ขุมทรัพย์มีชีวิตใต้ทะเลลึก "แอนตาร์กติก" กว่า 700 สปีชีส์
ขุมทรัพย์มีชีวิตใต้ทะเลลึก "แอนตาร์กติก" กว่า 700 สปีชีส์
โดย ผู้จัดการออนไลน์
24 พฤษภาคม 2550

ภาพของทีโนไซดาริส (Ctenocidaris)
ซึ่งเป็นครัสเตเชียนหรือสิ่งมีชีวิตมีเปลือกแข็งชนิดหนึ่งจากการค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกในแอนตาร์กติกของทีมสำรวจในโครงการ
"แอนดีพ"
บีบีซีนิวส์/ไซน์เดลี่/อินดิเพนเดนท์/เอเจนซี - นักสำรวจพบสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า
700 สปีชีส์ นับเป็นขุมทรัพย์มหาศาลใต้ท้องทะเลลึกของ "แอนตาร์กติก"
ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีความหลากหลายทางชีวภาพ หลังล่องเรือสำรวจนานกว่า 3 ปี
พบทั้งฟองน้ำกินเนื้อ หอยคล้ายหอยทาก และสัตว์เปลือกแข็ง


การสำรวจกว่า 3 ปีลึกลงไป 6 กิโลเมตรใต้ทะเลเวดเดลล์ (Weddell Sea)
ซึ่งเป็นแหล่งหมุนเวียนน้ำในเขตน้ำลึกปริมาณมากแก่มหาสมุทรทั่วโลกบริเวณแอนตาร์กติก
คณะสำรวจในโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ "แอนดีพ" (Andeep: Antarctic benthic
deep-sea biodiversity project) เปิดเผยว่าพบสิ่งชีวิตชนิดใหม่กว่า 700
สปีชีส์ซึ่งมีชนิดที่ยังไม่จำแนกอีกมาก

ภาพของฟองน้ำแก้วซึ่งเป็นครัสเตเชียนชนิดหนึ่งที่พบในทะเลลึกของมหาสมุทรตอนใต้ที่มืดและไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน
ซึ่งคณะนักวิจัยไม่คาดคิดว่าจะมีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายถึงระดับนี้
สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นไอโซพอด (isopod)
ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมากในอันดับครัสเตเชียน (crustacean)
หรืออันดับของสิ่งมีชีวิตที่มีเปลือกแข็ง
และมีขนาดตั้งแต่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไปจนถึงขนาดเกือบ 30 เซนติเมตร โดย 674
สปีชีส์ซึ่งมากกว่า 80%
ของสิ่งมีชีวิตที่ค้นพบในครั้งนี้เป็นสปีชีส์ที่ยังไม่เคยถูกจำแนกมาก่อน
ทีมสำรวจยังเผยอีกว่า 160 สปีชีส์ที่ค้นพบเป็นหอยฝาเดียว (gastropod) และหอยสองฝา
(bivalve) ที่มีลักษณะคล้ายหอยทาก ไส้เดือนทะเลอีก 81 สปีชีส์ ออสตราคอด (ostracod)
ซึ่งเป็นครัสเตเชียนขนาดเล็กอีก 70 สปีชีส์ และฟองน้ำอีก 76 สปีชีส์
ส่วนที่เหลือยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหม่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกของแอนตาร์กติกซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าที่คิด
โดยในภาพคือ "มุนนา" (Munna)
เพศผู้ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตมีเปลือกแข็งชนิดหนึ่งและเป็นหนึ่งในสปีชีส์อีกนับพันที่ดำรงชีวิตได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ทารุณ
แองเจลิกา บรันด์ท (Angelika Brandt)
นักชีววิทยาทางทะเลจากพิพิธภัณฑ์สัตววิทยาแห่งฮัมบูร์ก (Zoological Museum of
Hamburg) ประเทศเยอรมนี
และผู้นำคณะสำรวจในครั้งนี้กล่าวว่าทีมนักวิจัยนานาชาติที่รวมสำรวจต่างประหลาดใจกับสิ่งที่ค้นพบมาก
เนื่องจากมีสปีชีส์ใหม่จำนวนมหาศาล
และพวกเขายังคาดหวังจะได้พบสิ่งมีชีวิตในรูปแบบเดียวกันนี้ในบริเวณที่มีความหลากหลายทางชีวภาพต่ำรอบมหาสมุทรในขั้วโลกเหนือ
"ทะเลลึกในแอนตาร์กติกมีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งรวมสปีชีส์ที่ดำรงชีวิตในทะเลของโลก
นักวิจัยของเราได้รับความคิดที่ท้าทายว่าความหลากหลายทางชีวภาพของทะเลลึกในมหาสมุทรตอนใต้ไม่น่าจะมีความอุดมสมบูรณ์
ตอนนี้เรามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสปีชีส์ในทะเล
และเข้าใจว่าพวกมันสามารถปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร"
บรันด์ทกล่าว

บริเวณทะเลเวดเดลล์ซึ่งเป็นทะเลน้ำลึกในแอนตาร์กติกที่คณะสำรวจค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่จำนวนมาก
โดยได้แบ่งการสำรวจเป็น 3 ชุด เส้นประสีแดงแสดงการสำรวจครั้งที่ 1 ในปี 2002
เส้นประสีเหลืองแสดงการสำรวจครั้งที่ 2 ในปี 2002
และเส้นประสีฟ้าแสดงการสำรวจครั้งสุดท้ายในปี 2005

การศึกษาก่อนหน้านี้คาดว่าความลึกของทะเลในแอนตาร์กติกจะทำให้มีสิ่งมีชีวิตน้อยลงเช่นเดียวกับในทะเลลึกของอาร์กติก
แต่บรันด์ทได้ยกคำอธิบายถึงความแตกต่างราวนิยายระหว่างระบบนิเวศน์ในขั้วโลกทั้งสองขึ้นมา
2 เหตุผล อย่างแรกคือแถบอาร์กติกยังมีอายุไม่มาก
ขณะที่สิ่งมีชีวิตในแอนตาร์กติกต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ล้านปีในการวิวัฒนาการ
ส่วนการวิวัฒนาการในอาร์กติกจะใช้เวลาสั้นกว่านั้น
อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเหตุผลแรกคือความสัมพันธ์ในการหมุนเวียนของน้ำระดับลึกในมหาสมุทรได้เคลื่อนย้ายมวลน้ำปริมาณมากผ่านบริเวณที่มีการสำรวจและอาจจะพัดพาสารอาหารไปเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้ดีกว่าบริเวณทะเลลึกอื่นๆ
ทางด้าน ดร.กาตริน ลินส์ (Dr. Katrin Linse)
นักชีววิทยาทางทะเลจากสถาบันสำรวจแอนตาร์กติกแห่งอังกฤษ (British Antarctic Survey)
ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิจัยที่ร่วมสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า
เดิมเคยคิดกันว่าสิ่งแวดล้อมที่มีความเคลื่อนไหว มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
จะเป็นสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ
แต่การพบขุมทรัพย์สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเป็นกองทัพเช่นนี้จะเป็นก้าวแรกที่นำไปสู่ความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างใต้ห้วงมหาสมุทรที่อยู่ลึกลงไปกับการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตในทะเล

ทะเลเวดเดลล์นั้นเป็นแหล่งของน้ำลึกที่สำคัญของมหาสมุทรอื่นๆ
และเปิดช่องทางแก่สปีชีส์ต่างๆ ให้เข้าไปดำรงชีวิตในทะเลน้ำลึก
และในเส้นทางสำรวจนี้คณะนักวิจัยก็ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตประจำถิ่นในน้ำลึกซึ่งยังพบในแนวรอยต่อที่เชื่อมกับมหาสมุทรอื่นๆ
ด้วย

เรือวิจัยแถบขั้วโลกของเยอรมนี "โพลาร์สเทิร์น"
ทั้งนี้คณะสำรวจโครงการแอนดีพได้แบ่งทีมสำรวจเป็น 3
ชุดสำหรับค้นหาสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลลึกนี้ตั้งแต่ปี 2002-2005
โดยประจำการอยู่บนเรือวิจัยแถบขั้วโลกของเยอรมนี "โพลาร์สเทิร์น" (Polarstern)
และมีนักวิจัยจากนานาชาติหลายสิบชีวิตเข้าร่วมโครงการที่ออกแบบเพื่อการสำรวจพื้นที่ซึ่งความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ยังเป็นเหมือน
"สุญญากาศ" และผลของการค้นพบนี้ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร "เนเจอร์" (Nature)
ประจำสัปดาห์นี้
