ซีเชพเพิร์ด - สงครามนี้เพื่อวาฬ
“ซีเชพเพิร์ด” สงครามนี้เพื่อวาฬ
จาก
หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน
2555
คอลัมน์...เรื่องเล่าจากต่างแดน
เมื่อฤดูล่าวาฬมาถึงนั่นหมายความว่าสงครามระหว่างกลุ่มนักเคลื่อนไหวซี
เชฟเพิร์ด ซึ่งต่อต้านการล่าวาฬกับสถาบันวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลของญี่ปุ่น
(The Institute of Cetacean Research: ICR) หรือไอซีอาร์ หน่วยล่าวาฬของญี่ปุ่น
ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งด้วยเช่นกัน
ข่าวการปะทะกันระหว่างทั้งสองกลุ่มไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น
แต่เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานก่อนที่นานาชาติจะทำข้อตกลงขึ้นมาเมื่อปี 2529
ให้ยุติการล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์ด้วยซ้ำ
ทว่าการที่ยังอนุญาตให้ล่าวาฬเพื่อการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้
ทำให้ญี่ปุ่นซึ่งล่าวาฬเพื่อเป็นอาหารใช้ช่องว่างนี้ในการล่าวาฬ
ซึ่งถูกต่อต้านจากนักอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยแต่ละปีมีวาฬถูกฆ่าถึง 1,000 ตัว
ภายใต้การนำของกัปตันพอล วัตสัน พลพรรคซีเชพเพิร์ด คอนเซอร์เวชั่น โซไซตี้
คือการทำสงครามแตกหักกับกองเรือญี่ปุ่น แต่สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือการค้นหา
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาตามหาศัตรูตัวฉกาจจนพบหลังตามค้นหามากว่า 1 เดือน ณ
ดินแดนแถบขั้วโลกใต้ในท้องน้ำอันบริสุทธิ์ของมหาสมุทรแอนตาร์กติกา
กลุ่มซีเชพเพิร์ดบอกว่านักล่าวาฬละเมิดข้อห้ามนานาชาติในการล่าวาฬเพื่อการพาณิชย์
ขณะที่นักล่าวาฬก็บอกว่าพวกเขาล่าวาฬอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตนทำตามกฎหมาย มันเป็นสมรภูมิของพวกเขา
และนี่คือสงครามของพวกเขา
‘เอดี้กิล’ เรือสปีดโบ๊ทของซีเชพเพิร์ด กำลังแล่นเข้าใกล้เรือล่าวาฬนิสชินมารุ
ศูนย์กลางกิจกรรมของนักล่าวาฬ และนี่คือเป้าหมายหลักของกองทัพซีเชพเพิร์ด
เรือโรงงานแห่งนี้มีความสูงหกชั้น มีตาข่ายคลุมดาดฟ้าเรือติดตั้งไว้สูงกว่านั้น
เรือลำนี้รับวาฬที่ถูกฆ่ามาจากเรือฉมวก มีลูกเรือ 150
คนรับหน้าที่ชำแหละเนื้อวาฬบนลำเรือ
ในหนึ่งวันพวกเขาสามารถชำแหละวาฬสิบตัวให้เป็นเนื้อวาฬสำเร็จรูปบรรจุหีบห่อพร้อมส่งขาย
ขณะที่เรือสตีฟ เออร์วินซึ่งอยู่ห่างจากเรือของซีเชิพเพิร์ดลำอื่นๆ 1,200 ไมล์
กำลังไล่หลังเรือโรงงานของนักล่าวาฬอย่างกระชั้นชิด ส่วนเรือบ็อบ บาร์คเกอร์
ตามหลังเรือนิสชินมารุอยู่ 4 ไมล์ และพยายามไล่ให้ทัน กลุ่มซีเชพเพิร์ดซื้อเรือบ็อบ
บาร์คเกอร์ ซึ่งเคยเป็นเรือล่าวาฬ
โดยหวังว่าความเร็วของเรือจะช่วยให้พวกเขาไล่กองเรือล่าวาฬได้ทัน
อาวุธสำคัญอย่างหนึ่งของกลุ่มซีเชพเพิร์ด ก็คือเชือกป่วนใบพัด
เชือกเส้นใหญ่สำหรับป่วนใบพัดของเรือลำอื่น
โดยถ้ายิงเชือกออกไปยังเรือที่กำลังแล่นอยู่ข้างหน้า
เชือกนี้อาจทำให้เรือเป้าหมายลดความเร็วลง หรือว่าหยุดแล่นได้
เชือกพิเศษเส้นนี้ออกแบบมาเพื่อหยุดยั้งเรือโรงงานขนาด 8,000 ตัน
แต่พวกเขาก็ต้องระวังเพราะอาจจะได้รับความเสียหายจากเชือกป่วนใบพัดของพวกเดียวกันเอง
การที่เรือเอดี้กิลต้องไล่ล้อมเรือนิสชินมารุตลอดเช้า
ทำให้น้ำมันในถังใกล้จะหมดลงไปทุกที เพื่อที่จะประหยัดน้ำมัน กัปตันพีท เบธทูน
ลดความเร็วเรือลงเหลือ 14 น็อต และให้เรือเอดี้กิล
แล่นอ้อยอิ่งตามอยู่ข้างหลังเรือโรงงานนิสชินมารุ รอจนกว่าเรือบ็อบ บาร์คเกอร์
จะไล่มาถึง จะได้เติมน้ำมัน ลูกเรือของเรือเอดี้กิล เกาะติดท้ายเรือนิสชินมารุ
เพื่อไม่ให้พลพรรคซีเชพเพิร์ดถูกสลัดหลุด
แต่การที่จะต้องหยุดแล่นเป็นเวลาสี่ชั่วโมงนั้นเสี่ยงต่อการคลาดกับเรือนิสชินมารุ
กัปตันชัค สวิฟท์ จึงได้รับคำสั่งว่าไม่ต้องชะลอความเร็วเพื่อเติมน้ำมันให้เรือเอดี้กิล
แต่ปัญหาก็คือชาวซีเชพเพิร์ดจำเป็นต้องมีเรือที่เร็วพอจะไล่เรือนิสชินมารุได้ทัน
พวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยเรือเล็กของเรือบ็อบ บาร์คเกอร์ไปไล่ล่าแทน
แมท คิมูระ อาชีพของเขาคือเป็นครูสอนเด็กประถม
แต่วันนี้เขาทำหน้าที่ขับเรือเล็กแล่นไปบนน่านน้ำแอนตาร์กติกที่เย็นยะเยือก มาร์คัส
เกรแฮม ช่างไม้จากนิวซีแลนด์รับหน้าที่ต้นหนของเรือฟาร์ลีย์ครั้งนี้จะเป็นการออกเรือเต็มกำลังความเร็วครั้งแรกของเขา
แต่แล้วในความเร็วขนาดนั้นทำให้เชือกผูกเรือเกิดพันกัน เรือบ็อบบาร์คเกอร์ต้องชะลอความเร็วลงเพื่อลดแรงเค้นบนเชือกผูกเรือ
แม้ว่าการปล่อยเรือจะสำเร็จและกลับมาแล่นเต็มสปีดอีกครั้ง
แต่ก็ถูกเรือโรงงานของนักล่าวาฬทิ้งห่างไปแล้ว 7 ไมล์
ในยามที่ทะเลเรียบ เรือเล็กสามารถแล่นได้เร็วกว่าเรือนิสชินมารุ 25 น็อต
แต่ในสภาพที่ทะเลมีคลื่นสูงสิบฟุต ทำให้เรือฟาร์ลีย์แล่นได้ไม่เต็มสปีดนัก
ภารกิจของเรือเล็กไม่เป็นดังหวัง เรือฟาร์ลีย์ ไม่สามารถจะไล่เรือนิสชินมารุได้ทัน
ในขณะที่เรือบ็อบบาร์คเกอร์ก็ถูกเรือโรงงานทิ้งห่างไปอีก
ตอนนี้พวกเขาจะต้องพยายามเก็บเรือฟาร์ลีย์ขึ้นเรือใหญ่โดยไม่ถูกเรือนิสชินมารุทิ้งห่างไปมากกว่าเดิม
ความพยายามของชาวซีเชพเพิร์ดที่จะหยุดยั้งปฏิบัติการของเรือนิสชินมารุกำลังจะล้มเหลว
เรือเอดี้กิล ไม่สามารถจะชะลอเรือนิสชินมารุได้เลย
และตอนนี้น้ำมันในถังก็แทบจะหมดแล้ว เรือบ็อบ บาร์คกอร์ ก็ถูกเรือนิสชินมารุทิ้งห่างไปทุกนาที
ถ้าเรือโรงงานหนีไปได้ ภารกิจของนักรบซีเชพเพิร์ดก็อยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ขณะที่พวกเขามัวแต่ห่วงว่าจะคลาดกันกับเรือนิชชินมารุนั้น จู่ ๆ
เขาก็ตกอยู่ในวงล้อมของเรือฉมวก เรือบ็อบบาร์คเกอร์ถูกล้อมโดยเรือฉมวกที่เร็วกว่าทั้งสามด้าน
ดูเหมือนเรือฉมวกกำลังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นด้วย เรือเอดี้กิลเป็นความหวังหนึ่งเดียวของชาวซีเชพเพิร์ดที่จะทำให้ไม่คลาดจากเรือนิสชินมารุ
แต่ปัญหาก็คือเรือเอดี้กิลเหลือน้ำมันพอแล่นได้เพียง 30 นาทีเท่านั้น เรือเอดี้กิลจะใช้น้ำมันหยดสุดท้ายพยายามป่วนเรือโรงงานเป็นครั้งสุดท้าย
คราวนี้พวกเขาจะใช้เชือกเสริมเคเบิลเหล็กเป็นตัวป่วน