Menuleft - MarinerThai.Net

หน้าแรก

เว็บบอร์ดชาวเรือ

สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ

เอกสารน่าอ่านไทย

เอกสารน่าอ่านอังกฤษ

สาระไอทีชาวเรือ

แหล่งคนหางานเรือไทย

บทความจากสมาชิก

นิทานชาวเรือ

คนเรือหัวหมอ

คู่มือปฏิบัติงานเรือ

ระบบสื่อสาร-เดินเรือ

พจนานุกรมศัพท์ทางเรือ

ความหมายคำย่อทางเรือ

ข่าวอัพเดทรายวัน

ข่าวสดราคาน้ำมันโลก

รวมข่าวโจรสลัด

รวมข่าวอุบัติเหตุทางเรือ

สนับสนุนเว็บเรา

สถิติผู้เข้าชมเว็บนี้

ติดต่อเรา

เปิดเว็บ 1 ตุลาคม 2545

 

ขณะนี้เวลา | Your Time
10:46:33

Nathalin Group

MarinerThai 2004

TOP Enginerring Group

 

 
 
 

 

 

Cho.Charoen Maritime Instruments

Nathalin Group FB MarinerThai News

สมเด็จพี่ แห่ง 2 กษัตริย์ ความทรงจำอันเป็นนิรันดร์

สมเด็จพี่ แห่ง 2 กษัตริย์ ความทรงจำอันเป็นนิรันดร์


โดย คอลัมน์ Story หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่อง ทีมงาน D-life

ชีวิตเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ของทั้ง 3 พระองค์พี่น้องในราชสกุลมหิดล ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นช่วงเวลาอันสำคัญ

เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะในความสนิทสนมรักใคร่ผูกพันที่ 3 พระองค์พี่น้องทรงเติบโตขึ้นท่ามกลางความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ โดยมีสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงอบรมดูแลให้ทุกพระองค์ช่วยเหลือตนเอง มีระเบียบวินัย และเอื้อเฟื้อต่อผู้ด้อยโอกาสกว่า จนเป็นพื้นฐานสำคัญในพระอุปนิสัยของทุกพระองค์นั้น คือห้วงเวลาอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้แผ่นดินผืนนี้มีพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ผู้ทรงเปี่ยมพระเมตตาต่อทวยราษฎร์จนประทับในดวงใจชาวไทยเรานิรันดร์

เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ และเป็นช่วงแห่งความห้วยไห้อาลัยถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ D-Life ขอคัดความจากบางส่วนจากเจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์, แม่เล่าให้ฟัง, เฉลิมฯ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, แสงหนึ่งคือรุ้งงาม ฯลฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตในวัยเยาว์ของเจ้านายเล็กๆ 3 พระองค์ผู้กลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในใจประชาราษฎร์ชาวไทย

ความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์

พระราชประวัติเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ปรากฏอยู่ในหนังสือ "แม่เล่าให้ฟัง" ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงนิพนธ์ขึ้น เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ครบ 80 พรรษา ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2523

เริ่มต้นจากตอนที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากำลังจะพระสมภพ

"พ.ศ.2466 ทูลหม่อม (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก พระราชบิดาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา) ทรงมีพระประสงค์จะทรงเรียนแพทย์ที่ทรงเริ่มไว้ที่สหรัฐให้จบ เนื่องด้วยว่าที่ลอนดอนไม่ยอมให้ทรงเรียนเพียงอีก 2 ปี แต่จะให้ทรงเรียนอีก 3 ปี และประกอบด้วยทรงทราบว่า ทรงมีเวลาน้อย ได้เสด็จไปทรงเรียนที่ Edinburgh ซึ่งยอมให้ทรงศึกษาเพียง 2 ปี แต่อากาศที่ Edinburgh หนาวมาก ทำให้ประชวร จึงต้องเลิกเรียนที่นั่น ระหว่างที่ประทับอยู่ที่ Edinburgh ข้าพเจ้า (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา) เกิดที่ London เมื่อทรงได้รับโทรเลขบอกข่าวก็เสด็จมา"

ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่า ในตอนที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เสด็จพระราชสมภพนั้น ครอบครัวมีความอบอุ่นพร้อมพระพักตร์ไปด้วยพระราชบิดาและพระราชมารดา

เดือนพฤศจิกายนในปีนั้นเอง ครอบครัวของพระองค์ได้ทรงนิวัติกลับมาที่ประเทศไทย

เมื่ออยู่ในเมืองไทย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพระราชธิดา สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนีได้เสด็จไปหาสหายสนิทของพระองค์ คือ "แม่เนื่อง" เพื่อให้มาเป็นพระพี่เลี้ยงของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

"แม่รีบไปที่โรงพยาบาลศิริราช ไปถามถึงเนื่อง จินตดุล เพื่อนเรียนที่โรงเรียนนางพยาบาล...แม่ก็ขอให้มาเลี้ยงข้าพเจ้า...เมื่อข้าพเจ้าเริ่มพูดได้ก็เปลี่ยนชื่อแม่เนื่องเป็น "แหนน" เสีย เพราะสำหรับเด็กเล็กๆ คำว่า เนื่อง ออกเสียงยากมาก แหนนอยู่กับเราอีกนาน และได้เลี้ยงลูกของแม่ทุกคน ในที่สุดก็ได้เลี้ยงพระราชธิดาพระองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9..."

ในวัยทารกของพระองค์นั้น ยังมีเรื่องราวแปลกๆ ที่น่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น นั่นคือ

"ระหว่างที่อยู่ที่วังสระปทุมนั้น มีเหตุการณ์ที่แปลกเกิดขึ้น...ค่ำวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้านอนอยู่ในเตียงเด็กซึ่งอยู่ข้างเตียงผู้ใหญ่ในมุ้งหลังใหญ่ แม่เดินเข้ามาและเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงข้างๆ เตียงของข้าพเจ้า แม่รีบไปตามทูลหม่อมพ่อที่ห้องบรรทมซึ่งอยู่ห่างออกไป...แต่เมื่อทูลหม่อมไปจับแขนผู้ชายคนนั้นก็ยอมออกไปโดยดี ปรากฏว่าเป็นคนที่เสียสติที่แอบขึ้นไปได้..."

พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่เมืองไทยเพียงปีเดียวก็ต้องเสด็จไปยุโรป เนื่องด้วยพระราชบิดาทรงงานหนักจนมีพระวรกายทรุดโทรมลงไปมากจนต้องไปยังยุโรป ซึ่งอากาศอบอุ่นเหมาะสมกับพระวรกายของพระองค์มากกว่า

และในปี พ.ศ.2468 นั้นเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ได้พระราชสมภพ ณ เมือง Heidelberg ประเทศเยอรมนี

ในปีเดียวกันนั้นเอง พระองค์ทรงประทับอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่มีชื่อว่า Champ Soleil ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองโลซานน์ เพราะพระราชมารดาทรงเห็นว่า เขาดูแลเด็กอย่างถูกอนามัยดี

พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ยุโรปไม่นานนัก ปี พ.ศ.2469 พระราชบิดาจึงทรงพาครอบครัวไปพำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาแทน

และในปีรุ่งขึ้น พ.ศ.2470 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ก็ทรงพระราชสมภพในวันที่ 5 ธันวาคม ณ มลรัฐ Massachusetts

ครอบครัวได้กลับมาที่กรุงเทพฯอีกครั้ง และในปี พ.ศ.2472 พระราชบิดาก็สิ้นพระชนม์

ในช่วงที่อยู่เมืองไทย พระองค์ก็โตพอที่จะไปโรงเรียนแล้ว แต่พระราชมารดายังทรงเห็นความสำคัญของความสนุกสนานและเรื่องอนามัยของพระธิดาและพระโอรสทั้งสามดังต่อไปนี้ "แม่บอกว่า เมื่อเด็กๆ เคยชอบเล่นน้ำเล่นไฟ แม่จึงจัดให้ลูกๆ มีน้ำเล่นโดยก่อบ่อเล็กให้ และอนุญาตให้ก่อกองไฟเล่นด้วย สัปดาห์ละครั้งก็จัด party (งาน) เด็กๆ โดยเชิญเด็กๆ ทั้งไทยทั้งฝรั่งมาที่วัง และให้ Mrs.Sutton ผู้มีความชำนาญในการละเล่นมาช่วยคุมอยู่ด้วย

...แม่เลี้ยงลูกอย่างสะอาด ถูกอนามัย และระวังเรื่องอาหารมาก เรามีชีวิตอย่างสนุกสบาย แต่ก็มีระเบียบวินัย ระเบียบวินัยอย่างมีหลัก ไม่ใช่ระเบียบวินัยโบราณ..."

ในตอนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงมีพระวรกายไม่แข็งแรงนัก ในปี พ.ศ.2467 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงทรงนำครอบครัวไปพำนักอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง แต่ก่อนที่จะไป พระองค์ทรงเรียนภาษาฝรั่งเศสที่เมืองไทยก่อน ดังที่ทรงเล่าให้ฟังด้วยอารมณ์พระสรวลดังนี้

"...แม่จึงขอให้อาจารย์ชาวฝรั่งเศสซึ่งชื่อ M.Schweisguth มาสอนข้าพเจ้าที่วัง อาจารย์คนนี้ใจดีมาก เพราะแทนที่จะเรียน เอาสีน้ำมันมาเขียนหน้าอาจารย์แบบ Indian แดง"

และวิถีชีวิตของพระองค์ที่เมืองโลซานน์ก็ทรงเหมือนกับเด็กทั่วไป ที่ยังคงความร่าเริงสดใสอยู่เสมอ

"ที่ Champ Soleil ข้าพเจ้าได้เรียนภาษาฝรั่งเศสวันละชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมง ซึ่งครูที่นั่นสอนให้เป็นพิเศษ มีหนังสือเด็กให้อ่านด้วย ตอนแรกอ่านไม่เข้าใจอะไรเลย เว้นแต่ชื่อคน อ่านๆ ไปก็ชักรู้เรื่อง แม่ก็เรียนภาษาฝรั่งเศสเหมือนกัน และครูที่สอนแนะนำให้อ่านหนังสือง่ายๆ ก่อน บางเล่มก็เป็นหนังสือเด็ก บางครั้งเลยมาอ่านหนังสือเล่มเดียวกับลูกสาว ข้าพเจ้าเลยมีโอกาสถามแม่บ้าง

...เดือนกันยายน พ.ศ.2476 แม่ก็ส่งลูกๆ ไปโรงเรียน Miremont ซึ่งเป็นโรงเรียนประถม ถึงแม้ว่าเรียนภาษาฝรั่งเศสมาแล้ว 2 เดือน ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถทำการบ้านอย่างเด็กสวิส แม่จึงช่วยทำ แต่บางครั้งก็มาช่วยให้ผิดไปกันใหญ่ แม่เลยขอให้ครูคนหนึ่งที่สอนอยู่ที่โรงเรียนนั้นมาช่วยทำการบ้าน ตั้งแต่นั้นมาภาษาของข้าพเจ้าก็ดีขึ้นตามลำดับ"

หรือมีอยู่ตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงเล่าถึงความสนุกสนานในวัยเด็กตอนประพาสยุโรปให้ฟังว่า ตอนนั้นพระองค์อยู่ที่เยอรมนี แล้วได้เสด็จกลับสวิตเซอร์แลนด์โดยเครื่องบิน

"...เมื่อเราไม่มีอะไรจะทำแล้ว แม่และข้าพเจ้าก็ตกลงกลับไปโลซานน์กัน เขาก็เสนอให้กลับด้วยเครื่องบิน สมัยนั้นเครื่องบินโดยสารยังไม่แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้ เป็นครั้งแรกที่เรา 2 คนได้ขึ้นเครื่องบิน วันนั้นอากาศก็ไม่ดี เรือบินก็เล็กและโคลงมาก เราเมากันพอใช้ เพื่อให้สบายขึ้นต้องสูดอากาศที่เข้ามาจากข้างนอกโดยตรงทางท่ออ่อนๆ ที่มีให้ทุกที่นั่ง"

ทูลหม่อมสิ้นพระชนม์วันที่ 24 กันยายน 2472 ข้าพเจ้าจำวันนี้ได้ดี ข้าพเจ้ากำลังเล่นอยู่ที่หน้าตำหนัก โดยเดินอย่างดังๆ บนขอบถนน มิใช่กลับมาจากโรงเรียนดังที่เคยเขียนไว้ใน "แม่เล่าให้ฟัง" เพราะเวลานั้นยังไม่ได้ไปโรงเรียนเต็มวัน น้อง 2 องค์ไม่ทราบเรื่องเลย เพราะแม่คงคิดว่าเล็กเกินไปที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ เราได้ไว้ทุกข์ทูลหม่อม 1 ปีเต็ม

ชีวิตก็ผ่านไปเรื่อยๆ แม่จัดการเรียน การเล่น การออกสังคมของเรา ท่านดูแลอาหาร ความสะอาด สุขภาพ เราต้องทำทุกอย่างเป็นเวลา เช่น การกิน การนอน การไปโรงเรียน การเล่น นานๆ ที ถ้าเราไม่ทำตาม ที่ต้องทำจะถูกทำโทษหรือถูกตี โดยที่มีการอธิบายกันก่อนว่าทำไมจึงถูกตี บางครั้งจะมีการเจรจากันว่าควรตีกี่ครั้ง แล้วบางครั้ง ถ้าควรตีให้เจ็บๆ แม่ก็จะสั่งให้มหาดเล็กไปเก็บก้านมะยมและรูดใบออกมาให้

สายสัมพันธ์ของ 3 พระองค์พี่น้อง

เมื่อทรงว่างจากการศึกษาเล่าเรียน เจ้านายเล็กๆ ทั้ง 3 พระองค์ก็จะทรงเล่นด้วยกันในหมู่พี่น้องทั้งเมื่อครั้งประทับภายในวังสระปทุม และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังมีพระฉายาลักษณ์ทรงเล่นซนเช่นเด็กสามัญทั่วไป ด้วยความสำราญพระหฤทัย เช่น ทรงเล่นรถเข็น เล่นปั้นดินน้ำมัน เล่นน้ำ เล่นไฟ เล่นทราย และเล่นโกนจุก ตามที่ทรงเห็นพิธีโกนจุกที่ตำหนักของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งทรงจำมาเล่น

เหมือนครั้งที่ทรงกลับมากรุงเทพฯ พระองค์รับสั่งว่า เมื่อถึงวันเกิดไม่ได้ไปถ่ายรูปที่ร้านกันแล้ว งานวันเกิดของเด็กๆ นั้น ส่วนมากจะยังมีอยู่ ตอนเช้าจะใส่บาตรโดยนิมนต์พระมาตามอายุ ปล่อยนก ปล่อยปลา ดูของขวัญ แต่แม่จะเป็นผู้ถ่ายรูปหรือถ่ายหนัง

"เราได้เลี้ยงสัตว์กันหลายชนิด สุนัขตัวแรกนั้น ข้าพเจ้าตั้งชื่อว่าบ็อบบี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขไทย คงเป็นเพราะแหม่มคนหนึ่งเป็นผู้ให้ข้าพเจ้า ตัวที่สองชื่อเป็นไทยแล้ว ชื่อนรินทร์ ตัวนี้ไปมีลูกกับสุนัขในวัง ข้าพเจ้าก็ตามไปขอลูกมาตัวหนึ่ง ให้ชื่อว่าเหมือน เพราะหน้าตาเหมือนพ่อของมัน ถึงแม้ว่าขาจะสั้นไปหน่อย"

ในทุกหน้าร้อนเมื่อโรงเรียนปิดภาค เจ้านายเล็กๆ ทั้ง 3 พระองค์มักจะทรงเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะสมเด็จพี่ ที่ตัดผมสั้นเหมือนผู้ชาย

...เด็กคนโตที่เล่นอยู่กับพระองค์ชายไม่ใช่เด็กผู้ชายอื่นไกล แต่เป็นข้าพเจ้า ทุกหน้าร้อนเมื่อโรงเรียนปิด แม่ให้ตัดผมสั้นเหมือนผู้ชาย ซึ่งข้าพเจ้าชอบมาก พอถึงเวลาโรงเรียนเปิด ผมก็ยาวพอดี

"...วันอาทิตย์ แม่จะพาไปดูวัดต่างๆ เป็นเพียงการไปชมภายนอก เพื่อให้รู้จักลักษณะของวัด เช่น วัดพระแก้ว โดยเฉพาะระเบียงที่มีภาพรามเกียรติ์ วัดสุทัศน์ฯ

วัดโพธิ์, วัดอรุณฯ ที่วัดสระเกศนั้น ได้ไปเวลามีงานภูเขาทอง เพื่อดูละครลิงและซื้อดอกไม้ไฟ แม่ไม่ได้พาไปฟังเทศน์ เพราะเด็ก (ตามที่เราเรียกตัวเองกัน) คงนั่งนิ่งๆ อยู่ไม่ไหว และคงไม่เข้าใจอะไรเลย แม่จะอธิบายพุทธประวัติในถ้อยคำง่ายๆ ที่เรา

สามารถเข้าใจได้ และก่อนนอนจะให้สวดมนต์สั้นๆ ในภาษาธรรมดาว่า

...ขอให้พระพุทธเจ้าบันดาลให้ (ชื่อของเราเอง) เป็นเด็กดี มีใจเมตตากรุณา...ภายหลังอาจมีต่อเติมอะไรอื่นอีกแล้วแต่แต่ละคน"

ในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงพาพระโอรสธิดาไปประทับยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจ้านายเล็กๆ ทั้ง 3 พระองค์เจริญพระชันษาขึ้นโดยลำดับ ความผูกพันใกล้ชิดจากเดิมที่เคยทรงเล่นแบบเด็กๆ ได้เปลี่ยนมาเป็นการเล่นที่มีประโยชน์ต่อการศึกษา ทรงเล่าถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

"พี่น้องก็ช่วยกันหาความรู้โดยการเล่นต่างๆ เช่น เวลารับประทานอาหารจะเล่นทายอะไรกันต่างๆ บางพักจะเป็นเกมภูมิศาสตร์ บางพักก็จะเป็นเกมประวัติศาสตร์ แต่พระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาจะเล่นอะไรหลายอย่าง ซึ่งจะนำประโยชน์มาได้ภายหลัง..."

ในปี พ.ศ.2478 ที่ครอบครัวราชสกุลมหิดลได้ย้ายที่ประทับจากแฟลตในเมืองโลซานน์มายังบ้านหลังใหญ่กว่าเดิมที่เมืองพุยยี ใกล้กับเมืองโลซานน์ คือพระตำหนักวิลล่าวัฒนา ที่ประทับแห่งใหม่นี้มีถึง 13 ห้อง มีโรงรถต่างหาก มีสวนรอบๆ บ้านพอสมควร "พระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 8) และพระอนุชาประทับที่ห้องกลางมีสองหน้าต่าง..." พระอนุชาทั้งสองยังทรงปฏิบัติพระองค์ดังที่เคยปฏิบัติ เช่น ทรงล้างรถ ทำสวน ทรงมีความสนุกกับการเป็นแบบให้ถ่ายภาพ ดังที่ทรงตั้งสโมสรปาตาปุม (Club Patapoum) ขึ้นในปี พ.ศ.2481 สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงคาดว่าพระอนุชาทั้งสองน่าจะทรงนำความคิดมาจากหนังสือการ์ตูนที่มีเด็กเป็นตัวละครสำคัญ มีคณะกรรมการและสมาชิกมากมายในนามของสโมสร แต่ทรงดำเนินการเพียง 2 พระองค์ โดยทรงรับตำแหน่งต่างๆ

"...ขอกล่าวถึงสโมสรที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาก่อนที่เราจะกลับเมืองไทยในปี 2481 สัก 1 ปี ในหนังสือการ์ตูนซึ่งเด็กเป็นตัวละครสำคัญ จะเห็นบ่อยๆ ว่า เด็กชอบรวมตัวกันเป็นสโมสร 2 พระองค์คงไปเอาความคิดนี้มาจากหนังสือเหล่านี้ ทรงตั้งสโมสรปาตาปุมขึ้นมา โดยมีกรรมการและสมาชิกมากมายในนาม แต่มีตัวตนเพียง 2 คนที่รับตำแหน่งต่างๆ โดยมีชื่อต่างๆ กันไป...

...ไม่เคยทราบวัตถุประสงค์ของสโมสรนี้ แต่ก็คงเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่สโมสร การหาความสนุก และในขณะเดียวกันเป็นการทำบุญ เงินของสโมสรมาจากค่าสมาชิกและจากการหารายได้ ค่าสมาชิกนั้นคือส่วนหนึ่งของเงินที่แม่ให้ทุกสัปดาห์ (pocket-money)...สโมสรปาตาปุมเคยมีจดหมายถึงข้าพเจ้า 2-3 ครั้ง...นอกนั้นข้าพเจ้ายังได้รับการสงเคราะห์จากสโมสรปาตาปุมครั้งหนึ่งเมื่อป่วยอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเจนีวา เมื่อได้รับกล่องขนาดเท่ากับกล่องรองเท้า ข้าพเจ้าออกจะไม่ไว้ใจนัก เพราะจดหมายของสโมสรปาตาปุมส่วนมากจะเป็นการล้อเล่นหรือหยอกกัน แต่เมื่อเปิดขึ้นในกล่องมีไก่ย่างเล็กๆ ตัวหนึ่ง ช็อกโกแลตและอื่นๆ พร้อมทั้งพรให้หายเร็วๆ และ ป.ล.ที่บอกให้สังเกตว่า สโมสรเป็นผู้จ่ายเงิน ไม่ใช่แม่"

ดำริเพื่อเด็กไทย

ถึงแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอจะทรงเลิกเป็นพระอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ตามพระกรณียกิจที่เพิ่มมากขึ้น แต่พระองค์ก็ยังทรงไม่ทิ้งพระกรณียกิจด้านครู ที่แม้จะเสด็จเยือนในถิ่นทุรกันดาร ก็ยังทรงนำเกมส่งเสริมการเรียนรู้ไปให้เด็กๆ ในพื้นที่

"...เวลาสุดสัปดาห์ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี่ฉันไปต่างจังหวัดสมทบสมเด็จพระศรีฯ ท่านเสด็จออกต่างจังหวัด...ฉันก็มีของไปที่โรงเรียนต่างๆ คือ สมาคมสตรีอุดมศึกษาเขาทำเกมสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน เป็นเกมสำหรับหัดอ่าน ช่วยการอ่าน แล้วทีหลังช่วยการคิดเลข บวก ลบ คูณ หาร เป็นเกม...ฉันก็ต้องไปก่อน สมเด็จพระศรีฯ

ตอนเช้า ครั้งแรกต้องไปก่อน 3 ชั่วโมง ต้องไปอบรมครูก่อน อบรมครูสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วเอานักเรียนมา 5 คนเท่านั้น แล้วอธิบายให้ครูฟัง ให้ครูมาดูว่าเป็นยังไง เด็กเล่นกันยังไง...แต่ทีนี้สามารถไปได้จังหวัดละ 1 แห่งเท่านั้น แล้วต้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ"

ทรงเคยรับสั่งว่า โปรดเด็กเล็กมาก และทรงมีพระประสงค์ที่จะสอนเด็กเล็กมากกว่า ทรงรับเป็นผู้นำเกมสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ ไปสาธิตวิธีการใช้แก่ครู ทรงทดสอบกับเด็กๆ และทรงติดตามผลโดยตลอด เพื่อนำมาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ได้ผลดียิ่งขึ้น

ชุดอุปกรณ์การสอนที่โปรดว่าใช้ได้นั้น ได้แก่ ชุดไปโรงเรียน เพื่อเสริมทักษะภาษาไทย, ชุดเกมต่อแต้ม สำหรับฝึกการเรียนรู้ตัวอักษรสำหรับเด็กที่ไม่ได้เรียนอนุบาล, ชุดบันไดงู เกมเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย เป็นต้น สำหรับชุดไปโรงเรียนนั้น ทรงให้สัมภาษณ์ว่า

"เกมนี้ดีถ้าไม่เห็นว่าดีคงไม่เสียเวลาทีละ 3 ชั่วโมง ไปทุกจังหวัดในการทดลอง สิ่งที่สำคัญคือ ช่วยเสริม ช่วยให้สนุก ทำให้เด็กอยากเล่นสนุก จริงๆ เวลาเด็กเล่นแล้วก็สอนได้หลายอย่าง สอนให้มีระเบียบ วางของให้เรียบร้อย สอนให้นับได้ถูกต้อง บางทีถอย เด็กก็จะเดินไปข้างหน้า บางทีก็นับไม่ถูก มีเด็กอยู่คนหนึ่งทำข้อสอบได้ 10 ส่วน 10 ใช้เวลาน้อยมาก พอเล่นเกมเปิดได้ 5 เวลาเดินเบี้ยแกก็นับ 1-2-3 แล้วหยุด พอเปิดได้ 6 แกก็นับ 1-2-3 หยุด แกไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขกับการเดินเบี้ย แกก็เดินของแก 3 ช่องอยู่นั่นแหละ จนเล่นเกือบจะจบเกม แกถึงเข้าใจว่า 5 นี้ คือต้องเดินไป 5 ช่อง"

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯยังทรงให้ความสำคัญกับพระกรณียกิจเกี่ยวกับเด็กมาตลอด แม้แต่งานมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม พระองค์ก็ทรงตั้งพระทัยช่วยเหลือด้วยตัวเอง

"...การเริ่มต้นชีวิตที่ดีของเด็กนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่มูลนิธิมุ่งช่วยเหลือเด็กอ่อนแบบนี้ทำดีมาก...ฉันรู้จักมูลนิธิครั้งแรกจากข่าวในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์...ในข่าวเขียนว่า ปัจจุบันมีมูลนิธิที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กในสลัม ต้องการความช่วยเหลือ จึงสนใจอยากจะช่วยเหลือเลยติดต่อไปตามโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในข่าว"

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ในฐานะองค์อุปถัมภ์ ทรงสนพระทัยงานของมูลนิธิเป็นอย่างยิ่ง ทรงให้คำแนะนำและติดตามงานของมูลนิธิอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้เสด็จเยี่ยมประชาชนในชุมชนแออัดต่างๆ หลายครั้ง ทั้งชุมชนคลองเตย ชุมชนหนองแขม ชุมชนอ่อนนุช และชุมชนเสือใหญ่อุทิศ ยังความปลาบปลื้มให้แก่ชุมชนแออัดที่ได้มาเฝ้ารับเสด็จอย่างมาก

นอกจากนี้ยังทรงเข้าพระหฤทัยอย่างลึกซึ้งในปัญหาการศึกษาของไทยที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเด็กนักเรียนในชนบทกับเด็กนักเรียนในเมือง ดังนั้นจึงทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมาย เพื่อผลิตทรัพยากรของบุคคลที่มีคุณภาพให้กับประเทศชาติ อย่างหนึ่งคือ การบรรเทาปัญหาด้านการศึกษาของเด็กในพื้นที่ห่างไกลให้มีโอกาสทางการศึกษา สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้มากขึ้น และให้มีคุณภาพทัดเทียมกัน จึงทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างโรงเรียนหลายแห่ง เช่น โรงเรียนกัลยาณิวัฒนา 1 จังหวัดพิษณุโลก, โรงเรียนกัลยาณิวัฒนา 2 จังหวัดหนองคาย, โรงเรียนวราวัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนเฉลิมราษฎร์บำรุง จังหวัดเลย ฯลฯ

แม้วันนี้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะเสด็จสู่สวรรคาลัย ภาพแห่งความสัมพันธ์ของเจ้านายพระองค์เล็ก 3 พระองค์ก็ยังคงเป็นภาพแห่งความทรงจำของปวงชน

เป็นภาพแห่งความทรงจำที่สะท้อนความคิดในวัยเยาว์สู่พระกรณียกิจอันสำคัญต่อประเทศชาติ :D

 


มารีนเนอร์ไทยดอทคอม | MarinerThai.Com

 

จำนวนผู้เข้าชมหน้านี้   5799

 Disclaimed: มารีนเนอร์ไทยดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการรับรองความถูกต้องในบทความ ข้อมูล เนื้อหา ภายในเว็บไซด์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ภาพ เสียง ซอฟแวร์ การเชื่อมโยง(ลิงค์) และ/หรือ บริการอื่นๆ และจะไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดในการใช้เนื้อหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้าน การค้า การกระทำ การคาดการณ์ พยากรณ์ การวิจัย และอื่นๆ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเฉพาะของท่านผู้เขียนแต่ละรายไป ตลอดจนข้อกำหนดทางด้านลิขสิทธิ์ กรณีที่ท่านส่งบทความที่มิได้ขออนุญาตต่อผู้ครองสิทธิ์แท้จริงนำมาลงไว้ภายในเว็บไซด์นี้

 

 
 

 

 

Advertising in MarinerThai.Com Photos from Mariner

หน้าแรกก | เว็บบอร์ดชาวเรือ | สารบัญเว็บไซด์ชาวเรือ | สมุดภาพเรือเดินทะเล | สนับสนุนเว็บเรา | ติดต่อเรา

© 2002 Mariner Thai Dot Com Mariner Thai Dot Net. All rights reserved - Web designed by .<nv>.

 MarinerThai.Com | MarinerThai.Net | MarinerThai.Org

Contact webmaster: | Organizer : CKN - Cyber Ket Network