เรือหลวงพระร่วง
เรือหลวงพระร่วง
โดย
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2550
คอลัมน์: เก็บตกริมทาง
ถ้าจะพูดถึงเรือรบหลวงแล้ว หลายคนอาจจะรู้จักแค่บางลำเท่านั้น อย่างเช่น
เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร เป็นต้น
แต่วันนี้เก็บตกริมทางขอนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ เกี่ยวกับเรือรบหลวงอีกหนึ่งลำ
ที่ถือว่าสำคัญกับเรามาก ๆ นั่นคือ 'เรือหลวงพระร่วง '
ซึ่งถือว่าเป็นเรือหลวงลำแรกในประวัติศาสตร์ไทย
เรือหลวงพระร่วง
เกิดขึ้นจากการที่ข้าราชการและประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6
ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเรือรบไว้เพื่อป้องกันราชอาณาจักรทางทะเล
จึงร่วมกันจัดตั้ง ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (The Royal Navy
League of Siam) ขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457
จากนั้นได้เรี่ยไรทุนทรัพย์ สำหรับจัดซื้อเรือรบหลวง เพื่อถวายเป็นราชพลี ทั้งนี้
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความยินดีและเห็นชอบ
จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเรือนี้ว่า "พระร่วง "
อันเป็นสิริมงคลตามวีรกษัตริย์อันเป็นที่นับถือของชาวไทยทั่วไป
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จำนวน 80,000 บาท
เพื่อมารวมกับเงินที่เรี่ยไรได้ทั่วราชอาณาจักร (เป็นเงิน 3,514,604 บาท 1สตางค์)
พร้อมทั้งโปรดเกล้าให้นายพลเรือโท พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ข้าหลวงพิเศษ ไปจัดซื้อเรือรบภาคพื้นยุโรป
คณะข้าหลวงพิเศษตรวจการซื้อเรือในภาคพื้นยุโรปชุดนี้คัดเลือกได้เรือพิฆาตตอร์ปิโด
"เอชเอ็มเอส เรเดียนท์" (HMS Radiant) ของบริษัทธอร์นิครอฟท์ (Thornycroft
Co.,) ประเทศอังกฤษ
ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมแก่ความต้องการของกองทัพเรือและเป็นเรือที่ต่อขึ้นเมื่อวันที่ 5
พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 ในระหว่างมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้นสงครามยุติลงเมื่อ พ.ศ.
2461 อังกฤษจึงยินดีขาย คณะข้าหลวงพิเศษได้ตกลงซื้อเรือลำนี้เป็นเงิน 200,000 ปอนด์
ส่วนเงินที่เหลือจากการซื้อเรือนั้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้แก่กองทัพเรือไว้สำหรับใช้สอย
เรือลำนี้เดินทางจากประเทศอังกฤษเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2463
เรือ HMS Skate ซึ่งเป็นเรือชั้นเดียวกันกับเรือ HMS Radiant
โดยสมรรถนะของเรือหลวงพระร่วงลำนี้ คือ มีระวางขับน้ำ 1,046 ตัน ความยาวตลอดลำ
83.57 เมตร ความกว้างสุด 8.34 เมตร กินน้ำลึก 4 เมตร อาวุธปืน 102 ม.ม. 3 กระบอก
ปืน 76 ม.ม. 1 กระบอก ต่อมาติดปืน 40 ม.ม. 2 กระบอก ปืน 20 ม.ม. 2 กระบอก
มีตอร์ปิโด 21 นิ้ว 4 ท่อ มีรางปล่อยระเบิดลึก และมีแท่นยิงปืนระเบิดลึก 2 แท่น
เครื่องจักรเป็นแบบไอน้ำแบบ บี.ซี. เกียร์ เทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่อง ใบจักรคู่
กำลัง 29, 000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 35 น นอต ความเร็วมัธยัสถ์ 14 นอต
รัศมีทำการเมื่อความเร็วมัธยัสถ์ 1,896 ไมล์ และทหารประจำเรือ 135 คน.
แบบจำลองของ เรือหลวงพระร่วง
เรือหลวง พระร่วง ปลดระวางประจำการ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2502 (ขึ้นระวางประจำการ
11 ตุลาคม 2463) รวมอายุราชการในกองทัพเรือไทย ประมาณ 39 ปี (ปล่อยเรือลงน้ำ 5
พฤศจิกายน 2459) รวมอายุเรือ ประมาณ 43 ปี
เรือหลวงพระร่วง
เรือหลวงพระร่วงเป็นเรือหลวงลำแรกในประวัติศาสตร์ไทย
ซึ่งข้าราชการและประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเรือรบไว้เพื่อป้องกันราชอาราจักรทางทะเล
จึงร่วมกันจัดตั้ง ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (The Royal Navy
League of Siam) ขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457
เพื่อเรี่ยไรทุนทรัพย์ซื้อเรือรบถวายเป็นราชพลี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความยินดีและเห็นชอบ
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเรือนี้ว่า พระร่วง
อันเป็นสิริมงคลตามวีรกษัตริย์อันเป็นที่นับถือของชาวไทยทั่วไป
พระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญในการหาทุนเพื่อสร้างเรือลำนี้ เช่น ได้แก้ไขบทละครเรื่อง
"มหาตมะ" ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2475
ทรงนำเรื่องการเสียสละทุนทรัพย์สมทบทุนสร้างเรือรบเข้ามาเป็นหัวใจของเรื่อง
และได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการแสดงเพื่อเก็บเงินสมทบทั้งในพระนครและต่างจังหวัด
ทั้งยังมีการแสดงละครพระราชนิพนธ์อีกหลายเรื่องตลอดจนโปรดเกล้า ฯ
ให้มีการประกวดภาพเพื่อหารายได้อีกด้วย
นอกจากนั้นพระองค์ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพรองค์เป็นจำนวน 80,000 บาท
กับเงินที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการได้พร้อมใจกันออกทุนเรี่ยไรถวายเมื่อครั้งจัดงานพระราชพิธีทวีธาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งยังเหลือจากการใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน
116,324 บาท ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ซึ่งโปรดเกล้า ฯ พระราชทานทรัพย์อีกเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท
เมื่อรวมกับเงินที่เรี่ยไรทั่วพระราชอาณาจักร ได้จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,514,604 บาท 1
สตางค์ ในปี พ.ศ. 2463
ต่อมา นายพลเรือโท พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษออกไปจัดซื้อเรือในภาคพื้นยุโรปพร้อมด้วยนายทหารอีก
5 นาย
คณะข้าหลวงพิเศษตรวจการซื้อเรือในภาคพื้นยุโรปชุดนี้คัดเลือกได้เรือพิฆาตตอร์ปิโด
มีนามว่า "เรเดียนท์" (RADIANT) ของบริษัทธอร์นิครอฟท์ (Thornycroft Co.,)
ประเทศอังกฤษ
ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมแก่ความต้องการของกองทัพเรือและเป็นเรือที่ต่อขึ้นเมื่อวันที่ 5
พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 ระหว่างมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้นสงครามยุติลงเมื่อ พ.ศ.
2461 อังกฤษจึงยินดีขาย คณะข้าหลวงพิเศษได้ตกลงซื้อเรือลำนี้เป็นเงิน 200,000 ปอนด์
ส่วนเงินที่เหลือจากการซื้เรือนั้นได้พระราชทานให้แก่กองทัพเรือไว้สำหรับใช้สอย
เสด็จในกรม ฯ
ได้เป็นผู้บังคับการเรือลำนี้จากประเทศอังกฤษเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 7
ตุลาคม พ.ศ. 2463
นับเป็นเกียรติประวัติครั้งแรกที่คนไทยเดินเรือทะเลได้ไกลถึงเพียงนี้
สมรรถนะของเรือหลวงพระร่วงมีดังนี้ คือ มีระวางขับน้ำ 1,046 ตัน ความยาวตลอดลำ
83.57 เมตร ความกว้างสุด 8.34 เมตร กินน้ำลึก 4 เมตร อาวุธปืน 102 ม.ม. 3 กระบอก
ปืน 76 ม.ม. 1 กระบอก ต่อมาติดปืน 40 ม.ม. 2 กระบอก ปืน 20 ม.ม. 2 กระบอก
มีตอร์ปิโด 21 นิ้ว 4 ท่อ มีรางปล่อยระเบิดลึก และมีแท่นยิงปืนระเบิดลึก 2 แท่น
เครื่องจักรเป็นแบบไอน้ำแบบ บี.ซี. เกียร์ เทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่อง ใบจักรคู่
กำลัง 29, 000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 35 น นอต ความเร็วมัธยัสถ์ 14 นอต
รัศมีทำการเมื่อความเร็วมัธยัสถ์ 1,896 ไมล์ ทหารประจำเรือ 135 คน
ก่อนที่เรือพระร่วงจะเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยนั้น
คณะกรรมการราชนาวีสมาคมได้นำข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาถึงกำหนดวันที่เรือพระร่วงจะมาถึงพระนคร
ซึ่งกรรมการจะได้มีการรับรองฉลองเรือนั้น
และกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายเป็นเรือรบหลวง จึงทรงพระราชดำริว่า
เรือพระร่วงลำนี้พระองค์ได้มีส่วนยิ่งกว่าผู้อื่นสมควรจะทรงรับหน้าที่ในการรับรองเรือนี้ด้วย
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กำหนดการพระราชพิธีฉลองเป็นการหลวง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2463
เวลา 4 นาฬิกา 45 นาที หลังเที่ยง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยขบวนรถยนต์พระที่นั่งจากวังพญาไทมาประทับพระแท่นชุมสายที่ชาลาพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยด้านตะวันออก
ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีลแล้วเสด็จสู่เรือพระร่วง
ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมที่หัวเรือพระร่วง เป็นพระฤกษ์
เจ้าพนักงานลั่นฆ้องไชยและประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ พระสงฆ์ 20 รูป
ในพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยสวดไชยมงคลคาถา ทหารบรรเลงแตรสรรเสริญพระบารมี
ประชาชนโห่ร้องถวายชัย พราหมณ์ได้หลั่งน้ำสังข์ต่อไป โหรผูกผ้าสีชมพู
และได้ชักธงฉานขึ้นที่เสาหัวเรือรบพระร่วง โปรดเกล้า ฯ
ให้พนักงานทหารเรือใช้จักรเคลื่อนเรือรบพระร่วงไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
กลับลำที่เหนือท่าเรือยนต์หลวง
แล่นล่องไปถึงบางคอแหลมกลับขึ้นมาเทียบท่าราชวรดิษฐ์ตามเดิม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระร่วง
ประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงประเคนวัตถุปัจจัยเครื่องไทยธรรมแก่พระสงฆ์ 20
รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา และได้สวดมนต์สำหรับเรือพระร่วงอีกด้วย
สมเด็จพระมหาสมณะถวายอดิเรก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ถวายพระพรลา
เสร็จเวลา 7 นาฬิกา 45 นาที
หลังเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง
เวลา 9.00 นาฬิกาหลังเที่ยง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประทับ ณ
ศาลาสหทัยสมาคมเสวยพระกระยาหารพร้อมด้วยพรบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท
เมื่อเสร็จการเลี้ยงแล้วเสด็จพระราชดำเนินด้วยรถพระที่นั่ง ทอดพระเนตรละครรำเรื่อง
"ขอมดำดิน" ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการกรมมหรสพแสดงถวายเป็นการฉลองเรือพระร่วง
พอได้เวลาอันสมควรเสด็จพระราชดำเนินกลับวังพญาไท