สะดือสมุทรและเกาะแก้วพิสดารของสุนทรภู่ อยู่ในทะเลอันดามัน กับ การศึกษาหมาหางด้วน เท่ แต่โง่
สะดือสมุทรและเกาะแก้วพิสดารของสุนทรภู่ อยู่ในทะเลอันดามัน กับ
การศึกษาหมาหางด้วน เท่ แต่โง่
โดยหนังสือพิมพ์
ข่าวสด วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5868
รายงานพิเศษ
สุจิตต์ วงษ์เทศ

สุนทรภู่ (พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย)
สุนทรภู่รู้จัก
"สะดืออันดามัน" แล้วตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2385 ในแผ่นดินรัชกาลที่ 3
และควรรู้จักแล้วตั้งแต่แผ่นดินรัชกาลที่ 2 (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2352-2367)
สะดือทะเลอันดามันมีอยู่ในกลอนรำพันพิลาปของสุนทรภู่ แต่งเมื่อบวชเป็นภิกษุ พ.ศ.
2385 จำพรรษาอยู่วัดเทพธิดาราม(กุฎีสุนทรภู่ยังมีอยู่) แต่เรียกชื่อ"สะดือสมุทร"อยู่ในทะเลอันดามันระหว่างภูเก็ตกับหมู่เกาะนิโคบาร์(นาควารี)
จะขอยกกลอนรำพันพิลาปมาให้อ่านดังนี้
ออกลึกซึ้งถึงชื่อสะดือสมุทร เห็นน้ำสุดสูงฟูมดังภูมิผา
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา สูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
เรือลูกค้าวานิชไม่ชิดเฉียด และก้าวเสียดหลีดรำตามน้ำไหล
แลชะเลเภตราบ้างมาไป เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ
แม้พรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูป สว่างวูบวงแดงดังแสงกระสือ
ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือ พัดกระพือเผาหนังแก้รังควาน
บริเวณสะดือสมุทร หรือสะดืออันดามันนี่แหละเป็นฉากทั้งเรื่องพระอภัยมณี
วรรณคดีการเมืองที่สุนทรภู่แต่งต่อต้านการล่าอาณานิคมของอังกฤษ
น่าจะเป็นบริเวณเดียวกันได้ไหม? กับ MUD VOLCANO
ที่คณะอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพิ่งไปพบอยู่ใต้ทะเลอันดามันใกล้ๆภูเก็ต
แล้วยังสรุปไม่ได้เป็นอะไรแน่? แล้วภาษาไทยเรียกอะไร?

"ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก" ในทะเลอันดามัน
สุนทรภู่เรียกสะดือทะเลอันดามันใกล้ๆภูเก็ตว่า "สะดือสมุทร"
(อยู่ในกลอนรำพันพิลาป)
แล้วเรียกทะเลย่านนั้นด้วยชื่อรวมๆในนิทานกลอนเรื่องพระอภัยมณีว่า"นาควา
รินทร์สินธุ์สมุทร" เป็นแหล่งแร่ธาตุธรรมชาติ
เรื่องพระอภัยมณีมีเหตุเมื่อท้าวสิลราชเจ้าเมืองผลึกพาลูกสาวชื่อสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเลแล้วถูกพายุ
จึงตั้งพิธีเซ่นผีปู่เจ้าเพื่อถามทางว่าอยู่ที่ไหน? แล้วจะต้องกลับบ้านเมืองทางไหน?
ปู่เจ้าบอก (ตอนเมา ๆ) ว่า
ฝ่ายปู่เจ้าหาวเรอเผยอหน้า นั่งหลับตาเซื่องซึมดื่มอาหนี
แล้วว่ากูปู่เจ้าเขาคีรี ทะเลนี้มิใช่แคว้นแดนมนุษย์
ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก ชื่อว่านาควารินทร์สินธุ์สมุทร
ฝูงนาคมาอาศัยด้วยไกลครุฑ ถ้ายั้งหยุดอยู่ที่นี่จะมีภัย
เมื่อมุ่งไปทางทิศอีสานก็ได้พบพระฤาษีเกาะแก้วพิสดาร พบพระอภัยมณีกับ สินสมุทร
พบใครต่อใครอีกมากมาย แล้วเรื่องวุ่นๆทั้งหลายก็เกิดขึ้นรอบๆ ทะเล"นาควา
รินทร์สินธุ์สมุทร"นี่ทั้งนั้น อันเป็นชื่อที่สุนทรภู่เอามาจากเกาะนาควารี หรือ
Nicobar Islands
อยู่กลางทะเลอันดามันซึ่งมีเกาะใหญ่น้อยจำนวนมากเรียงรายตามแนวเหนือใต้
ล้วนเป็นแหล่ง"ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก"

แผ่นดินเดียวกันของสุวรรณภูมิยุคดึกดำบรรพ์ เมื่อล้านปีมาแล้วมี "แผ่นดินซุนดา"(พื้นที่สีเทาเข้ม)
เชื่อมต่อถึงกันทั้งอุษาคเนย์
แต่มีหมู่เกาะใหญ่และสำคัญ 2 หมู่ ยาวต่อเนื่องกันคือ หมู่เกาะอันดามัน (Andaman
Islands) อยู่ตอนบน กับหมู่เกาะนิโคบาร์ (Nicobar Islands) อยู่ตอนล่าง
หมู่เกาะ 2
หมู่นี้อยู่บนเส้นทางคมนาคมการค้าสมัยโบราณระหว่างสุวรรณภูมิกับบ้านเมืองแถบตะวันตก
คืออินเดีย ลังกา และยุโรป จึงมีเอกสารกล่าวถึงเสมอๆ
โดยเฉพาะหมู่เกาะนิโคบาร์เป็นที่รู้จักกันในชื่อ"นาควารี หมายถึงถิ่นนาค หรืองู
หรือคนเปลือย มีในสมุดภาพไตรภูมิทำขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เขียนแผนที่โบราณระบุเมืองท่าชายฝั่งจนถึงลังกา
ต้องมีชื่อและภาพนาควารีเกาะคนเปลือยทุกฉบับ
แสดงว่าเป็นสถานที่สำคัญบนเส้นทางไปอินเดีย-ลังกา
และเป็นที่รู้จักกว้างขวางในหมู่นักเดินเรือครั้งนั้น

หมู่เกาะนิโคบาร์ (Nicobar Islands)
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ส่งพระสงฆ์ไปลังกา เมื่อ พ.ศ. 2357
อาศัยเรือค้าช้างของพ่อค้าที่ควนธานีเมืองตรัง ผ่านเกาะยาวหน้าเกาะถลาง
แล้วไปเกาะนาควารีใช้เวลา 6 วัน
บันทึกของพระสงฆ์ไปลังกายังบอกอีกว่า"แลเกาะเล็กน้อยมีอยู่ใกล้เคียงเกาะนาควารีย์ที่แลไปเห็นนั้น
จะนับประมาณมิได้" และนับเวลาตั้งแต่ออกจากเมืองตรัง 18 วันก็ถึงเมืองลังกา
แผ่นดินล้านปี ใต้ทะเลอันดามันที่ภูเก็ต
ธรรมชาติของทะเลอันดามันมี"ภูมิสังคม"หลายอย่าง แต่เรา"ขี้เกียจ ขี้โกง
ขี้โอ่ ขี้อิจฉา" เลยไม่เข้าใจ และไม่เข้าถึง
บริเวณสุวรรณภูมิทั้งผืนแผ่นดินใหญ่และหมู่เกาะเมื่อล้านปีมาแล้ว ไม่มีทะเล
เลยเป็นแผ่นดินเดียวกันเรียกแผ่นดินซุนดา
เป็นเหตุให้มีโคลนตะกอนใกล้ภูเก็ตที่อาจเป็นประเด็นของนักวิทยาศาสตร์ถกเถียงกันขณะนี้
จะขอยกสาระสำคัญที่อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
เขียนไว้ในหนังสือรัฐปัตตานีใน"ศรีวิชัย"(สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2547)
ดังต่อไปนี้

แผนที่แสดงฉากและบ้านเมืองต่างๆ ในพระอภัยมณีอยู่ทางทะเลอันดามัน เสนอโดย "กาญจนาคพันธุ์"
(ขุนวิจิตรมาตรา) เป็นท่านแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2490 (ภาพจาก สุนทรภู่ เกิดวังหลัง ผู้ดี
"บางกอก" มหากวีกระฎุมพี มีวิชารู้เท่าทันโลก. กรุงเทพฯ : มติชน, 2547)
สุวรรณภูมิเมื่อล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณอ่าวไทยค่อนข้างจะเหือดแห้ง
และพื้นที่บางส่วนเชื่อมติดเป็นแผ่นดินเดียวกันกับเกาะสุมาตรา ชวา
บอร์เนียวในประเทศอินโดนีเซีย และเกาะปาลาวันในประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า"แผ่นดินซุนดา"
(Sundaland) น้ำทะเลลดระดับต่ำลงกว่าปัจจุบันประมาณ 120 เมตร

แผ่นดินซุนดา (Sundaland)
ราว 125,000-12,000 ปีมาแล้ว
คนก่อนประวัติศาสตร์กระจายตัวในแนวชายขอบเทือกเขาตะวันตก และเกาะแก่งต่างๆใน"แผ่นดินซุนดา"
และข้ามน้ำไปยังหมู่เกาะปาลาวัน
แสดงว่าคนก่อนประวัติศาสตร์น่าจะมีเทคโนโลยีการเดินเรือที่ซับซ้อนแล้ว
คนก่อนประวัติศาสตร์ยุคนี้เป็นกลุ่มขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายบ่อยๆไปตามแหล่งทรัพยากร
ตั้งถิ่นฐานตามถ้ำหรือเพิงผาบริเวณแนวเทือกเขาตะวันตก
หรือภายในแผ่นดินใกล้แหล่งน้ำมากกว่าบริเวณชายฝั่งทะเล เช่น
ที่เพิงผาถ้ำหลังโรงเรียนในเขตบ้านทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
พบเครื่องมือหินกะเทาะและเครื่องมือยุคหินขัดเป็นจำนวนมาก
ร่องรอยของเถ้าถ่านและวัตถุที่แสดงถึงการอยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีอายุตั้งแต่ 27,000
ปีขึ้นไป เป็นร่องรอยของบรรพชนคนสุวรรณภูมิยุคไพลสโตซีน
ซึ่งเป็นสมัยที่แผ่นดินใหญ่อันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยและมาเลเซีย
ยังเชื่อมต่อเป็นผืนแผ่นดินเดียวกับฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

เกาะนาควารี หรือปัจจุบันเรียกนิโคบาร์
บริเวณที่สุนทรภู่ใช้เป็นฉากเรื่องพระอภัยมณี (จากหนังสือสมุดภาพไตรภูมิ
ฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 1. กรมศิลปากร, 2542)
นอกจากนี้คงจะมีคนก่อนประวัติศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่อาจจะตั้งถิ่นฐานในที่ราบบน"แผ่นดินซุนดา"ในช่วงที่น้ำทะเลแห้งเหือด
ซึ่งปัจจุบันหลักฐานเหล่านี้จมอยู่ใต้ท้องทะเลอ่าวไทย
หมาหางด้วน ถูกหลอกว่าเท่ แต่โง่
"การศึกษาไทยล้มเหลวเหมือนหมาหางด้วนอย่างที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้
อุดมศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอ่อนแอแล้ว ประเทศอ่อนแอหมดมหาวิทยาลัยไม่ค่อยได้ทำงาน
ประเทศอ่อนแอมาก"
เพราะ"มหาวิทยาลัยหมดเวลาและหมดกำลังไปกับการสอนคนอยากได้ปริญญา แต่ไม่อยากเรียน"
มหาวิทยาลัยเลยไม่มีพลังเหลือไปทำวิจัยที่จะสร้างความรู้ใหม่เพื่อความเข้าใจปัญหาต่างๆของสังคม
ที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยล้วนมุ่งสอนหนังสือเอาตำราเป็นตัวตั้ง
แต่ไม่ได้เรียนรู้ชีวิตคนในสังคม ในชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ข้อความทั้งหมดข้างต้น ผมสรุปจากคำเสนอแนะของอาจารย์หมอประเวศ
วะสี (พิมพ์ในโพสต์ ทูเดย์ ฉบับวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2549)
มหาวิทยาลัยในเมืองไทยเหมือนหมาหางด้วน เอาตำราเป็นตัวตั้ง ทำให้ประเทศอ่อนแอ
อาจารย์หมอประเวศว่ามีเหตุใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง
คือให้ความสำคัญรูปแบบและฐานานุรูปมากกว่าเนื้อหาสาระและแก่นสาร
กับอีกเรื่องหนึ่งวุ่นวายอยู่กับการบริหารกฎระเบียบราชการ แต่ไม่ได้บริหารวิชาการ
ทางแก้ไขต้องให้ครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยเลิกทำ 2 เรื่องใหญ่นั้น
หันมาให้ความสำคัญเนื้อหามากกว่ารูปแบบ กับมุ่งบริหารวิชาการเป็นสำคัญ

ภาพตัวอย่างของ Mud Volcano ใต้ทะเล

ตราบใดที่มหาวิทยาลัยไม่ยอมแก้ไขตัวเอง จะอยู่ในระบบหรือออกนอกระบบก็ไม่มีความหมาย
เพราะถึงอย่างไรก็หมาหางด้วน
นักศึกษาควรเรียกร้องสิ่งนี้จากมหาวิทยาลัยมากกว่าจะหลงกลไปตกหลุมพรางของครูบาอาจารย์กะล่อนเพื่อความอยู่รอดของตัวครูอาจารย์เอง
ไม่ใช่ของคนอยากเรียนรู้คือนักศึกษา
หมาเคยมี 9 หาง แต่ถูกผู้มีอำนาจเหนือกว่าหวงวิชาความรู้ตัดไป 8 หาง
เลยเหลือหางเดียว จะเก็บเกี่ยววิชาความรู้ก็ถูกพวกกะล่อนเจ้าเล่ห์ตัดให้ด้วนเสียอีก
แล้วยังลวงว่า หมาหางด้วนแล้วเท่ แต่ไม่ได้บอกว่าโง่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำรวจทะเลอันดามันพบโคลนภูเขาไฟ 4 ลูก