ปลาสาก นักล่าผู้น่าเกรงขาม
ปลาสาก นักล่าผู้น่าเกรงขาม
จาก
ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่
18 พฤษภาคม 2553
โดย : วินิจ รังผึ้ง
โลกสีครามใต้ท้องทะเลลึกมีทั้งผู้ล่าและผู้ตกเป็นเหยื่อแห่งการล่า
บรรดาปลาเล็กมักตกเป็นเหยื่อของปลาที่มีขนาดใหญ่กว่า และมีการล่ากันต่อไปเป็นทอดๆ
ตามลำดับของห่วงโซ่อาหารใต้ท้องทะเล
ปลาสาก (Barracuda) นับเป็นนักล่าลำดับบนของห่วงโซ่อาหารในท้องทะเล
ด้วยลำตัวที่มีขนาดใหญ่ รูปร่างทรงกระบอกที่ยาวปราดเปรียวลู่กับสายน้ำ
ทำให้ปลาสากเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ปลาสากมีปากที่ยาวแหลมลู่
ขากรรไกรกว้างปากด้านล่างยื่นยาวกว่าปากด้านบน
มีฟันแบบเขี้ยวที่แหลมคมเรียงอยู่เต็มปาก
บางตัวที่มีขนาดใหญ่จะเห็นเขี้ยวที่ยาวคับปากออกมา
ปลาสากจึงนับเป็นนักล่าที่น่าเกรงขามยิ่งของท้องทะเล
ในยามเป็นปลาวัยอ่อนปลาสากก็จะอาศัยรวมปะปนอยู่กับฝูงปลาขนาดเล็กชนิดอื่นๆ เช่น
รวมอยู่ในฝูงปลากะตักที่มีอยู่มากมายนับหมื่นนับแสน
แต่หากสังเกตดูดีๆก็จะมองออกว่าเป็น ลูกปลาสาก
เพราะลักษณะรูปร่างหน้าตาจะเหมือนกับปลาสากตัวโตทุกอย่าง
เพียงแต่ย่อขนาดมาเหลือเท่ากับปลากะตักตัวเล็กๆ เท่านั้น
การรวมฝูงแอบแฝงอยู่กับฝูงปลากะตักที่มีอยู่นับหมื่นนับแสนตามกองหินหรือแนวปะการังใต้น้ำนั้น
โอกาสที่จะมีชีวิตรอดเติบโตขึ้นมาเป็นปลาสากตัวใหญ่ๆนั้นมีมากกว่าการที่จะเร่ร่อนหากินอยู่อย่างโดดเดียว
เพราะการปะปนอยู่กลางฝูงปลากะตักนั้น หากถูกปลาใหญ่เข้าโจมตี
ปลาใหญ่ก็จะโจมตีบริเวณขอบนอกของฝูงก่อน
ทำให้ปลาทั้งฝูงรู้ตัวและว่ายหลบเข้ามาหาที่ปลอดภัยตามกองหินได้
แต่แม้นตอนเด็กๆจะอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อโตขึ้นมาจนปลาสากมีขนาดใหญ่กว่า
และใหญ่พอที่จะกินปลาเล็กเหล่านั้นเป็นอาหารได้
เพื่อนๆปลาเล็กเหล่านั้นก็อาจจะตกเป็นเป็นอาหารของปลาสากได้
จนเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นจนปลอดภัยจากการล่า
ปลาสากก็จะแยกออกมารวมฝูงกันในหมู่ปลาสากโดยเฉพาะ แล้วออกหากินกันเป็นฝูง
กลายเป็นฝูงนักล่าที่น่าเกรงขาม จนบางครั้งขนาดของฝูงก็ใหญ่โตนับร้อยนับพันตัว
เป็นเสมือนกองทัพขนาดใหญ่ที่การเคลื่อนตัวไปไหนแต่ละครั้ง
ก็คล้ายดั่งการเคลื่อนตัวของพายุหมุนที่น่าเกรงขาม
ปลาสากจะว่ายน้ำด้วยอาการสงบนิ่ง โดยใช้ลำตัวและครีบหางขนาดใหญ่โบกไปมาช้าๆ
การได้ว่ายน้ำเคียงคู่ตามเก็บภาพฝูงปลาสากขนาดใหญ่เท่าขาแต่ละตัวยาวเป็นเมตร
ที่ว่ายกันมานับร้อยนับพันแบบเต็มผืนน้ำไปหมด
นับเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก
ยิ่งเมื่อหลุดหลงเข้าไปท่ามกลางวงล้อมของเหล่าพายุสีเงินผู้น่าเกรงขามด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
ปลาสากจะรักษาระยะห่างโดยการแหวกฝูงปล่อยให้ผมหลุดเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูง
จากนั้นมันก็จะโอบล้อมรวมฝูงกันเป็นหนึ่งเดียวเหมือนเดิม
แม้จะยังไม่เคยมีรายงานว่าปลาสากเข้าจู่โจมทำร้ายนักดำน้ำในเมืองไทย
แต่ก็มักจะมีคำเตือนให้นักดำน้ำไม่ประมาทและอย่างเข้าไปใกล้ชิดกับฝูงปลาสากขนาดใหญ่มากจนเกินไป
ยิ่งเป็นปลาสากใหญ่ที่แยกตัวออกมาหากินอย่างโดดเดี่ยวด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าไว้วางใจ
เพราะปลาสากที่แยกหากินอย่างโดดเดี่ยวก็มักจะต้องมีความระแวดระวังตัวอย่างสูงกว่าการอยู่รวมฝูง
เพราะการอยู่รวมฝูงจะสามารถช่วยกันระแวดระวังภัยให้แก่กันและกันได้
แต่การแยกหากินอย่างโดดเดี่ยวนั้น
ก็จำเป็นต้องระวังภัยให้กับตัวเองอย่างสูงกว่าการรวมฝูงหลายเท่าตัว
โดยมันอาจจะตัดสินใจใช้เขี้ยวคมที่เป็นอาวุธเข้าโจมตีผู้ที่เข้าไปใกล้ในระยะที่มันรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยก็เป็นได้
เมื่อเดือนก่อนผมได้มีโอกาสลงดำน้ำที่กองหินริเชลิว
ซึ่งเป็นกองหินขนาดกลางในเขตจังหวัดพังงา
ที่มีรูปทรงสัณฐานคล้ายๆกับภูเขาหินขนาดย่อมๆ ยอดหินอยู่ปริ่มๆน้ำ
และจะโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาก็ตอนที่น้ำลงมากๆเท่านั้น
กองหินริเชลิวแห่งนี้มีทำเลที่ตั้งอยู่ตรงกลางกระแสน้ำที่มีแพลงก์ตอนอันอุดมสมบูรณ์ล่องลอยมารวมกันอยู่บริเวณนั้น
จึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารสำหรับฝูงปลาน้อยใหญ่และสัตว์ทะเลจำนวนมาก
ที่นี่จึงกลายเป็นเสมือนชุมชนใต้ผืนน้ำที่สำคัญ กองหินริเชลิวจะมีทั้งกุ้ง หอย
ปูปลา ที่อาศัยอยู่ประจำถิ่น และฝูงปลาหรือสัตว์ทะเลที่ว่ายเวียนเข้ามาหากิน
จึงได้กลายเป็นจุดดำน้ำที่ดียิ่งลำดับต้นๆข องเมืองไทย
เรามักจะพบฝูงปลาขนาดใหญ่อย่างปลากะมงนับร้อยนับพันตัว
ฝูงปลาสากตัวยาวเป็นเมตรนับร้อยๆ ตัวว่ายเวียนอยู่รอบๆ กองหิน
และยังมีปลาใหญ่อย่างปลาฉลามวาฬว่ายเวียนเข้ามาหากินให้เห็นอยู่บ่อยๆ
ขณะดำว่ายผ่านไปด้านตะวันออกของกองหินริเชลิวแห่งนี้ในระดับความลึกราว 60 ฟุต
ผมได้เจอเข้าเจ้าปลาสากดำตัวโตขนาดความยาวราวสักเมตรครึ่ง
ตัวอ้วนตันน่าจะหนักราวๆสิบกว่ากิโลกรัมเห็นจะได้
ว่ายลอยตัวนิ่งๆโดดเดี่ยวอยู่ข้างกองหิน ผมค่อยๆลอยตัวใกล้เข้าไปเพื่อจะถ่ายภาพ
ซึ่งปรกติปลาสากขนาดใหญ่ที่หากินอยู่โดดเดี่ยวมักจะมีนิสัยหวาดระแวง
และรักษาระยะห่าง ไม่ค่อยยอมให้เข้าใกล้
โดยจะว่ายหนีห่างออกไปเมื่อเราเคลื่อนเข้าไปใกล้
แต่เจ้าสากใหญ่ตัวนี้นอกจากจะไม่รีบว่ายหนีจากไปแล้ว มันกลับเคลื่อนตัวเข้ามาหา
ผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายต้องหยุดด้วยความประหลาดใจและเริ่มจะเป็นฝ่ายตื่นตระหนกและไม่ค่อยจะไว้วางใจ
เพราะปากแหลมๆ กับหัวขนาดใหญ่
ดวงตากลมโตของมันที่เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนสามารถมองเห็นเขี้ยวขาวที่แหลมคมยื่นยาวคับออกมานอกปากได้อย่างถนัดตา
แม้นผมจะหยุดแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุด เจ้าสากดำยังคงเคลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ ช้าๆ
อย่างไม่มีท่าทีจะหยุด มันว่ายเข้ามาใกล้จนเอื้อมมือคว้าได้ถึง ผมใจเต้นระทึก
สายตายังคงจับจ้องและกดชัตเตอร์บันทึกภาพ เมื่อแสงไฟแฟลชสว่างวาบ
เจ้าสากใหญ่ก็ชะงัก แต่ก็ยังลอยตัวอยู่นิ่งไม่มีท่าทีจะว่ายหนีจากไป
ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพอีก 2-3 ภาพ ก็รู้สึกว่าเมื่อเจ้าสากใหญ่ไม่ยอมเป็นฝ่ายถอย
ผมเองน่าจะเป็นฝ่ายถอยออกไปเพื่อรักษาระยะห่างไว้น่าจะดีกว่า จึงค่อย ๆ
เตะฟินขยับตัวถอยหลังห่างออกมาช้าๆ โดยสายตาก็ยังคงจับจ้องไม่ลดละ
การหนีห่างออกมาจากพื้นที่อันตรายนั้นไม่ควรจะหันหลังว่ายหนีห่างออกไป
เพราะอาการเช่นนั้นสำหรับสัตว์ผู้ล่าที่มีสัญชาติญาณของนักล่าอยู่เต็มเปี่ยมจะรู้สึกได้ทันทีว่าเราอ่อนแอกว่า
อาจจะตัดสินใจไล่โจมตีได้ แต่สายตาที่จับจ้องและอาการค่อยๆ เคลื่อนห่างออกมา
น่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า
ผมยังคงเฝ้าสังเกตการณ์เจ้าสาดดำตัวโตอยู่ห่างๆ
ก็เห็นนักดำน้ำชาวต่างชาติอีกกลุ่มว่ายผ่านมา
เจ้าสาดใหญ่ก็ยังคงว่ายเข้าไปหาอย่างใกล้ชิด
จนนักดำน้ำกลุ่มนั้นต้องใช้ฟินเตะไล่และว่ายหนีห่างออกไปเพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย
เจ้าปลาสากดำโดดเดี่ยวตัวนั้นยังได้ว่ายเข้าไปสำรวจดูนักดำน้ำใกล้ ๆ อีกหลายกลุ่ม
แต่ก็ไม่ได้มีอาการก้าวร้าว ทำร้ายหรือจู่โจมนักดำน้ำแต่อย่างใด
ผมสัณนิษฐานว่าน่าจะมีนักดำน้ำกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเคยนำปลาลงไปให้อาหารเจ้าปลาสากตัวนี้
มันจึงติดอกติดใจ เมื่อเห็นนักดำน้ำว่ายผ่านมา มันจึงว่ายเข้ามาหาอย่างใกล้ชิด
ด้วยหวังว่าจะมีปลาหรืออาหารติดไม้ติดมือลงมาฝากบ้าง นี่แหละครับการให้อาหารปลา
ก็ทำให้ปลาเสียปลาอย่างนี้แหละ