ในหลวงกับเรือใบ - ตาม "ล้นเกล้าฯ" ข้ามอ่าวไทย ทรงพระเกษมสำราญกลางมหานที
ในหลวงกับเรือใบ - ตาม "ล้นเกล้าฯ" ข้ามอ่าวไทย ทรงพระเกษมสำราญกลางมหานที
โดย
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2550

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงฉลองพระองค์ชุดสนามทหารนาวิกโยธิน เสด็จนำธง "ราชนาวิกโยธิน"
มาปักไว้เหนือก้อนหินใหญ่บนชายหาดกลางอ่าวเตยงาม เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509
หลังจากที่ได้ทรงเรือใบ โอ.เค. ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว จากพระราชวังไกลกังวล
หัวหิน ข้ามอ่าวไทยเป็นเวลา 17 ชั่วโมงเศษ
ธงราชนาวิกโยธินสีแดงเข้ม รูปครุฑเกาะลูกโลก บรรจุแผนที่ประเทศไทย
และเส้นรุ้งเส้นแวงทับลงบนสมอเรือและสายสมอ
พลิ้วสะบัดตามแรงลมดูเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือก้อนหินขนาดใหญ่กลางชายหาดอ่าวนาวิกโยธิน
หรืออ่าวเตยงาม กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เบื้องหลังอนุสรณ์สถานแห่งนี้ มีปูนปั้นรูปเรือใบประเภทโอเค ชื่อ "เวคา" (VEGA)
ขนาดเท่าของจริงตั้งอยู่เคียงคู่กัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 41 ปีก่อน "เวคา"
เรือใบลำนี้เคยสร้างประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงเรือใบแล่นผ่านอุปสรรคนานาประการ บวกกับความแปรปรวนของคลื่นลมกลางทะเลอ่าวไทย
จาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มายัง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ระยะทางประมาณ 60 ไมล์ทะเล
หรือประมาณ 110 กิโลเมตร นานถึง 17 ชั่วโมง !!!

เวลา 04.28 น. 19 เมษายน 2509
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรือใบเวคาด้วยพระองค์เองเพียงลำพัง
จากพระราชวังไกลกังวลแล่นข้ามอ่าวไทยมาถึง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 21.28 น. ตลอด 17
ชั่วโมงเต็ม พระองค์ทรงแล่นเรือใบลอยเคว้งคว้างมองไม่เห็นจุดหมายอยู่กลางอ่าวไทย
จะพบพานกับอุปสรรคใดบ้าง ?
พล.ร.อ.ยุทธนา เชิดบุญเมือง อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน คนที่ 8 วัย 83
ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น รู้เพียงว่า...วันนั้น "ลมอ่อน"
ทำให้เรือใบแล่นได้ช้าลง เพราะเรือใบต้องอาศัยแรงลมในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย
หากครั้งใดเจอปัญหาสภาพลมอ่อนจะต้องควบคุมเรือใบให้เดินทางสู่จุดหมายด้วยวิธีแล่นก้าว
ซึ่งเป็นการแล่นเรือใบสลับฟันปลา
เพื่อให้ใบเรือปะทะรับแรงลมแล่นไปสู่จุดหมายปลายทางนั่นเอง
"วันนั้นลมไม่เป็นใจถึงได้ช้า แถมสมัยก่อนมือถือยังไม่มี
มีทหารเรือติดตามอารักขาแค่ลำเดียว การแล่นเรือข้ามอ่าวนั้นอันตราย
แต่เมื่อรู้ว่าในหลวงมาถึงแล้ว ทุกคนปลาบปลื้มกันถ้วนหน้า
ผู้บัญชาการทหารเรือสมัยนั้นถึงกับลุยน้ำทะเลไปรับพระองค์ท่านเลยทีเดียว" พล.ร.อ.ยุทธนา
ย้อนความทรงจำสมัยเป็นเสนาธิการทหาร ยศนาวาเอก
"ทุกคนเฝ้ารอคอยพระองค์ท่านด้วยความเป็นกังวล เป็นห่วงพระองค์ท่าน เพราะมันมืดแล้ว
ปกติเรือใบมีความเร็วประมาณ 5 นอตต่อชั่วโมง ก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง 4-5
โมงเย็นก็น่าจะถึง แต่พระองค์ท่านมาถึงตอน 3 ทุ่มเศษ" พล.ร.อ.ยุทธนา
บอกหลังคำนวณระยะทางอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วในใจ
วินาทีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรือใบมาถึงอ่าวนาวิกโยธิน
นำความปลาบปลื้มมาสู่เหล่าข้าราชการกองทัพเรือ
พระองค์ทรงฉลองพระองค์ชุดสนามทหารนาวิกโยธินเป็นครั้งแรก และนำธง "ราชนาวิกโยธิน"
ซึ่งทรงนำข้ามอ่าวไทยมาด้วย ปักเหนือยอดก้อนหินใหญ่ที่ชายหาด
ท่ามกลางเสียงบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ มาร์ชราชนาวิกโยธิน (Royal Marines March)
และทรงลงพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลาจารึกบนก้อนหินใหญ่
หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ (พระอิสริยยศขณะนั้น)
เมื่อสำราญพระราชอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย จนเวลาเที่ยงคืนจึงเสด็จฯ
ไปประทับเรือหลวงจันทร เรือพระที่นั่งข้ามอ่าวไทยกลับพระราชวังไกลกังวล
อีก 1 ปีต่อมา วันครบรอบขวบปีที่พระองค์ทรงแล่นเรือใบข้ามอ่าวไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำพวงมาลัยพวงใหญ่มาคล้องประดับแผ่นศิลา
ก่อนที่จะทรงเรือใบบริเวณอ่าวเตยงาม
โดยมีข้าราชบริพารพายเรือออกไปห้อมล้อมเรือใบพระที่นั่ง
ยังคงเป็นภาพความประทับใจติดตรึงใจเหล่าข้าราชการทหารนาวิกโยธิน
และครอบครัวตราบจนทุกวันนี้

ปัจจุบัน "พระปรมาภิไธย" เหนือก้อนหินใหญ่กลายเป็น "อนุสรณ์สถาน"
เพื่อรำลึกเหตุการณ์วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปักธงราชนาวิกโยธิน
โดยมีการจารึกข้อความพระราชสดุดีและเฉลิมพระเกียรติ ความว่า
"ณ ที่นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จอมทัพไทย ทรงนำเรือใบขนาด 13
ฟุต ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว จากหัวหินมาถึงสัตหีบ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509
เริ่มเวลา 04.28 น.ถึงเวลา 21.28 น. ทั้งนี้ เป็นพระปรีชาสามารถอย่างยอดเยี่ยม
เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์กองทัพเรือ
ได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้เป็นสิริมงคล
และเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่กองทัพเรือสืบไป"
กาลต่อมา...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานหางเสือเรือพระที่นั่ง "เวคา"
แก่กองทัพเรือ
และกองทัพเรือได้มอบหางเสือเรือพระราชทานให้สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย
เพื่อเป็นรางวัลนิรันดรในการจัดการแข่งขันแล่นเรือใบทางไกลชิงรางวัลหางเสือเรือพระที่นั่ง
"เวคา" เป็นประจำทุกปี

แต่ทว่าการแข่งขันเรือใบทางไกลปัจจุบันไม่ข้ามอ่าวไทยแล้ว
เพราะมีพระราชกระแสรับสั่งต่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เรื่องความปลอดภัยของนักกีฬา เช่น
เรื่องไม่มีลม และสัตว์ร้าย เมื่อต้องลอยเรือใบอยู่กลางทะเล
"เมื่อ 10 ปีก่อน เคยจัดการแข่งขันเรือใบทางไกลข้ามอ่าวไทย ปล่อยเรือใบตั้งแต่เช้า
จวบจน 2 ทุ่มแล้ว เรือใบยังลอยอยู่กลางทะเล ต้องเอาเรือออกตามหากัน
และการแข่งขันก็ไม่ใช้เรือใบเล็กเหมือนพระองค์ท่าน เพราะเสี่ยงอันตราย" น.อ.สุธีพงศ์
แก้วทับ ประชาสัมพันธ์สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่าให้ฟัง
การแล่นเรือใบข้ามอ่าวไทยตลอด 17 ชั่วโมง ขณะที่ทรงเรือใบเล็กๆ
ต่อสู้กับความแปรปรวนของสภาพอากาศและคลื่นลมกลางทะเลนั้น น.อ.สุธีพงศ์ สะท้อนว่า
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครจะทำได้อย่างพระองค์ท่าน พระวรกายต้องตากแดด ตากลม
หากเจอสภาพลมอ่อนต้องใช้วิธีแล่นก้าว ซึ่งเป็นการแล่นเฉียงกับลม
ปรับเรือใบในทิศที่รับลม ต้องใช้พละกำลังในการโหนเรือ และยังต้องใช้ความคิด
ประมวลความรู้เรื่องอุทกศาสตร์และทิศทางลม
เพื่อให้เรือใบแล่นไปถึงเป้าหมายโดยอาศัยแรงลม เพราะเรือใบไม่ได้ติดเครื่องยนต์
หากเรือล่มพระองค์ต้องทรงกู้เอง ต้องทำทุกอย่างด้วยพระองค์เอง
‘เตยงาม’ อ่าวศักดิ์สิทธิ์แห่งสยาม
น้ำทะเลสีมรกตซัดผืนทรายเม็ดละเอียดบริเวณชายหาดอ่าวนาวิกโยธินแห่งนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยศึกษาแล้วเห็นว่า เป็นสถานที่ที่มีภูมิสถาปัตย์ที่ดีมาก
เพราะมีภูเขาล้อมรอบ แถมมีเขาสูงอยู่ด้านหลังเหมือนขาสิงห์ยื่นออกมาทั้งซ้ายและขวา
ที่เรียกกันว่า "หน้ามีน้ำหลังพิงเขา" และเมื่อมองจากที่สูงจะพบว่า
บริเวณกลางอ่าวมีการไหลวนของน้ำ พัดจากแหลมปู่เจ้าวนเข้าสู่กลางอ่าว
เข้าลักษณะที่เรียกว่า "สะดือมังกร" ถือเป็นพื้นที่ที่มีพลังธรรมชาติสูง
หากใครมีโอกาสชุบตัวในทะเลบริเวณนี้ จะสามารถเพิ่มพลังธรรมชาติ
ปกป้องรักษาตัวเองให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง มีสุขภาพพลานามัยดี
และมีบารมีกล้าแกร่ง
ร.ท.อนนท์ ตุลารักษ์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และมัคคุเทศก์
กิจการศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการกีฬา หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
เล่าขานตามความเชื่อเรื่องสะดือมังกรว่า
คนจีนสมัยก่อนแล่นเรือสำเภามาค้าขายในเมืองไทย มักจะมาแช่น้ำบริเวณนี้
เพราะจะช่วยเพิ่มพลัง เสริมบารมีให้แก่กล้า และเพิ่มพลังธรรมชาติ
แม้จะผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ความเชื่อดังกล่าวยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

กลิ่นทินเนอร์ น้ำยาแล็กเกอร์ ประสานกับเสียงเครื่องปัด สว่าน กบไฟฟ้า
ดังก้องอู่ต่อเรือเล็ก กรมอู่ทหารเรือ นายช่างต่อเรือหลายสิบชีวิต
กำลังขะมักเขม้นเร่งขึ้นรูปเรือซูเปอร์มดตามเป้าหมาย 36 ลำ
เพื่อร่วมริ้วขบวนเรือซูเปอร์มดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
เฉกเช่นเหล่านักเรียนอาชีวะจากวิทยาลัยกว่า 40 แห่งทั่วประเทศไทย
ต่างขมีขมันบรรจงต่อเรือซูเปอร์มดเฉลิมพระเกียรติ ให้ได้ครบ 81 ลำ
เพื่อนำมาร่วมประกวด ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
จะเสด็จไปประทานรางวัลในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
และวันนั้น...ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
จะทอดพระเนตรริ้วขบวนเรือใบซูเปอร์มดเฉลิมพระเกียรติทั้ง 81 ลำ
ประชันขันแข่งโลดแล่นเด่นสง่ากลางอ่าวเตยงาม ซึ่งชายหาดเดียวกันนี้เมื่อ 41 ปีก่อน
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ก็ทรงเฝ้าคอยการมาถึงของเรือใบ
"เวคา" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแล่นข้ามอ่าวไทยมาแล้วเช่นกัน