเป็น
หลักเขตกรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียนกระมัง
ที่ได้ยินว่าเป็นหลักเขตมีความแปลกตรงที่โผล่มากลางน้ำ
ฉันรู้มาว่าหลักเขตของกรุงเทพมหานครด้านติดต่อกับสมุทรปราการ เป็นหลักเขตที่ 28
และด้านติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาคร เป็นหลักเขตที่ 29
ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งอยู่ในตำแหน่งจุดที่ติดตั้งเดิมมาแต่ก่อน
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์
และเป็นอนุสรณ์เตือนใจชาวบางขุนเทียนตลอดจนชาวไทยทุกคน
ว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากน้ำทะเลและคลื่น
ได้กัดเซาะที่ดินชายฝั่งของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตร
และยังพังทลายลงทุกปี ซึ่งขณะนี้ได้พังทลายเข้ามาในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร
จากหลักเขตเดิมเข้ามาประมาณ 800-900เมตร
ฉันว่าความฝันของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางล่องเรือเที่ยวชมทะเลกรุงเทพ
คงจะหนีไม่พ้นการได้เห็น "ปลาโลมาหัวบาตร"ที่ชอบมาว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลแห่งนี้
แต่การที่จะได้เห็นหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยดวงบวกกับอุณหภูมิที่เหมาะสมของน้ำทะเล
แต่สงสัยวันนี้ฉันคงพกดวงมาเต็มร้อยถึงได้เห็นเจ้าปลาโลมาที่ว่านี้
ว่ายไปมาเหมือนกับจะมาทักทายเราอย่างนั้นแหล่ะ
การเลี้ยงหอยแมลงภู่เป็นอีกอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านแถบนี้
แต่ถ้าใครไม่เห็นปลาโลมาหัวบาตรแล้วอยากจะศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
ทางสำนักผังเมืองก็ได้สร้างทางเดินไม้เชื่อมออกสู่ทะเลกิโลเมตรกว่าๆ
จุดมุ่งหมายก็เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้ามาสัมผัสระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้ต่างๆ นก ปู ปลานานาชนิด แต่ที่ฉันสนใจที่สุดเห็นจะเป็น
ปลาตีน(Bigeye mudskipper)ที่มักจะขึ้นมาในยามน้ำลด ดวงตากลมโตของมันจ้องมองฉัน
เหมือนที่ฉันกำลังมองมันตอนนี้...สรุปว่าต่างคนต่างมองว่างั้นเถอะ
นอกจากพื้นที่ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนแล้ว ฉันว่าที่ทะเลกรุงเทพแห่งนี้
ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือฝูงนกนานาชนิดที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้
ไม่ว่าจะเป็นนกกวักที่ชอบเกาะกิ่งไม้ปริ่มน้ำคอยดักจับปลาที่บังเอิญเคราะห์ร้ายผ่านมา
หรือจะเป็น
นกกระปูดที่มีปีกสีส้มจัดกระโดดจากกิ่งไม้โน้นไปเกาะอีกกิ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
แนวป่าชายเลน
สามารถพบเห็นได้ทั่วไปของทะเลบางขุนเทียน
พอเรือลัดเลาะพาเราไปชมความงดงามตามวิถีชีวิตและธรรมชาติสองฝั่งเสร็จแล้ว
ฉันก็เกิดอาการท้องร้องขึ้นมาทันใด เร็วกว่าความคิด
สองเท้าของฉันก็พาร่างกายที่หิวโซเดินไปยังร้านอาหารที่อยู่ในละแวกทะเลบางขุนเทียนทันที
แต่ฉันเลือกร้านไม่ถูกเพราะลายตาไปหมด มีทั้ง อ่าวกระเบนซีฟูด ครัวแสวงซีฟูด
โฮคิทเช่น ครัวชลดา ครัวน้าเนียม สวนอาหารชายทะเล ฯลฯ
พออิ่มหมีพีมันแล้ว
ก็พาให้นึกไปถึงคนที่บ้านอยากให้ได้กินของอร่อยๆด้วยกัน
ฉันก็เลยซื้อของฝากที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสดๆอย่าง ปูทะเล ปูม้า
หอย หอยแมลงภู่ ปลา กุ้ง ที่เห็นชัดๆว่าบางตัวยังเป็นๆอยู่เลย
นอกจากนี้ยังมีสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP
ของชุมชนชาวบางขุนเทียนและชุมชนจากแหล่งอื่นๆอีกด้วย
ปลาหมึกตัวโตที่เพิ่งจับได้หลังการทอดแหของชาวประมง
มีใครเคยบอกว่า
เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ฉันเพิ่งเห็นด้วยก็วันนี้เอง
เพราะเวลาแห่งความสุขความสบายใจของฉันกำลังจะหมดไปพร้อมๆกับดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
สายลมเอื่อยๆโชยมาให้ฉันได้ชื่นใจอีกครั้ง
ก่อนจะกลับไปเผชิญหน้ากับภาระหน้าที่ที่รออยู่ในวันรุ่งขึ้น
* * * * * * * *
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
การเดินทางไปทะเลบางขุนเทียน จากถนนพระราม 2 เมื่อตรงไปเรื่อยๆ ให้สังเกตป้ายบอกทาง
"ชายทะเลกรุงเทพฯ"ที่มีอยู่เป็นระยะๆ จากนั้นขับชิดซ้าย
โดยเมื่อถึงแยกก่อนถึงโลตัสพระราม 2 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล
ขับไปเรื่อยๆจนถึง กม.8 ก็จะเจอกับร้านอาหารทะเลมากมาย หากไปทางรถประจำทางสาย
68,105,140,141 ผ่าน แล้วต่อรถสองแถวไปทะเลบางขุนเทียน
สำหรับผู้ที่สนใจล่องเรือเที่ยว ที่โครงการบางขุนเทียนชายทะเล (กม.8)
อยู่ติดกับร้านโฮคิทเช่น ชายทะเล มีบริการเรือนำเที่ยวนำชมทะเลบางขุนเทียน
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-16.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในราคาผู้ใหญ่ 100 บาท
เด็ก 50 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2849-1500,0-2897-4250
มารีนเนอร์ไทยดอทคอม
|
MarinerThai.Com