พระราชดำรัสในหลวง 4 ประการ เพื่อชาวไทยรักษาจิตใจคุณธรรมให้เหนียวแน่น
พระราชดำรัสในหลวง 4 ประการ เพื่อชาวไทยรักษาจิตใจคุณธรรมให้เหนียวแน่น
หมายเหตุ - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระราชดำรัสตอบแก่พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ
สมาชิกราชสกุล สตรีผู้มีบรรดาศักดิ์
ข้าราชการและพสกนิกรนับแสนที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม
เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549
ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม
พร้อมพรั่งบุคคลตราบทุกสถาบันในชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทย
ขอขอบใจในคำอวยพรและการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ
เพราะรัฐบาลได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม
น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทยที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศรวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้น่าปลาบปลื้มใจมาก
เพราะแต่ละคนได้แสดงออกและตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง
จึงขอขอบใจทุกๆ คน จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปราถนาดี
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่าย
ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น
นึกถึงคุณธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความรักความสามัคคี
ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ประการแรก คือ การให้ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา
มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ประสานงานประสานประโยชน์กันให้งานที่ทำสำเร็จผลทั้งแก่ตนแก่ผู้อื่นและประเทศชาติ
ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสุจริต
ในกฎกติกาและในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
ประการที่สี่ คือ
การที่ต่างคนต่างพยายามทำนำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงอยู่ในเหตุในผล
หากความคิดจิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี
ที่เจริญนี้ ยังมีพร้อมมูลในกาย ในใจของคนไทย
ก็มั่นใจได้ว่าประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมแห่งนี้
ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น
และถ่ายทอดความคิดจิตใจนี้กันต่อไป อย่าให้ขาดสาย
เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขทั้งในปัจจุบันและภายหน้า
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลจึงคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทยให้ปลอดพ้นจากอันตรายทุกสิ่ง
และอำนวยความสุขความเจริญสวัสดีให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วกัน
ปวงชนมหาศาลกึกก้อง"ทรงพระเจริญ"
ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร
ทรงปลาบปลื้มพระราชหฤทัยในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพสกนิกรชาวไทย
พร้อมทรงขอให้คนไทยทุกหมู่เหล่ามีความรัก ความสามัคคี
เพื่อให้ประเทศชาติดำรงยืนยงด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
ขณะที่ปวงชนชาวไทยปลาบปลื้มจนน้ำตาไหลขณะเฝ้ารับเสด็จ
ขอให้พ่อหลวงของแผ่นดินมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
ถึงวันมหามงคลที่ปวงชนชาวไทยเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี พระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คนไทยให้มีความรัก สามัคคี
เพื่อให้ประเทศชาติดำรงยืนยง
สร้างความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นแก่ชาวไทยทั่วประเทศที่เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ
เพื่อชื่นชมพระบารมีอย่างไม่รู้ลืมเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร เมื่อเวลา 10.30 น.
วันที่ 9 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา
สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ คุณพลอยไพลิน และคุณสิริกิติยา เจนเซน
ไปยังพลับพลาพิธี พระที่นั่งอนันตสมาคม ในการพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
ในการนี้ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการ บูชาพระพุทธปฏิมาปางประจำรัชกาล
สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์
อ่านประกาศบวงสรวง จากนั้นทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก
พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร มุขด้านทิศใต้
เพื่อให้ประชาชนได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล
แทนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงให้ชาวไทยรักสามัคคี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสต่อผู้มาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ความว่า "ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม
พร้อมพรั่งด้วยบุคคลจากทุกสถาบันในชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทย
ขอขอบใจในคำอำนวยพรและการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่ทุกคนตั้งใจจัดให้ข้าพเจ้าเป็นพิเศษ
ทั้งรัฐบาลได้จัดงานครั้งนี้ได้เรียบร้อยและงดงาม
น้ำใจไมตรีของประชาชนชาวไทยที่ร่วมกันแสดงออกทั่วประเทศ
รวมทั้งที่พร้อมเพรียงกันมาในวันนี้ น่าปลาบปลื้มใจมาก
เพราะแต่ละคนได้แสดงออกและตั้งใจมาด้วยความหวังดีจากใจจริง จึงขอขอบใจทุกๆ คน
จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่ายนี้
ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรม ซึ่งเป็นที่ตั้งของความรัก
ความสามัคคี
ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ประการแรก คือการที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่สอง คือการที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน
ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ
ประการที่สาม คือการที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา
และในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน ประการที่สี่
คือการที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดีที่เจริญนี้
ยังมีพร้อมมูลอยู่ในกายในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า
ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสอีกว่า "ขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้
ทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่น
และถ่ายทอดความคิดจิตใจนี้กันต่อไป อย่าให้ขาดสาย
เพื่อให้ประเทศชาติของเราดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
ทั้งในปัจจุบันและในภายหน้า ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล
จงคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทยให้ปลอดพ้นจากภัย จากอันตรายทุกสิ่ง
และอำนวยความสุขความเจริญสวัสดีให้เกิดมีแก่ประชาชนชาวไทยทั่วกัน"
ปชช.กว่าครึ่งล้านรอเข้าเฝ้าฯ
บรรยากาศบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าตลอดจนแนวถนนราชดำเนินนอกเนืองแน่นไปด้วยประชาชนชาวไทยไม่ต่ำกว่า
5 แสนคน ต่างก็ปักหลักรอเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ทั้งนี้ประชาชนที่ได้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ต่างแสดงความจงรักภักดีด้วยการพร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี พร้อมทั้งได้นำธงชาติและธงตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนหลายหมื่นคนเดินทางมาที่ลานพระบรมรูปตั้งแต่ช่วงดึกของวันที่
8 มิถุนายน
ทำให้บริเวณดังกล่าวคลาคล่ำไปด้วยประชาชนจนเต็มที่พื้นที่ยาวไปถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์
แม้ว่าอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม แต่สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ
ต่างใจจดใจจ่อที่จะร่วมถวายพระพรชัยมงคล
ส่วนที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ตั้งแต่เช้ามืด
ประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองทยอยเดินทางมายังถนนราชดำเนิน
จนกระทั่งเวลา 10.00 น. ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
ซึ่งเดิมกำหนดเป็นจุดสุดท้ายที่มีการปิดกั้นถนนห้ามรถผ่านไปมา มีประชาชนล้นออกมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการปิดถนนเพิ่มจนถึงแยก จปร. ขณะเดียวกันยังมีประชาชนทุกเพศ
ทุกวัย เดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ
มาร่วมถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี รอรับเสด็จ 2 ฟากฝั่งเต็มเหยียด นอกจากนี้
ในด้านถนนราชวิถีนั้นมีประชาชนหลายพันคน
เดินทางมาจับจองที่นั่งบริเวณฟุตบาทริมถนนราชวิถีช่วงด้านหน้าสวนสัตว์ดุสิต
ไปจนถึงบริเวณถนนพระรามที่ 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชวังดุสิต เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนินผ่านทางถนนพระรามที่ 5 เข้าถนนอู่ทองในไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม
ซึ่งตำรวจได้ปิดเส้นทางดังกล่าว
และไม่ให้ประชาชนเดินเท้าผ่านทางถนนอู่ทองในไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า
เนื่องจากเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน อย่างไรก็ตาม
ประชาชนก็ยังทยอยเดินเท้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้เปิดเส้นทางถนนอู่ทองใน
แต่ให้ประชาชนเฝ้ารอรับเสด็จอยู่ที่บริเวณริมฟุตบาทบริเวณหน้ารัฐสภา
นอกจากประชาชนหลายแสนคนที่มารอรับเสด็จ ยังมีผู้พิการจากโรงเรียนอาชีวะพระมหาไถ่
พัทยา จ.ชลบุรี กว่า 100 คน เดินทางมาด้วยรถบัสที่โรงเรียนเหมามา
โดยออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 และเดินเท้าเข้าสู่ถนนราชดำเนินในช่วงเช้า
โดยทุกคนสวมเสื้อสีเหลืองที่โรงเรียนจัดทำขึ้นมาเอง แม้จะไม่ใช่เสื้อสีเหลืองของแท้
แต่จากการสอบถามหลายคนก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ใส่
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวง
น้ำตาปลื้มปีติ "ขอทรงพระเจริญ" เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯ มาถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนที่รอเฝ้าฯ
รับเสด็จ ต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังสนั่นทั่วบริเวณ
พร้อมทั้งชูธงที่นำมาโบกสะบัดขึ้นเหนือศีรษะ
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสีหบัญชร ประชาชนต่างเปล่งเสียง
"ทรงพระเจริญ" ดังสนั่นทั่วบริเวณอีกครั้ง
จากนั้นทุกคนต่างอยู่ในความสงบเมื่องานพระราชพิธีเริ่มขึ้น
และยกมือขึ้นพนมอยู่ที่หน้าอกตลอดระยะเวลาที่พระราชพิธีที่ได้ดำเนินไป อย่างไรก็ตาม
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีกระแสพระราชดำรัสต่อผู้ที่เข้าเฝ้าฯ เสร็จสิ้น
ประชาชนทั่วบริเวณต่างๆ เปล่งเสียงตะโกน "ทรงพระเจริญ" ขึ้นอีกครั้ง
ด้วยสีหน้าปลาบปลื้มยินดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงยืน ณ สีหบัญชร และทรงโบกพระหัตถ์
ทำให้ประชาชนทั่วบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลื้มปีติ
พร้อมกับก้มกราบด้วยความจงรักภักดี และต่างตะโกนเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ตลอดเวลา
จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินกลับ
ซึ่งภาพดังกล่าวปรากฏสู่สายตาคนไทยทั้งชาติที่รอชื่นชมพระบารมีและประทับในความทรงจำอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธี
ประชาชนต่างทยอยเดินทางกลับด้วยการเดินเท้า
เนื่องจากรถโดยสารไม่สามารถที่จะเข้ามาบริเวณถนนราชดำเนินนอกได้
นอกจากนี้ประชาชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะจดจำเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปจนตลอดชีวิตที่ครั้งหนึ่งได้เข้าร่วมงานพระราชพิธี
และได้มีโอกาสถวายพระพรชัยมงคลแด่พ่อหลวงของแผ่นดินให้มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
นอกจากนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อยต่างบอกว่าตลอดทั้งวันนี้จะเข้าร่วมงานที่หน่วยงานราชการจัดขึ้น
ความงามของไฟประดับถนนราชดำเนินตลอดสาย
ความงามของไฟประดับถนนราชดำเนินตลอดสาย
พสกนิกรขอยึดแนวพระราชดำรัส นายนิพนธ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อายุ 69
ปี เดินทางมารับเสด็จ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. กล่าวว่า เคยเป็นข้าราชการ
จึงมีโอกาสเคยได้รับเสด็จฯ ตอนทรงเปิดเขื่อนภูมิพล
โดยเป็นผู้คุมลิฟต์ถวายพระองค์ท่าน ขณะเสด็จขึ้น-ลง ทั้งนี้แม้จะปลดเกษียณไปแล้ว
แต่ยังคงยึดแนวพระราชดำริ ด้วยการทำสวนแนวเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผัก เลี้ยงปลา
ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง "ผมได้เตรียมกล้องส่องทางไกลมาด้วย
แต่ไม่ได้ส่องในขณะที่พระองค์ท่านเสด็จออกมาบริเวณสีหบัญชร
ขอแค่เพียงส่องดูบริเวณก่อนที่พระองค์ท่านจะประทับก็พอใจแล้ว
ผมเคยได้ถวายงานให้ในหลวง ซึ่งผมชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่านมาก
อย่างนิทรรศการที่เมืองทองธานีที่ไปชมมา ก็ยิ่งใหญ่มากแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ถ้าเป็นต่างประเทศเขาคงไม่ทำยิ่งใหญ่ขนาดนี้
พระองค์ท่านเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่คนทั่วโลกต่างให้การยกย่อง
ผมภาคภูมิใจพระองค์ท่านอย่างมาก ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ" นายนิพนธ์กล่าว ด้าน
ด.ต.หญิง รุจาภา บุญเรือง กล่าวว่า
เดินทางออกมาจากบ้านพร้อมลูกสาวทั้งสองคนตั้งแต่เวลา 05.05 น.
เพราะถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้เห็นพระองค์ท่าน
ในหลวงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระวิริยะอุตสาหะ
พระบารมีของพระองค์คุ้มครองประชาชนให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
โดยเฉพาะพระราชดำริเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนั้น
ครอบครัวได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันจนทุกวันนี้
ปลื้มรอเข้าเฝ้าในหลวง นายเกรียงศักดิ์ นามวงศ์ อายุ 25 ปี
กล่าวว่า
รู้สึกปลื้มปีติในพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้
ไม่เคยลืมที่จะกราบไหว้บูชาทุกวัน และเมื่อถึงวันสำคัญๆ
ตนและครอบครัวตั้งใจเดินทางมาเพื่อแสดงถึงการถวายความจงรักภักดี นางสุวิมล โชติกุล
52 ปี อาชีพแม่บ้าน กล่าวว่า เดินทางมาถึงลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อเวลาประมาณ 23.00
น. วันที่ 8 มิถุนายน
โดยนำผ้ามาปูนอนเพื่อรอชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ใกล้ที่สุด
เพราะตนอายุมากแล้ว
ยังไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานแค่ไหนที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกตื้นตันใจอย่างนี้
ทั้งนี้เมื่อมาถึงเห็นมีคนจับจองพื้นที่ยิ่งทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ประชาชนรักในหลวง
น.ส.กัญญ์กมล จิระลิขิตกุล อายุ 32 ปี พนักงานบริษัท กล่าวว่า
วันนี้ถือเป็นวันหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก มีพระราชคันตุกะหลายประเทศเสด็จมาร่วมงาน
ในฐานะคนไทยอยู่ในประเทศไทย เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกปลาบปลื้ม
เคารพบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหนือสิ่งอื่นใด จึงเดินทางมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง
มาจับจองที่กับเพื่อน 2 คน ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.
ขอทรงเป็นมิ่งขวัญตลอดไป ชาวบ้านจาก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
เหมารถบัสเดินทางมาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเข้ามาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี ทุกคนบอกว่ารักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน
เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตลอดไป น.ส.อารยา ศรีไทรจันทร์ อายุ 16 ปี
นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสิรินทรราชวิทยาลัย จ.นครปฐม กล่าวด้วยความตื่นตันใจว่า
"หนูรักในหลวง ขอให้พระองค์อยู่กับพวกเราตลอดไป
ส่วนตัวประทับใจโครงการฝนหลวงของพระองค์มากที่สุด เพราะว่าช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง
ทั้งด้านการเกษตร และสภาพอากาศที่เป็นมลภาวะอยู่ในขณะนี้" ด้าน ชาวอำเภอบางแพ
จ.ราชบุรี มากกว่า 100 คน เดินทางออกจากพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.
โดยมาปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ แม้ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงใด ทุกคนก็ไม่ถอย
นางอำภา ฉัฐมะ กล่าวว่า มารอรับเสด็จในงานพระราชพิธีหลายครั้ง
แต่ครั้งนี้มีประชาชนจำนวนมากและยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง รู้สึกตื้นตันใจ
รักพระองค์ท่าน ในโลกนี้ไม่มีประมุขประเทศไหนที่เป็นแบบพระองค์
ขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
ร่วมตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
ไม่เพียงแต่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเท่านั้นที่ปวงชนชาวไทยสามารถชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่บริเวณท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง
ได้เปิดโอกาสให้พี่น้องชาวไทยร่วมทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
พร้อมทั้งร่วมลงนามถวายพระพร โดยก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 06.30 น. วันเดียวกัน
ที่บริเวณท้องสนามหลวงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 161 รูป ร่วมกับคณะกรรมการมูลนิธิ 5
ธันวามหาราช ข้าราชการกทม.
ตลอดทั้งประชาชนจำนวนมากต่างนำข้าวสารอาหารแห้งมาทำบุญตักบาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60ปี
โดยผู้ที่มาร่วมงานพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง
บริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงได้มีการจัดตั้งเต็นท์ “วิหารพระไตรปิฎก”
ให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันสาธยายพระไตรปิฎกภาษาบาลีฉบับสยามรัฐ เพื่อน้อมเกล้าฯ
ถวายเป็นพุทธบูชาและน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รวมทั้งมีการตั้งเต็นท์แจกจ่ายอาหารให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน
และคนเร่ร่อนบริเวณท้องสนามหลวง ก่อนที่จะมีงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60
ปีตลอดทั้งคืน โดยประชาชนทั่วไปต่างจับจองที่นั่งในเต็นท์ที่จัดไว้ให้
เพื่อร่วมงานในท้องสนามหลวงที่จะมีขึ้นตลอดทั้งคืน
นายกฯลงนามถวายพระพร
ส่วนบรรยากาศที่ศาลาว่าการสำนักพระราชวังในพระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลา 13.20 น.
พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา
เดินทางเข้าลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยมีคณะรัฐมนตรีและภริยา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และผู้บริหารจากทุกกระทรวง ทบวง กรม
ทยอยเข้าลงนามถวายพระพร เช่น พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์
รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รักษาการรองนายกรัฐมนตรี นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น นอกจากนี้
ยังมีทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปลัดกระทรวง
ผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ
รวมทั้งนายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ประธานกรรมการ และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามถวายพระพรด้วย
ส่วนที่บริเวณศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งจัดให้ข้าราชการกระทรวงต่างๆ ลงนามถวายพระพร
และบริเวณเต็นท์สนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคมที่จัดไว้ให้ประชาชนลงนามถวายพระพร
มีประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองมาเข้าแถวรอลงนามถวายพระพรกันจำนวนมาก
โดยสำนักพระราชวังได้จัดเตรียมหนังสือเรื่องพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญูและหนังสือบทสวดมนต์
ซึ่งทั้ง 2 เล่ม จัดพิมพ์ในโอกาสพิเศษนี้มาแจกเป็นที่ระลึกให้แก่ประชาชน
ส่วนที่ปราสาทพระเทพบิดร
ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรีในโอกาสพิเศษ
มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมเนืองแน่นตลอดทั้งวัน
พระพี่นางฯทอดพระเนตรซ้อมขบวนเรือ ต่อมาในช่วงเย็น
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เสด็จทอดพระเนตรการซ้อมใหญ่ขบวนเรือพระราชพิธี ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ราชนาวิกสภา โดยมี พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์
ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองทัพเรือ เฝ้ารับเสด็จ
ส่วนการซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีในวันนี้ ซึ่งเป็นการซ้อมครั้งสุดท้าย
ก่อนที่จะแสดงจริงในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ มีประชาชนหลายหมื่นคนมาเฝ้ารอชมตลอด 2
ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ท่าวาสุกรี ต่อเนื่องเลยวัดอรุณราชวรารามออกไปอีก
โดยการซ้อมในวันนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องของฝนหรือลำเรือ มีเพียงสภาพอากาศที่ปิด
ท้องฟ้าครึ้มฝนและมีเมฆมากเท่านั้น น.อ.สุรจิตต์ สว่างจันทร์
รองเจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการจัดขบวนเรือพระราชพิธี กล่าวว่า
ในวันจริงจะยังคงแสดงเวลา 17.00 น. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้อากาศจะปิด
สำหรับในการแสดงจริงวันที่ 12 มิถุนายนนี้ การแสดงขบวนเรือพระราชพิธีจะเริ่มในเวลา
17.00 น. จากท่าวาสุกรีถึงหน้าวัดอรุณราชวราราม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นในเวลา 19.00 น. จึงจะมีการเปิดไฟสวยงามและการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม
เพลงพระราชนิพนธ์ และการปล่อยโคมลอยจำนวน 600 ดวง และการปล่อยกระทงสายอีกจำนวน 2
หมื่นดวง
พระราชินีอังกฤษถวายพระพร วันเดียวกัน สมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่
2 แห่งสหราชอาณาจักร พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 และนายวลาดิมีร์ ปูติน
ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ส่งพระราชสาส์นและสาส์นมาถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในโอกาสการฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ
จะนำความเรียนราชเลขาธิการ
เพื่อพิจารณานำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อไป
ส่วนการเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จพระราชอาคันตุกะจากประเทศต่างๆ
ที่เสด็จมาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนั้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา
รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการเตรียมการรับเสด็จพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศที่เสด็จเยือนประเทศไทย
ในฐานะพระราชอาคันตุกะ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ซึ่งมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังจังหวัดที่ต้องรับเสด็จ ได้แก่
ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทรา ใช้เวลาการประชุมกว่า 1
ชั่วโมง ภายหลังการประชุม รักษาการ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า
ได้ประชุมติดตามตรวจสอบเรื่องการข่าว จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวที่น่าเป็นห่วงใดๆ
เกิดขึ้น นอกจากนี้ มีการรายงานจาก จ.ชลบุรี ว่า ในการเสด็จของเจ้าชายแอนดรูว์
อัลเบิร์ต คริสเตียน เอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งยอร์ค แห่งสหราชอาณาจักร
ผู้แทนพระองค์ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
ทุกอย่างเรียบร้อยดี โดยจังหวัดชลบุรีได้รับการชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนจังหวัดอื่นๆ เช่น ภูเก็ต มีพระประมุขหลายชาติเสด็จไป
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการ รักษาการ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า
เน้นย้ำที่ประชุมว่าให้จังหวัดขอความร่วมมือเชิญชวนประชาชนร่วมกันรับเสด็จ
และขอให้ระมัดระวังเรื่องความสะอาดของบ้านเรือนที่เป็นเส้นทางเสด็จผ่าน เช่น
การตากเสื้อผ้า เพราะจะเป็นภาพที่ไม่สวยงาม ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือให้ติดธงชาติ
หรือทำป้ายรับเสด็จ เพื่อความสวยงาม เท่าที่ทราบจังหวัดต่างๆ จัดนักเรียน ประชาชน
มาคอยรับเสด็จตามเส้นทางต่างๆ ด้วย
ชาวคาทอลิกร่วมเฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และอีก 57
สถาบันการศึกษาคาทอลิก มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา มีคณะนักบวชชาย-หญิง ผู้บริหาร ครู อาจารย์
นักเรียน และนักศึกษา ในเครือสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทยกว่า 3,000 คน
เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ชาวคาทอลิกได้ร่วมร้องเพลงภูมิแผ่นดินนวมินทร์มหาราชา
เพลงสรรเสริญพระบารมี
พร้อมทั้งภาวนาขอพระเจ้าประทานพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพิธีสหบูชามิสซาขอบพระคุณ
โดยมีพระคาร์ดินัล ไมเกิล มีชัย กิจบุญชู ประธานสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ในฐานะตัวแทนศาสนาคริสต์ เป็นประธานในพิธี และกล่าวด้วยว่า ตลอด 60
ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ เป็นไปตามพระราชปณิธานแน่วแน่ในพระปฐมบรมราชโองการ
โดยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง
นักโทษขอทำความดีถวาย
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
พระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษจำนวน 2.5 หมื่นคน ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เป็นประธานในพิธีปล่อยผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เลือกตามเกณฑ์การพักการลงโทษจากเรือนจำ 137 แห่งทั่วประเทศ
โดยเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี มีวินัย และได้รับการอบรมทางวิชาชีพต่างๆ
มีโทษเหลือไม่เกิน 1 ปี เป็นผู้พิการทุพพลภาพ เป็นผู้ชราภาพชุดแรกจำนวน 1,660 คน
บรรยากาศการปล่อยตัวเต็มไปด้วยความปลื้มปีติของผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษและญาติที่มารอรับหลายร้อยคน
ทั้งบิดา มารดา ตา ยาย ภรรยา ลูก ซึ่งเมื่อพบกันบางคนดีใจจนน้ำตาไหล
ขณะที่ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษบางคนก็เดินทางกลับคนเดียว อย่างไรก็ตาม
ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษต่างปฏิญาณตนและแสดงความตั้งใจว่า
ออกไปแล้วจะทำความดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไม่กระทำผิดซ้ำอีก
โดยรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น พ.ต.ท.ทักษิณ
ให้โอวาทผู้ได้รับการปล่อยตัวว่า "วันนี้ถือเป็นวันมหามงคลของคนไทยทั่วประเทศ
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงทำให้ผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวเร็วกว่ากำหนด
เพื่อกลับไปหาครอบครัว ทั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อยากให้ทุกคนสำนึกว่า แม้จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทรงงานหนัก ทรงมีพระเมตตา
รักพี่น้องคนไทยทุกคน ดังนั้นอยากให้คนที่หลงผิด มองไปข้างหน้า
และจะไม่ทำความผิดอีก"
"ทักษิณ"ชี้คนไทยชื่นชมพระบารมี พ.ต.ท.ทักษิณ
ให้สัมภาษณ์กรณีประชาชนกว่า 5 แสนคน มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ว่า แสดงให้เห็นว่าคนไทยทุกคนมีความจงรักภักดี
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิริยะอุตสาหะ
ทรงใช้พระราชอัจฉริยภาพช่วยประชาชนมาตลอด 60 ปี
ซึ่งประชาชนได้เห็นบทบาทมาหลายชั่วอายุคน แม้กระทั่งตนเป็นนายกฯ ก็เป็นนายกฯ
รุ่นที่ 3 เพราะตอนที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ใหม่ๆ คนรุ่นปู่ของตนเป็นนายกฯ
ต่อมาก็เป็นรุ่นพ่อ พอถึงรุ่นตนก็เป็นรุ่นที่ 3 "3 ชั่วอายุคนที่ส่งผ่านมา
ก่อให้เกิดความรู้สึกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสียสละ
ทำให้เห็นถึงการแสดงออกของประชาชนในวันนี้อย่างล้นหลามทั่วประเทศ
ที่แสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
แม้กระทั่งงานนิทรรศการที่เมืองทองธานี คนก็ยังไปไม่ขาดสาย
ตรงนี้เป็นความรู้สึกที่ตรงกันของคนไทยทั่วประเทศ
ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า
พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสการฉลองสิริราชสมบัติครบ 60
ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ถือเป็นวาระที่เป็นมหามงคลของคนไทยทั้งประเทศได้ร่วมกันเฉลิมฉลองทำกิจกรรมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งถือว่าน่าปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้
อยากให้การรวมจิตใจทั้งประเทศในวาระนี้เป็นพลังที่จะช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละฝ่ายอย่างดีที่สุด
เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา
คนแย่งซื้อเสื้อเหลือง
หลังจากเกิดปัญหาเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์ครองสิริราชสมบัติครบ 60
ปีขาดแคลนและราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริงมาว่า 1 สัปดาห์ ล่าสุด
กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสื้อเหลืองจำนวน 5,000 ตัว
ที่ผลิตขึ้นมาใหม่มาจำหน่ายที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี
โดยการวางจำหน่ายครั้งนี้มีประชาชนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมารอซื้อตั้งแต่เวลา
24.00 น. ของวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาเปิดจำหน่าย 08.00 น.
เจ้าหน้าที่ต้องแจกบัตรคิวแก่ประชาชนผู้มารอซื้อ
พร้อมทั้งขอให้ตำรวจมาช่วยดูแลความเรียบร้อย แต่การจำหน่ายเต็มไปด้วยความล่าช้า
ทำให้ต้องหยุดการจำหน่ายเสื้อในช่วงเช้าเพื่อจัดระเบียบใหม่ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ
รักษาการ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า คาดไม่ถึงว่าประชาชนจะยังสนใจกันมาก
แต่ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนไม่พอใจอยู่บ้าง
เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นพนักงานขาย จึงเกิดความล่าช้า
และจำนวนเสื้อที่นำมาจำหน่ายก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการเพื่อหาเสื้อจากผู้ผลิตและนำมาจำหน่ายให้ประชาชนในครั้งต่อไปขอโทษประชาชนขายเสื้อไม่พอ
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า
กรมการค้าภายในต้องขออภัยประชาชนที่มีปัญหาเกิดขึ้น
และจะนำผลการเปิดจำหน่ายครั้งนี้ไปปรับปรุงสำหรับครั้งต่อไป
แต่ขอให้ประชาชนสบายใจว่ายังมีสินค้าที่จะออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายได้รับปากจะเร่งผลิตเสื้อออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนโดยเร็ว
และมียอดการผลิตถึงกว่า 6 ล้านตัว ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนรอไปอีกระยะหนึ่ง
คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีเสื้อที่ผลิตออกมาจำหน่ายเติมเพิ่มอีกแน่นอน ขณะที่ นายศิริพล
ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในเชิญประชาชนที่ไม่ได้รับเสื้อมาลงชื่อและที่อยู่ไว้ก่อน
และให้มารับเสื้อในวันที่ 14 มิถุนายน หากประชาชนลงชื่อและอยู่ในต่างจังหวัด
กรมการค้าภายในจะดำเนินการจัดส่งไปให้เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
และในวันที่กรมการค้าภายในให้มารับเสื้อจะไม่เปิดจำหน่าย
โดยจะให้มารับเสื้อเฉพาะที่ลงชื่อไว้เพียงอย่างเดียว
คนไทยแห่ซื้อธนบัตรที่ระลึก
นอกจากประชาชนจะได้ชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี วันเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนซื้อธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตามสาขาของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ
และสาขาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น. ทั้งนี้
การจำหน่ายธนบัตรมีประชาชนมาเข้าแถวรับธนบัตรที่จองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1-8
มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่บางธนาคาร เช่น ธนาคารออมสิน
เปิดให้ประชาชนซื้อธนบัตรที่ระลึกได้ในวันที่ 9 มิถุนายน
โดยกำหนดจำนวนการจองซื้อไว้ไม่เกินคนละ 5 ฉบับ
เพื่อให้ธนบัตรกระจายอย่างทั่วถึงมากที่สุด นางภานี เผ่าวิบูลย์
ประชาชนที่มาจองซื้อธนบัตร กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้จองซื้อธนบัตร
เพราะถือเป็นโอกาสพิเศษ ทำให้เกิดความปลื้มปีติอย่างยิ่ง
โดยจะนำธนบัตรที่ซื้อส่งไปให้บุตรหลานในต่างประเทศ และจะนำไปมอบให้บุคคลในครอบครัว
เพื่อเป็นที่ระลึกร่วมกัน ทั้งนี้
ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
ชนิดราคา 60 บาท ซึ่ง ธปท.จัดพิมพ์จำนวน 9,999,999 ฉบับ เปิดจ่ายแลกในราคาฉบับละ
100 บาท
ซื้อเหรียญ-แสตมป์ที่ระลึก ขณะที่บริเวณกรมธนารักษ์
ซึ่งเปิดจำหน่ายแลกเหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
มีประชนชนจำนวนมากมารอแลกเหรียญตั้งแต่เวลา 04.00 น.
เจ้าหน้าที่เริ่มแจกบัตรคิวเมื่อเวลา 08.30 น. จำนวนทั้งสิ้น 700 บัตรคิว
และหมดในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งกรมธนารักษ์ได้จำกัดการแลกเหรียญเพื่อให้เหรียญแพร่กระจายถึงประชาชนที่สนใจได้อย่างทั่วถึง
ส่วนการเปิดขายแสตมป์ครองราชย์ 60 ปี บริเวณที่ทำการไปรษณีย์สามเสนใน
มีประชาชนนับพันคนต่างให้ความสนใจเข้าคิวจองซื้อแสตมป์ทองคำครองราชย์ 60 ปี
กันอย่างเนืองแน่น
และอีกหลายพื้นที่ที่ทำการไปรษณีย์ต่างได้รับความสนใจจากประชาชนไม่แพ้กัน
แม้ว่าจะเป็นวันปิดทำการของที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง
แต่เนื่องจากเป็นวันแรกของการจำหน่ายตราไปรษณียากรที่ระลึกงานฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี (ชุด 2) ซึ่งเป็นแสตมป์ทองคำชนิดราคาดวงละ 100 บาท
และในหลายพื้นที่หลังจากเปิดให้จองปรากฏว่าหมดในเวลาอันรวดเร็ว
ด้านนักสะสมและผู้สนใจสามารถหาซื้อแสตมป์ชุดดังกล่าวได้ภายในงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และงานเปิดตัวแสตมป์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ชุด 2
ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2549
ส่วนที่ทำการไปรษณีย์อื่นๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ
และไปรษณีย์จังหวัดทุกจังหวัดที่ไม่ได้เปิดจำหน่ายในวันที่ 9 มิถุนายน
จะเปิดจำหน่ายในวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน เวลา 09.00-12.00 น.
หรือจนกว่าของจะหมดสื่อโลกเทิดไท้ในหลวง
นับเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นที่ปวงชนชาวไทยจะได้เฉลิมพระเกียรติงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ด้วยพระบารมีของพระองค์ทำให้ข่าวงานพระราชพิธีเผยแพร่ออกไปทั่วโลก
โดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในสหรัฐ รายงานว่า
ประชาชนหลายแสนคนในชุดเหลืองได้ไปร่วมชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอเข้าเฝ้าฯ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม
พระราชวังดุสิต เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยถวายพระพรชัยมงคล ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า
พสกนิกรชาวไทยที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และท้องถนนสายต่างๆ
พร้อมใจกันโบกธงชาติในช่วงที่ขบวนเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคลื่อนผ่านพระที่นั่งอนันตสมาคม
โดยมีการประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ซีเอ็นเอ็น
อ้างคำสัมภาษณ์ของนายสราวุฒิ พุ่มทอง
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดงและคนในวงการบันเทิงที่ไปร่วมงาน เผยว่า
ความฝันของตัวเองคือการได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะที่พสกนิกรชาวไทยคนอื่นๆ ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยไปตราบนานเท่านาน
เอเอฟพี-รอยเตอร์ทึ่งพระบารมี ด้านเอเอฟพีและเอพี รายงานข่าวว่า
มีพสกนิกรไปรวมตัวกันที่หน้าลานพระรูปทรงม้ามากถึง 5 แสนคน
บางส่วนเดินทางไปปักหลักรอที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมตั้งแต่เมื่อเย็นวันพฤหัสบดี
เพื่อจะได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด ประชาชนส่วนใหญ่จะสวมเสื้อสีเหลือง
ซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักข่าวรอยเตอร์
รายงานว่า คลื่นมหาชนชาวไทยต่างเปล่งเสียงถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
หลังเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสต่อผู้เข้าเฝ้าฯ
ว่าทรงปลาบปลื้มพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง
พร้อมขอให้ประชาชนชาวไทยมีความรักสามัคคีเพื่อประเทศชาติ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล
เฮรัลด์ ทรีบูน รายงานว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในบรรยากาศของการเฉลิมฉลองวันมหามงคล
ประชาชนแทบทุกคนพากันสวมเสื้อสีเหลือง
ซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อแสดงความจงรักภักดี และตลอดช่วงสัปดาห์นี้จะมีการทยอยจัดงานพระราชพิธี พิธี
และรัฐพิธีต่างๆ รวมถึงมีพระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนพระองค์ จาก 25
ประเทศทั่วโลก เสด็จมาร่วมถวายพระพรชัยมงคล ยกย่องในหลวงพระบารมีสูงส่ง พร้อมกันนี้
เฮรัลด์ ทรีบูน แสดงความชื่นชมในพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยระบุว่า
มีไม่กี่ราชวงศ์ในโลกที่จะมีพระบารมีและพระราชอำนาจที่ได้มาจากการชนะใจปวงชน
เทียบเท่ากับพระมหากษัตริย์ของไทย
โดยพระองค์ทรงนำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติการเมืองมาแล้วหลายครั้ง เฮรัลด์ ทรีบูน
ตั้งข้อสังเกตว่า แม้งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ครั้งนี้
จะมีขึ้นในช่วงที่การเมืองไทยกำลังเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
แต่นักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างพร้อมใจกันประกาศยุติการโต้แย้ง
หรือการต่อล้อต่อเถียงชั่วคราว ในวาระการเฉลิมฉลองอันเป็นมหามงคลนี้ นายจอห์น เครน
ที่ปรึกษาชาวอเมริกัน ซึ่งสวมสายรัดข้อมือสีเหลืองไปร่วมงานด้วย กล่าวว่า
พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของชาวไทยทั่วประเทศ
ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่นายคริสโตเฟอร์
บรูตัน ที่ปรึกษาบริษัท ดาต้า คอนซัลท์ ในไทย บอกว่า
เวทีการเมืองไทยยังคงมีเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้
แต่ทุกฝ่ายเห็นควรระงับไว้ก่อนเพื่อร่วมใจกันในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี