ศาสตราจารย์ ดร.ไผทชิต เอกจริยกร
1. เงื่อนไขการกักเรือ
การที่ศาลจะสั่งกักเรือตามพระราชบัญญัติการกักเรือ พ.ศ. 2534 นั้น จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้คือ
1.1 หากผู้ร้องขอกักเรือร้องเอง บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นเจ้าหนี้ กล่าวคือ มีสิทธิอย่างใด อย่างหนึ่ง และต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองมีสิทธิเรียกร้องดังกล่าวด้วย
1.2 สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้มี จะต้องเป็นสิทธิเรียกร้องประเภทใดประเภทหนึ่งดังที่กำหนด ไว้ในมาตรา 3 ก-1 หากไม่ใช่สิทธิเรียกร้องประเภทใดประเภทหนึ่งดังกล่าว เจ้าหนี้ก็จะมากักเรือตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่ได้ (หากเจ้าหนี้มีความประสงค์ก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา)
สิทธิเรียกร้องดังกล่าว ได้แก่ สิทธิเรียกร้องอันเกิดจาก
1) ความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลใดๆ ที่มีเหตุมาจากเรือหรือการดำเนินงานของเรือ เช่น เรือชนกันมีคนบาดเจ็บ หรือ ได้รับความเสียหาย
2) การช่วยเหลือกู้ภัย
3) สัญญาเกี่ยวกับการใช้ เช่า เช่าซื้อ หรือยืมเรือ การให้บริการ บรรทุกหรือสัญญาอื่นทำนองเดียวกัน
4) สัญญาเกี่ยวกับการรับขนของทางทะเลที่มีการออกใบตราส่ง
5) การเฉลี่ยความเสียหายทั่วไป ในกรณีที่เจ้าของเรือผู้ขนส่งและเจ้าของของที่บรรทุกมาในเรือนั้น มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่สูญหายหรือเสียหายจากการกระทำโดยเจตนาด้วยความจำเป็นตามสมควรเพื่อความปลอดภัยร่วมกันของเรือและของที่บรรทุกมาในเรือนั้นหรือต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ได้เสียไปด้วยความจำเป็นเป็นกรณีพิเศษเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่ายหรือเพื่อความปลอดภัยร่วมกันของเรือ และของที่บรรทุกมาในเรือนั้น ทั้งนี้ เมื่อมีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือสัญญาระหว่างคู่กรณีกำหนดความรับผิดในเรื่องนี้ไว้
6) การสูญหายหรือเสียหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินที่บรรทุกมาในเรือ
7) การให้บริการลากจูงเรือไม่ว่าโดยวิธีใด
8) การให้บริการนำร่อง
9) การจัดหาของหรือวัสดุใดๆ เพื่อใช้ในการดำเนินงานลงเรือหรือการซ่อม บำรุงเรือ
10) การต่อ ซ่อมหรือจัดเครื่องบริภัณฑ์ให้แก่เรือหรือค่าธรรมเนียมการใช้อู่เรือ
11) การให้บริการทางท่าเรือ หรือค่าภาระ หรือค่าบริการในการใช้ท่าเรือ
12) ค่าจ้างขนของลงเรือหรือขึ้นจากเรือ
13) ค่าจ้างนายเรือหรือคนประจำเรือ
14) ค่าใช้จ่ายของเรือที่นายเรือ ผู้เช่าเรือ ตัวแทนหรือผู้ส่งของได้ทดรองจ่ายไปแทนเจ้าของเรือ หรือผู้ครอบครองเรือ
15) ข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในตัวเรือ
16) ข้อพิพาทระหว่างเจ้าของรวมเกี่ยวกับการครอบครองการใช้เรือ หรือรายได้จากเรือ
17) การจำนองเรือ
1.3 พนักงานอัยการสามารถยื่นคำร้องขอให้กักเรือ แทนเจ้าหนี้ได้ (ทางปฏิบัติไม่ค่อยจะปรากฏ) แต่เฉพาะสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือเกิดจากความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สินทางบุคคลใดๆ ที่มีสาเหตุมาจากเรือหรือ การดำเนินงานของเรือ เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรจะรับดำเนินคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือดังกล่าวแทนเจ้าหนี้ก็ได้ ซึ่งหากพนักงานอัยการเป็นผู้ยื่นก็จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมกักเรือ ดังนั้นโดยหลักแล้วพนักงานอัยการจะยื่นคำร้องขอกักเรือเพื่อสิทธิเรียกร้องอื่นไม่ได้ (เว้นแต่เป็นกรณีที่เป็นสิทธิเรียกร้องของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ)
1.4 เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอให้กักเรือต้องมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักร
1.5 เรือที่ถูกกักจะเป็นเรือลำใดลำหนึ่งของลูกหนี้ก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเรือที่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้อง แต่ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในตัวเรือข้อพิพาทระหว่างเจ้าของรวมเกี่ยวกับครอบครองเรือ การใช้เรือ หรือรายได้จากเรือ หรือข้อพิพาทเกี่ยวกับการจำนองเรือ เจ้าหนี้จะขอให้ศาลศาลสั่งเรือลำอื่นที่เป็นของลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นผู้ครองครอง นอกจากเรือลำที่เกี่ยวกับข้อพิพาทนั้นมิได้
1.6 การกักเรือที่ไม่ได้เป็นของลูกหนี้ แต่ลูกหนี้เป็นผู้ครอบครอง มีเงื่อนไข 3 ประการ
1. เหตุแห่งสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือเกิดจากเรือหรือธุรกิจของเรือนั้น
2. ลูกหนี้เป็นผู้ครอบครองเรือในเวลาที่เกิดสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ
3. ลูกหนี้เป็นผู้ครอบครองเรือในเวลาที่ขอให้ศาลสั่งกักเรือ
1.7 เรือที่ถูกกักได้ต้องเป็นเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสิ่นค้าหรือคนโดยสารระหว่างประเทศเท่านั้น
2. วิธีการในการดำเนินการกักเรือ
1.เตรียมร่างคำขอกักเรือ โดยคำขอต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่ง
ก. สภาพแห่งสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ
ข. หนี้ที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ
ค. รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อเจ้าหนี้ ชื่อลูกหนี้ ชื่อเรือ หมายเลขทะเบียนเรือ ขนาดเรือ สัญชาติและเมืองท่าขึ้นทะเบียนเรือ ชื่อนายเรือ หรือผู้ควบคุมเรือ (หากทราบ) และทำเลหรือถิ่นที่ทอดจอดเรือ
2.ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
3.เตรียมพยานหลักฐานมาสืบในเบื้องต้นเพื่อทำให้ศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอให้กักเรือมีมูล และหากเรือที่จะถูกกักยังมิได้เข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหนี้จะต้องนำสืบให้เห็นว่าเรือจะเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร
4.เจ้าหนี้ต้องวางหลักประกันเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการกักเรือ ในกรณีที่ศาลสั่ง
5.ติดต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ชำระค่าธรรมเนียมการกักเรือในอัตราร้อยละหนึ่งของหนี้ที่เจ้าหนี้จะให้สิทธิเรียกร้อง
6.นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดหมายกักเรือและช่วยเหลือเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติตามหมายกักเรือ
7.นำคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องที่ขอให้กักเรือฟ้องศาลทรัพย์สินทางปัญยาและการค้าระหว่างประเทศกลางภายใน 30 วัน นับแต่ปิดหมายกักเรือ
จากประสบการณ์ผ่านมา ผมเคยเกี่ยวข้องกับการทำคดีกักเรือที่สำคัญ 2 คดี คือ
คดีแดงที่ กค.65/2541 บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเช่น โปรดัคส์ จำกัด กับพวก ร้องขอกักเรือ “ไบร์ท โอเชี่ยน” และ
คดีแดง กค.345/2542 บริษัทซีเวย์ เอ็กซ์เพลส จำกัด ร้องขอกักเรือ ” โอลิมเปีย”
แต่ถ้าจะสรุปปัญหาเกี่ยวกับการกักเรือตาม พ.ร.บ. การกักเรือ พ.ศ. 2534 นั้นก็จะกล่าวได้ว่ามีดังนี้ คือ
1. นอกจากการกักเรือตาม พ.ร.บ. การกักเรือ พ.ศ. 2534 แล้ว การกักเรือจะกระทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่องวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาได้หรือไม่
2. ศาลจะกำหนดถึงจำนวนหลักประกันที่เจ้าหนี้จะต้องมาวางศาลเท่าใด
3. ศาลจะกำหนดถึงจำนวนหลักประกันที่ลูกหนี้จะต้องมาวางศาลเท่าใด
4. การขอกักเรือซ้ำจะทำได้หรือไม่
5. การขอกักเรือจะทำที่ศาลอื่นนอกจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้หรือไม่
6. คดีที่ไม่ใช่คดีเกี่ยวกับการยื่นคำขอให้กักเรือและการฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอกักให้กักเรือ แต่เป็นคดีที่ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกักเรือโดยไม่ชอบจะฟ้องที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้หรือไม่
7. เมื่อเรือได้ถูกกักแล้ว การเคลื่อนย้ายเรือที่มิใช่เพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า หรือความปลอดภัยของเรือและการเดินเรือ แต่เพื่อความสะดวกของเจ้าของท่าเรือที่เรือจอดอยู่จะทำได้หรือไม่ และจะนำเรือไปจอดที่ใด ที่ไม่กีดขวางทางเดินเรือ และไม่ทำให้เรือหนี ไป
3. ผลของการกักเรือ
1.คำสั่งกักเรือเป็นที่สุด
2.เรือที่ถูกกักห้ามเคลื่อนย้าย และถือว่าเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึกไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
3.การก่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับกรรมสิทธิในตัวเรือ หรือ สิทธิครอบครองจะใช้ยันแก่เจ้าหนี้ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้
4.ความเสียหายจากการกักเรือ อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหนี้ เว้นแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กระทำการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติกักเรือ พ.ศ. 2534 หรือ กฎหมายอื่น
5.ลูกหนี้ หรือบุคคลที่ได้รับความเสียหายสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยเรือได้โดยนำหลักประกันมาวางศาล
4. เปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศ
การกักเรือของไทย เหมือนกับของประเทศส่วนใหญ่ คือ ใช้คำสั่งศาลไม่ให้เรือออกเดินทางไป สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้จะยื่นคำร้องขอไห้กักเรือ ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับที่มีอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ปรากฏอยู่ในในอนุสัญญากรุงบรัสเซลว่าด้วย การกักเรือ ลงวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1952 แม้จะมีข้อแตกต่างกันในรายละเอียดบ้างแล้วแต่ ระบบกฎหมายของแต่ละประเทศ
5. แหล่งข้อมูลทางวิชาการและการจัดหาวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการกักเรือ
1. สถาบันกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี
3. สถาบันพาณิชยนาวี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. ห้องสมุดศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
5. ห้องสมุดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
6. ห้องสมุดคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ห้องสมุดสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา