ปะการังฟอกขาวทั่วทะเลไทย
ปะการังฟอกขาวทั่วทะเลไทย
จาก
ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่
27 กรกฎาคม 2553
โดย: วินิจ รังผึ้ง
สิ่งที่กำลังอยู่ในความเป็นห่วงเป็นใยของคนรักทะเลไทยในขณะนี้ก็คือการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ทั่วท้องทะเลไทย
ทั้งแนวปะการังทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน
ซึ่งกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
โดยการฟอกขาวของปะการังเริ่มเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษายน
โดยในช่วงนั้นอุณหภูมิของน้ำทะเลบ้านเราซึ่งปรกติจะอยู่ระหว่าง 28-29
องศาเซลเซียสเกิดสูงขึ้นไปถึง 30-31 องศาเซลเซียส
และสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกันหลายสัปดาห์
ทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้นเป็นบริเวณกว้าง
ซึ่งนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลได้ลงความเห็นว่าเป็นการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย
โดยประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ๆเช่นในปี 2527 ปี 2541
และในปี 2553 ครั้งนี้
ซึ่งผลกระทบจากการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นบริเวณกว้างเช่นนี้
อาจส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล
และส่งผลกระทบต่อกิจกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะการดำน้ำชมปะการังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่าปะการังฟองขาวคืออะไร และจะมีผลกระทบต่อท้องทะเลไทยอย่างไร
ก็ต้องขอเล่าให้เข้าใจง่ายๆ ว่าปะการังซึ่งเป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง
แต่ละตัวแต่ละชีวิตมีขนาดเล็กๆ โดยปะการัง 1 ตัวหรือ 1
โพลิปมีขนาดเล็กเท่ากับปลายดินสอ
โดยปะการังชนิดโครงสร้างแข็งสามารถจะสร้างโครงสร้างที่เป็นหินปูนขึ้นมา
เมื่อปะการังชนิดเดียวกันแต่ละตัวมาเกาะกลุ่มร่วมกันสร้างโครงสร้างหินปูนที่มีลักษณะเป็นกิ่งก้าน
เป็นก้อนกลม เป็นแผ่นผืน เป็นช่อชั้น
เพิ่มขึ้นมาจนเกิดเป็นแนวปะการังอันกว้างใหญ่ไพศาล เช่นแนวปะการังเกรตแบริเออร์ รีฟ
ซึ่งเป็นแนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย
มีความยาวถึงกว่า 2,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง 345,000 ตารางกิโลเมตร
ได้รับยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ซึ่งเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่ผลงานการสร้างสรรค์ขนาดมหึมานี้เป็นของเจ้าปะการังตัวเล็กๆเท่าปลายดินสอเหล่านี้
ชีวิตของปะการังที่เป็นสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วนี้มีความน่ามหัศจรรย์
เพราะโครงสร้างของร่างกายปะการังแต่ละตัวจะมีสาหร่ายเซลล์เดียวซึ่งเป็นพืชที่ชื่อ "ซูแซนเทลลี"
อาศัยอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายด้วย โดย
สาหร่ายซูแซนเทลลีจะมีรงควัตถุในตัวมันสามารถจะใช้สร้างสีสันเพื่อช่วยปกป้องเนื้อเยื่อใสๆของปะการัง
ไม่ให้ถูกแสงแดดและรังสีจากดวงอาทิตย์แผดเผาจนเป็นอันตราย
ทั้งยังสามารถสังเคราะห์แสงสร้างอาหารและพลังงานให้กับตัวมันเองและตัวปะการังอีกด้วย
ทำให้ปะการังสามารถจะเติบโตสร้างโครงสร้างหินปูนขยายออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ปะการังจึงได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงจากสาหร่ายซูแซนเทลลี
ในขณะเดียวกันสาหร่ายก็ได้ที่อยู่อาศัยที่ยึดที่อยู่ในโครงสร้างที่มั่นคงไม่ต้องล่องลอยเคว้งคว้างไปในท้องทะเล
ซึ่งหากอุณหภูมิของน้ำทะเลอยู่ในภาวะปรกติ
ปะการังและสาหร่ายทะเลก็จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
แต่เมื่อใดที่น้ำทะเลเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากภาวะปรกติอย่างรวดเร็วและเป็นเวลานานเกิน
3 สัปดาห์
ปะการังก็จะเกิดอาการผิดปรกติโดยจะมีการขับสาหร่ายซูแซนเทลลีให้หลุดออกจากโครงสร้าง
ทำให้ปะการังต้องเหลือแต่โครงสร้างหินปูนที่มีสีขาว และตัวปะการังที่มีสีใสเท่านั้น
เราจึงมองเห็นปะการังกลายเป็นสีขาวเหมือนถูกฟอกด้วยน้ำยาเคมีนั่นเอง
ซึ่งนอกจากปะการังแล้ว สัตว์ทะเลที่มีสาหร่ายซูแซนเทลลีอาศัยอยู่ด้วย
หรือสัตว์ทะเลที่มีสาหร่ายไว้สังเคราะห์แสงก็จะเกิดการฟอกขาวไปด้วย เช่นกัลปังหา
ดอกไม้ทะเลบางชนิด หรือแม้แต่หอยมือเสือก็ยังฟอกขาวไปด้วย
ปะการังที่เกิดการฟอกขาวนั้น
หากเกิดการฟอกขาวนานไม่ถึงเดือนแล้วอุณหภูมิของน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ
ปะการังบริเวณนั้นก็อาจจะสามารถฟื้นตัวกลับมีสาหร่ายซูแซนเทลลีลงเกาะแล้วกลับฟื้นค่อยๆมีสีสันกลับขึ้นมาได้ในอีก
2-3 เดือนถัดมา แต่หากปะการังที่ฟอกขาวบริเวณใด
ถูกแช่ด้วยอุณหภูมิของน้ำทะเลที่ผิดปรกติเป็นเวลานานๆ
ปะการังบริเวณนั้นก็อาจจะฟอกขาวโดยไม่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ และจะตายลงในที่สุด
เมื่อปะการังตาย
โครงสร้างหินปูนที่ถูกฟอกขาวก็จะค่อยๆมีสีหม่นมัวลงเนื่องจากตะกอนน้ำและสาหร่ายทะเลชนิดอื่นๆลงเกาะกินและครบคลุมพื้นที่แทน
ปะการังตายเหล่านั้นก็จะค่อยๆผุพังลงเหมือนบ้านร้างเมืองร้างที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย
ซึ่ง ณ บัดนี้อุณหภูมิของน้ำทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย
ก็ได้กลับคืนสู่ภาวะปรกติเนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุม และเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว
ปะการังฟอกขาวคงไม่ขยายวงออกไปอีก
แต่ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถฟื้นตัวคืนชีวิตกลับมาได้มากน้อยเท่าใด
ผลกระทบของการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลจะต้องลดลงไป
เพราะแนวปะการังเป็นเสมือนหัวใจของท้องทะเล เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล
เป็นแหล่งอาหาร ที่หลบภัย แหล่งเผยแพร่เผ่าพันธุ์
ปลาและสัตว์ทะเลหลายชนิดกินตัวปะการังเป็นอาหารเช่นปลากลุ่มปลาผีเสื้อ
และสัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งปลาและสัตว์ทะเลเหล่านี้ก็คงจะลดปริมาณลงไป
ปลาอื่นๆที่กินกันเป็นลูกโซ่ก็คงจะหาอาหารยากขึ้น หาที่อยู่อาศัยยากขึ้น
ก็อาจจะลดปริมาณตามลงไป เรือประมงก็คงจะหาปลายากขึ้น
อาหารทะเลก็จะมีราคาสูงขึ้นไปด้วย สำหรับผลกระทบด้านการท่องเที่ยว
หากแนวปะการังเสื่อมโทรม ลดความสวยงามลงไป หรือมีสัตว์ทะเลให้ดูให้ชมลดน้อยลง
นักดำน้ำก็อาจจะมีปริมาณน้อยลงไปด้วย ธุรกิจดำน้ำก็อาจจะซบเซาลง
เรือบริการดำน้ำก็คงจะมีลูกค้าลดลง ลูกเรือ ไดฟ์ลีดเดอร์ พนักงานอัดอากาศ พ่อครัว
เรือรับจ้าง หรือแม้แต่คนขายข้าวปลาอาหารที่เป็นเสบียงลงเรือ
ก็จะได้รับผลกระทบันไปหมด
ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวนั้นแม้นจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล
แต่มนุษย์ก็คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้
เพราะต้นเหตุของอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นก็เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนซึ่งมนุษย์ล้วนเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งนั้น
การเยียวยาแก้ไขปะการังฟอกขาวคงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เกินกำลังความสามารถของมนุษย์
คงต้องรอเวลาให้ธรรมชาติเยียวยารักษาตนเอง
แต่เราท่านจะสามารถช่วยกันป้องกันการเกิดขึ้นครั้งใหม่ได้ด้วยการลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนกันคนละไม้คนละมือ
การร่วมมือร่วมใจในมาตรการประหยัดพลังงาน ลดการสร้างมลพิษในอากาศ
ลดการใช้ทรัพยากรบนผืนโลกด้วยการใช้ทุกสิ่งให้คุ้มค่า เริ่มต้นจากตัวเราก่อน
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ก็คงจะช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของแนวปะการังและปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติลงได้บ้าง
ช่วยกันเถอะครับ