จากเกาะ‘ผีทัก’ สู่ เกาะ‘พิทักษ์’ ถึงเกาะ‘ที่รัก’
จากเกาะ‘ผีทัก’ สู่ เกาะ‘พิทักษ์’ ถึงเกาะ‘ที่รัก’
หนังสือพิมพ์
ผู้จัดการ
โดย ปิ่น บุตรี 11 ตุลาคม 2549 16:21 น.
เกาะพิทักษ์ เกาะที่มากไปด้วยเสน่ห์แห่งวิถีชุมชน
1...
ภาษิตโบราณว่าไว้ “คนดี ผีคุ้ม” ส่วนคนซวย มักจะถูกผีทัก
แต่บางครั้ง คนไม่เฮง ไม่ซวย ก็ถูกผีทักได้เหมือนกัน
อย่างกับเรื่องราวที่เล่าขานต่อๆ กันมาถึงเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งริมชายฝั่งทะเลชุมพร
...ในอดีตชาวเรือที่เดินทางผ่านไป-มายังเกาะนี้
มักจะได้ยินเสียงคนเรียกให้ขึ้นเกาะเสมอ
ส่วนบางคนที่พิเศษหน่อยก็จะเห็นภาพเงาลางๆกวักมือเชิญชวนให้ขึ้นเกาะ
แต่ครั้นเมื่อขึ้นไปบนเกาะ กลับเงียบเชียบไม่มีใครสักคน
เมื่อไม่มีคนแล้วใครล่ะตะโกนกวักมือเรียก
จ๊าก!!! ถ้าไม่ใช่คน งั้นก็ผีนี่หว่า?!?
ทำให้เรื่องราวของเกาะแห่งนี้ถูกโจษขาน
พร้อมๆกับการขนานนามให้เป็น“เกาะผีทัก” ที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ซึ่งคงแตกต่างจาก“เกาะผีปอบ”ที่หากชาวเรือเจอผี
พวกเขาคงจะตกใจวิ่งลงไปแอบในโอ่งใบเดียวแต่หลายคน
ก่อนที่ผู้ลงโอ่งคนสุดท้ายจะเป็นผีปอบขอเข้าไปหลบด้วย
เสาไฟจากฝั่งทอดยาวเรียงรายสู่เกาะพิทักษ์
เอ้า!?! แล้วโอ่งมาจากไหน??? ทำไมคนเข้าไปตั้งหลายคนโอ่งไม่แตก???
เรื่องนี้คงไม่ต้องคิดให้ปวดขมอง
เพราะนั่นมันเหมือนกับฉากของหนังผีเรื่องหนึ่งที่ฉายดิบฉายดีจนต้องมีภาคต่อๆมาอีก
10 กว่าภาค ส่วนที่เกาะผีทักนั้น อำพล ธานีครุฑ
ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันบอกกับผมว่า นอกจากตำนานเรื่องผีทักแล้ว เกาะนี้มีบันทึกว่า
ในสมัยรัชกาลที่ 5 โจรกลุ่มหนึ่งหนีการจับกุมมาจากเกาะสมุย
เมื่อล่องเรือผ่านมาทางนี้เห็นคนบนเกาะกวักมือเรียก
จึงพากันหนีขึ้นไปหลบบนเกาะอย่างปลอดภัยแต่ว่าก็หาคนที่กวักมือเรียกไม่พบ
จากนั้นพวกโจรได้กลับตัวกลับใจและพาครอบครัวมาสร้างบ้าน
ทำมาหากินอย่างสุจริตบนเกาะแห่งนี้
“บนเกาะแห่งนี้ ยินดีต้อนรับทุกคน แม้กระทั่งคนที่ประพฤติไม่ดี
เกาะนี้ก็ยินดีต้อนรับ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อขึ้นมาอยู่บนเกาะ
ต้องกลับตัวกลับใจทำมาหากินโดยสุจริต
นอกจากนี้ยังต้องเคร่งครัดกับกฎระเบียบของหมู่บ้าน โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด
ถ้าพบใครมีภายใน 24 ชั่วโมงต้องรีบออกไปจากเกาะทันที ส่วนการพนันจะมีการเตือน 3
ครั้งเพื่อให้กลับตัวกลับใจ หากไม่เชื่อก็ถูกส่งออกจากเกาะเหมือนกัน”
อำพล ผู้ใหญ่อำพลกล่าวอย่างจริงจัง
ก่อนที่จะพูดถึงเหตุที่เปลี่ยนชื่อของเกาะแห่งนี้ว่า เมื่อชุมชนขยายขึ้น
ชาวเกาะจึงเห็นว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อจาก“เกาะผีทัก”เป็น“เกาะพิทักษ์”แทน
เพื่อความเป็นสิริมงคล และให้ชาวเกาะได้รับการพิทักษ์จากเจ้าที่บนเกาะ
ซึ่งก็มีเรื่องเล่าอีกเช่นกันว่าครั้งหนึ่งเคยมีโจรสลัดพยายามที่จะมาบุกปล้นเกาะ
แต่ว่ากลับผิดคาดเพราะเห็นบนเกาะมีทหารเดินกันเต็มไปหมด(ทั้งๆที่ไม่มีทหารบนเกาะแม้แต่นายเดียว)
โจรสลัดเมื่อเห็นดังนั้นนึกว่ามีทหารอยู่จริงจึงเข้าไปขอถ่ายรูปกับทหาร เอ้ย!!!
ไม่ใช่ เมื่อโจรสลัดเจอทหารก็ได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนกลับไป
ทำให้เกาะพิทักษ์อยู่รอดปลอดภัย
เรื่องนี้จริง-เท็จ อย่างไรผมไม่อาจรู้ได้
รู้แต่ว่าปัจจุบันเกาะพิทักษ์คือหนึ่งในเกาะท่องเที่ยวทรงเสน่ห์ที่น่ายลด้วยวิถีชุมชนอันสงบงาม
และยังเป็นชุมชนที่พิทักษ์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
จนคว้ารางวัล"หมู่บ้านอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลดีเด่น" ประจำปี 2545
แถมยังมีการต่อยอดด้วยการจัดตั้งกลุ่มเด็กๆนักอนุรักษ์ขึ้นบนเกาะ
เพื่อรวมกันสืบสานทรัพยากรให้คงอยู่ต่อไป
ชาวบ้านหาหอยพร้อมส่งรอยยิ้มทักทายผู้มาเยือน
2...
หะแรกที่ผมเห็นเกาะพิทักษ์ เกาะนี้อยู่ใกล้ชายฝั่งเพียงนิดเดียว
แต่ที่ถือเป็นความโดดเด่นของเกาะนี้
ยามน้ำลดที่หน้าเกาะจะเกิดปรากฏการณ์ทะเลแหวกเป็นสันทรายทอดยาว
หากน้ำลดสุดๆทะเลแหวกจะทอดยาวไปถึงฝั่งหลังสวนที่อ่าวท้องครก
จนสามารถเดินข้ามจากฝั่งไปเกาะหรือจากเกาะไปฝั่งได้อย่างสบายๆ
แม้ทะเลแหวกเกาะพิทักษ์ ทรายจะไม่ขาวละเอียดและน้ำไม่ใสแจ๋วแว๋วเหมือนทะเลแหวกที่เกาะสามเส้า
จังหวัดกระบี่
แต่ทะเลแหวกแห่งนี้ก็มีเสน่ห์ตรงที่มีวิถีชีวิตชุมชนให้พบเห็นอยู่ทั่วไป
เพราะในช่วงน้ำลดชาวบ้านลงเดินหาหอยกันจำนวนหนึ่งในบริเวณทะเลแหวก
และที่ดูแปลกแตกต่างจากเกาะไหนๆก็คือทะเลแหวกที่เกาะพิทักษ์มีเสาไฟฟ้าทอดยาวคู่ขนานไปกับแนวสันทราย
ซึ่งบางคนก็วิจารณ์ว่ามันทำลายทัศนียภาพ
แต่สำหรับผมกลับมองว่านี่คือสิ่งที่จำเป็นในการนำไฟฟ้าจากฝั่งไปสู่เกาะ
บ้านเรือนบนเกาะปลูกสร้างอย่างเรียบง่าย
นอกจากนี้หากมองดีๆเสาไฟคู่ขนานสู่เกาะพิทักษ์นี่ก็เท่ไม่หยอก
ดูประหนึ่งเส้นนำสายตาในมิติเชิงลึกจากฝั่งไปยังเกาะ
เป็นเสาไฟที่ให้แสงสว่างแก่ชาวเกาะ ผิดกับเสาคู่ขนานโฮปเวลล์ที่ไร้ความหวัง
เพราะวันนี้ยังคงถูกทิ้งร้างค้างเติ่งกลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความอัปยศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองไทย
3..
ในเรือข้ามฟากนั่ง 10 คนสบาย
เรือแล่นเอื่อยๆตีคู่ขนานไปกับแนวเสาไฟฟ้าที่มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินหาหอยกันแถวทะเลแหวกที่เริ่มไม่แหวกเพราะน้ำขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว
ไม่เพียงหาหอยเท่านั้น
ชาวบ้านเมื่อเห็นผมนั่งเรือผ่านไปพวกเขาต่างก็ส่งยิ้มและโบกมือทักทายท่ามกลางแดดที่ร้อนเปรี้ยง
นับเป็นความประทับใจแบบอิมเพรสชั่นนิสต์ที่จับหมับเข้าในดวงใจผมทันทีที่เกาะพิทักษ์
หลังจากนั้นผมนั่งร้องเพลงไทยสมัยนิยมไปได้ยังไม่ทันจะจบ 3 เพลงดี
เรือก็มาจอดยังฝั่งเกาะพิทักษ์
ที่แม้น้ำเริ่มขึ้นไม่สามารถเดินฝ่าทะเลแหวกข้ามมาได้
แต่งานนี้ผมได้เดินลุยทะเลและย่ำเลนจากจุดจอดเรือขึ้นไปบนฝั่งแทน
บรรยากาศบนเกาะ
อยู่ใต้ฟ้า อย่าไปกลัวฝน คนเที่ยวทะเล อย่าไปกลัวเปียก
ว่าแล้วผมก็เดินลุยถั่วตามลุงธวัช ชิบแสง หรือลุงโจ้ยคนขับเรือไปอย่างติดๆ
ซึ่งลุงโจ้ยคนนี้แหละรับอาสาเป็นไกด์จำเป็นพาผมทัวร์ทั่วเกาะที่ก็ไม่สร้างความผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
เวลาเดินไปไหนลุงโจ้ยแกก็จะทักคนโน้น บอกคนนี้
และก็ให้ข้อมูลต่างกับเรา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของชาวเกาะที่มีด้วยกันทั้งหมด 42 ครัวเรือน
แต่ว่าอยู่กันฉันพี่น้อง ชาวเกาะส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
มีอาชีพหลักคือการทำประมงพื้นบ้าน จับปลา วางลอบหมึก อวนปู เลี้ยงหอยแมลงภู่
ส่วนอาชีพรองลงมาคือการทำสวนมะพร้าว และมีอาชีพเสริมคือการทำท่องเที่ยวชุมชน มีโฮมสเตย์ให้เลือกพักอยู่หลายหลังในราคา
450 บาท/คน อาหาร 3 มื้อโดยเน้นไปที่อาหารทะเลสดๆ
ระหว่างทางที่เดินไปคุยไปกับลุงโจ้ย
ผมพบเห็นวิถีชีวิตอันสงบงามเรียบง่ายของชาวเกาะอยู่ทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนริมทะเลเรียบๆง่ายๆที่มีเรือประมงจอดอยู่ประปราย
ส่วนบนบกก็แวดล้อมไปด้วยต้นมะพร้าวมากมาย ชาวบ้านบางคนตรวจตราความเรียบร้อยของเรือ
บางคนนั่งล้อมวงสนทนาเรื่องราวต่างๆ บางคนซ่อมแซม ลอบ อวน และอุปกรณ์หาปลาอื่นๆ
บางคนนั่งปอกมะพร้าว เผามะพร้าว
แถมยังมีบางคนถือเบ็ดเดินสวนทางผมมาพร้อมกับปลาพวงเบ้อเริ่ม
และที่สำคัญก็คือชาวบ้านบนเกาะนี้ล้วนเปี่ยมไปด้วยอัธยาศัยไมตรี
ยิ้มแย้มทักทายอาคันตุกะอย่างผมอย่างเป็นกันเอง
ลุงโจ้ย ไกด์จำเป็น
สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติบนเกาะ
ที่ด้านหลังเกาะมีหาดยาวประมาณ 450 เมตร น้ำใสสะอาดที่เงียบสงบให้พักผ่อนเล่นน้ำ
นอกจากนี้บนเกาะยังมีจุดชมวิว สูงประมาณ 200 เมตร ให้เดินขึ้นไปชมทะเลในมุมสูง
มุมกว้าง ที่วันไหนฟ้าใส สามารถมองเห็นไกลไปถึงเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงันเลยทีเดียว
ส่วนใครที่อยากดำน้ำดูปะการังลุงโจ้ยบอกว่า
สามารถเช่าเรือไปดำน้ำชมปะการังรอบๆเกาะ รวมถึงเกาะใกล้เคียงอย่าง“เกาะคราม”
ที่มีทั้งปะการังสวยงาม ปลาสวยงาม และหอยมือเสือให้ชมอีกด้วย หรือใครจะออกเรือตกปลา
ไดหมึก ในตอนกลางคืนทางเกาะก็มีบริการเหมือนกัน
หลังจากนั้นลุงโจ้ยได้พาผมเดินตัดดงมะพร้าวไปนั่งทอดหุ่ยรับลมทะเลที่หาดหลังเกาะ
พร้อมกับพูดคุยกันในเรื่องการลดน้อยถอยลงของทรัพยากรทางทะเล
ที่แม้ว่าชาวเกาะพิทักษ์จะทำประมงพื้นบ้านแบบพอเพียง คือจับปลาหาพาแค่พอกินพอขาย
และทุกๆปีพอถึงฤดูวางไข่ชาวบ้านที่นี่จะหยุดหาปลาอย่างเด็ดขาด
แต่กระนั้นปัจจัยจากภายนอกก็ส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลหดหายไปเป็นจำนวนมากซึ่งไม่ใช่เฉพาะเกาะพิทักษ์เท่านั้น
แต่มันเป็นเกือบทั่วพื้นที่ของท้องทะเลไทยเลยก็ว่าได้
4...
แสงแดดยามบ่ายทวีความรุนแรงมากขึ้น
พยาธิในท้องก็ส่งเสียงร้องเตือนความหิวมากขึ้น
ซึ่งก็คงถึงเวลาที่ผมจำใจต้องอำลาจากเกาะพิทักษ์แห่งนี้ไป เพราะในทริปนี้เราไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะนอนค้างคืนหรือพักแบบโฮมเสตย์บนเกาะพิทักษ์
เรือข้ามฝั่งติดเครื่องอีกครั้ง ลุงโจ้ยถือหางเสือบังคับเรือมุ่งหน้าสู่ฝั่งท่ามกลางแดดกล้าที่ส่องแสงกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
ขากลับ ทะเลแหวกหายไป
เช่นเดียวกับชาวบ้านที่เดินหาหอยก็หายไปเพราะน้ำทะเลขึ้นสูง
เหลือเพียงเสาไฟฟ้าตั้งตระหง่านทอดยาวจากฝั่งสู่เกาะพิทักษ์
เกาะที่ผมตั้งใจเอาไว้ว่าหากกลับไปเยือนชุมพรคราวหน้า จะไม่พลาดการไปพักแบบโฮมสเตย์บนเกาะพิทักษ์ด้วยประการทั้งปวง
งานนี้ต่อให้ถูกผีทัก!?! ผมก็ยืนยันที่จะไป
เพราะเกาะพิทักษ์ได้กลายเป็นหนึ่งในเกาะที่รักของผมไปแล้ว
*********************************************************************************
เกาะพิทักษ์ ตั้งอยู่ที่ ต.บางน้ำจืด
อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีเรือข้ามไปยังเกาะที่อ่าวท้องครก ค่าเรือคนละ 10 บาท
สามารถสอบถามกิจกรรมท่องเที่ยวและโฮมสเตย์บนเกาะพิทักษ์ได้ที่ ผู้ใหญ่บ้าน อำพล
ธานีครุฑ โทร.0-1093-1443, 0-9018-0644
|