พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ข้อมูลจาก:
กรมศิลปากร
ภาพจาก:
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นกุฎาคารเรือนยอดประธานมณฑล
สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นพระเมรุทรงปราสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสอง
ยอดปักพระสิปตปฎลเศวตฉัตรจากฐานถึง ยอดฉัตรสูง ๓๗.๘๕ เมตร กว้าง ๓๑.๘๐ เมตร ยาว
๓๙.๘๐ เมตร สร้างด้วยไม้ โครงสร้างภายในเป็นเหล็ก
ประดับด้วยกระดาษทองย่นตกแต่งด้วยลวดลาย ฐานพระเมรุ จัดทำเป็น ๒ ระดับ
มีบันไดทอดถึงตลอดทั้ง ๔ ทิศ ระดับแรกเรียกว่า ฐานชาลา
ประดับด้วยรูปเทวดานั่งคุกเข่า พระหัตถ์ถือบังแทรกตรงกลางเป็นโคมไฟ
ประดับตามพนักฐานชาลา ด้านในมีรูปเทวดา ประทับยืนถือฉัตรเครื่องสูงรายรอบ
ระดับที่สองหรือฐานบนเรียกว่า ฐานพระเมรุเป็นฐานสิงห์ มีบันไดทางขึ้นจากฐานชาลาทั้ง๔ทิศ
โถงกลางใหญ่ตั้งพระ จิตกาธานขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานพระโกศ เพื่อถวายพระเพลิง
ทางด้านทิศเหนือของพระจิตกาธาน มีรางยื่นออกไปนอกมุขเป็นสะพานเกริน
เพื่อใช้เป็นที่เคลื่อน พระโกศจากพระยานมาศสามลำคานขึ้นบนพระเมรุ
องค์พระเมรุทั้งด้านในและด้านนอก ประดับตกแต่งด้วยกระดาษทองย่นเกือบทั้งหมด
ใช้สีทองเป็นหลักและประกอบด้วยสีอื่นๆ ที่เป็นสีอ่อนหวาน
เหมาะกับพระอุปนิสัยและพระจริยวัตรที่นุ่มนวล สง่างาม
ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
หอเปลื้อง
หอเปลื้องตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ตรงมุขหลังของพระเมรุเป็นอาคารขนาดเล็ก ภายในเขต
ราชวัติ หันหน้าเข้าหาพระเมรุ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย มีฝากั้นโดยรอบ
หอเปลื้องเป็นสถานที่สำหรับเก็บพระโกศหลังจากได้เชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนจิตกาธานแล้ว
และใช้เป็นที่เก็บสัมภาระต่างๆในการพระราชพิธี เช่น ฟืน ดอกไม้จันทน์ ขันน้ำ
ซึ่งจะต้องตั้งน้ำสำหรับเลี้ยงเพลิงเวลาเมื่อพระราชทานเพลิง
พระที่นั่งทรงธรรม
พระที่นั่งทรงธรรม เป็นอาคารโถง
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระเมรุภายในเขตราชวัติหน้าพระที่นั่งตรงกับมุขทิศตะวันตกของพระเมรุมาศ
ใช้เป็นสถานที่สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับทรงธรรมและทรงประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกพระเมรุพระศพ
รวมทั้งมีที่สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน สมาชิกรัฐสภา
ตลอดจนคณะฑูตานุทูตเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ภายในพระที่นั่งทรงธรรม เป็นที่ตั้งอาสนะพระสงฆ์ และธรรมมาสน์
เป็นที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลและเป็นที่ประทับของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงพักพระอิริยาบถ ซึ่งตรงกับมุขด้านหน้าของพระเมรุ
มุขเหนือและใต้เป็นที่สำหรับข้าราชการเข้าเฝ้า
ศาลาลูกขุน
ศาลาลูกขุน ใช้เป็นสถานที่สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการสำนักพระราชวัง
สำนักราชเลขาธิการและข้าในพระองค์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของ
พระที่นั่งทรงธรรม ด้านละ ๑ หลัง
ซ่างหรือสำสร้าง
ซ่างหรือสำสร้าง เป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์สวดอภิธรรมในงานถวายพระเพลิงพระศพมีจำนวน
๔ หลัง
เป็นการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ติดกับแนวรั้วราชวัติ
สร้างขึ้นที่มุมทั้งสี่ คือ
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
และตอนที่ตรงกับมุขด้านทิศเหนือและด้านทิศใต้ขององค์พระเมรุมาศ
ใช้เป็นที่สำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ตลอดงานพระเมรุ
ตั้งแต่พระโกศพระศพประดิษฐานบนพระจิตกาธาน จนกว่าจะพระราชทานเพลิงเสร็จ
คือจะมีพระพิธีธรรม ๔ สำรับ นั่งอยู่ประจำซ่างโดยจะผลัดกันสวดทีละซ่างเวียนกันไป
ทับเกษตร
ทับเกษตรเป็นอาคารขนาบสองข้างของซ่างตามแนวรั้วราชวัติ
เป็นการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยมีลักษณะเป็นระเบียงโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หลังคาจั่ว เป็นสถานที่สำหรับข้าราชการที่มาฟังสวดพระอภิธรรม
ในงานถวายพระเพลิงพระศพทิม
ทิมเป็นอาคารที่ปลูกสร้างติดกับรั้วราชวัติ
ใช้เป็นที่พักข้าราชบริพารและผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มีจำนวน ๖ หลัง
อยู่ติดกับแนวรั้วราชวัติตรงกับปลายมุขเหนือและใต้ของพระที่นั่งทรงธรรม
ด้านทิศตะวันออก
๒ หลัง ตั้งทั้ง ๔ ทิศ ด้านเหนือใต้ด้านละ ๑ หลัง ด้านตะวันตกและตะวันออกด้านละ ๒
หลัง ด้านหน้าเปิดโล่ง หลังคาเป็นลักษณะหลังคาปะรำ (หลังคาแบน)
อยู่ระหว่างทับเกษตรมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทับเกษตร
มุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งอยู่ปลายปีกมุขทิศตะวันตกของพระที่นั่งทรงธรรม ๒
หลัง โดยทุกอาคารหันหน้าเข้าสู่มณฑลพิธี ใช้สำหรับเจ้าพนักงาน พระสงฆ์
แพทย์หลวงพักและใช้เป็นที่ตั้งเครื่องประโคมพระศพด้วย
รั้วราชวัติ
รั้วราชวัติ เป็นแนวรั้วไม้กั้นบริเวณขอบเขตปริมณฑลของพระเมรุทั้ง ๔ ด้าน