ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย -The Pharos Lighthouse of Alexandria
ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย (The Pharos Lighthouse of
Alexandria)
โดย กัปตัน นีโอ
วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559
การเดินเรือในยุคแรกๆ
ชาวเรืออาศัยธรรมชาติของภูเขาไฟที่ยังลุกอยู่เป็นตัวบ่งบอก ต่อเมื่อภูเขาไฟดับแล้ว
จึงได้จัดหาไฟขึ้นมาใช้แทนที่ภูเขาไฟที่หายไป จนเกิดเป็นประภาคารขึ้น
ประภาคารแห่งแรกของโลกคือประภาคารที่ตั้งอยู่บนเกาะฟารอส
(Pharos) หน้าเมืองอะเล็กซานเดรีย (Alexandria) ในอียิปต์ ชื่อว่าฟารอสแห่งอะเล็กซานเดรีย
ประภาคารนี้สร้างโดยชาวกรีก ชื่อ ซอสตราตุส
ชาวเมืองไนดัส ในสมัยกษัตริย์ปโตเลมี ประมาณ พ.ศ. 260
แต่ปัจจุบันสูญไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย
รูปสลักของพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 (พระเจ้าปโตเลมีฟิลาเดลฟัส)
ตอนนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
สารานุกรมเสรี (th.wikipedia.org) ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
หรือ ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย (อังกฤษ: Pharos of Alexandria, Lighthouse
of Alexandria, คำว่าฟาโรสในภาษากรีก (Φάρος) แปลว่าประภาคาร)
เป็นประภาคารโบราณซึ่งจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส
เมืองอเล็กซานเดรีย ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างประมาณ 270
ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส
ตัวประคาภารมีความสูงเท่าใดไม่แน่ชัด
แต่อยู่ในระหว่าง 200-600 ฟุต (ขนาดพอ ๆ กับ เทพีเสรีภาพ
มีบางหลักฐานคาดว่าประภาคารนี้สูงประมาณ 134 เมตร) สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลัก
ช่วงล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยม ช่วงกลางเป็นรูปแปดเหลี่ยม และช่วงบนเป็นทรงกลม
ยอดบนสุดของประภาคารนี้ มีภาชนะสำหรับใส่ถ่านหรือกองฟืน
ทำหน้าที่เป็นตะเกียงขนาดใหญ่บนยอด
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าในเวลากลางวันจะปล่อยควัน
ในเวลากลางคืนจะเป็นแสงไฟสว่างที่เห็นได้จากระยะไกล
ซึ่งลุกโชติช่วงทั้งวันทั้งคืนเพื่อเป็นไฟสัญญาณไฟบนยอดประภาคารนี้เห็นได้
ไกลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถึง 40 กิโลเมตร
ซึ่งยังไม่ทราบว่าใช้วิธีใดในการจุดไฟและส่องแสง
บ้างก็สันนิษฐานว่าใช้กระจกในการส่องแสง บ้างก็เชื่อว่า สามารถส่องแสงได้ถึง 4 ทาง
แต่บางส่วนก็เชื่อว่า ส่องแสงได้เพียงแค่ 2 ทางเท่านั้น
ตามตำนานเล่าขานกันมา
กระจกนี้สะท้อนเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ข้ามไปจนถึงภาคตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเอเชียไมเนอร์
ยังมีการเล่าต่อกันมาอีกว่ากระจกนี้ยังมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชสำคัญสะท้อนแสงอาทิตย์ไปเผา
เรือศัตรูในทะเล เพราะเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาเหล่านี้
ทำให้ประภาคารแห่งเมืองอเล็กซานเดรียนี้มีชื่อเสียง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ประภาคารนี้ได้ชื่อมาจากชื่อเกาะที่มันตั้งอยู่ คือ ฟาโรส
และกลายมาเป็นชื่อเรียกประภาคารในภาษาต่าง ๆ
ประภาคารฟาโรสตั้งตระหง่านนำทางสัญจรของเรือเข้าสู่เมืองอเล็กซานเดรียมาเป็นเวลาร่วม
1,500 ปี จนกระทั่งพวกอาหรับเข้ายึดครองเมือง ประภาคารก็ถูกรื้อทิ้งไป
เล่ากันมาว่าพวกอาหรับถูกสายลับซึ่งจักรพรรดิแห่งคอนสแตนติโนเปิลส่งมาหลอกลวงให้ทำลายประภาคารเสีย
เพื่อไม่ให้ใช้มันเป็นประโยชน์ในการเดินเรือของพวกมุสลิม
สายลับอ้างว่าข้างใต้ประภาคารมีขุมทรัพย์ฝังอยู่
แต่หลังจากประภาคารถูกทำลายไปแล้วพวกอาหรับถึงตระหนักว่าเสียรู้
ในช่วงนั้นกระจกขนาดใหญ่ก็หล่นร่วงลงมาและแตกละเอียดเป็นผุยผง
มีบางส่วนของประภาคารหลงเหลือ และส่วนนี้ก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นจนปี ค.ศ. 1375
จนแผ่นดินไหวในเมืองอเล็กซานเดรีย ทำให้ประภาคารแห่งนี้พังทลายลงมาจนสิ้นซาก
ในปี ค.ศ. 1994 นักโบราณคดีได้ดำน้ำสำรวจบริเวณปากอ่าวอเล็กซานเดรีย
พบหลักฐานของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นซากชิ้นส่วนของประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
ซึ่งบางส่วนเป็นหินที่หนักถึง 70 ตันและเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ