จาก หนังสือพิมพ์ ข่าวสดรายวัน วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6677
ภาพจาก Odyssey Marine Exploration, Inc. (www.shipwreck.net)
เมื่อปีที่แล้วบริษัทโอดิสซี่มารีนโอเพอเรชันของสหรัฐ พบซากเรือ เอชเอ็มเอสวิกตอรี HMS Victory ซึ่งมีความยาว 175 ฟุตของกองทัพเรืออังกฤษที่อับปางลงเมื่อปี ค.ศ. 1744 จากการชนหินโสโครกที่บริเวณช่องแคบอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1744 การอับปางครั้งนั้นทำให้มีทหารเสียชีวิต 1,100 นาย ทองมูลค่ามหาศาลปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ยังจมหายไปกับเรือด้วย
Odyssey Marine Exploration บริษัทสัญชาติอเมริกัน ได้ค้นพบซากเรือ HMS Victory และทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบริษัทนี้กับรัฐบาลอังกฤษว่า ใครสมควรจะได้ครอบครองทรัพย์สินบนเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำมูลค่ามหาศาลและปืนใหญ่ที่ทำจากทองเหลือง ซึ่งกลายเป็นวัตถุโบราณล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้
ความขัดแย้งเกิดขึ้นเนื่องจาก Odyssey บอกว่าบริเวณที่พบเรือ HMS Victory (ซึ่งจนถึงปัจจุบัน Odyssey ยังปิดเป็นความลับ) อยู่นอกอาณาเขตของประเทศอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษอ้างสิทธิ์ตามกฎหมายทางทหาร ที่ระบุะว่ารัฐบาลมีสิทธิ์และ เป็นเจ้าของทรัพย์สินทุกอย่างบนเรือรบทุกลำที่ยังไม่ได้ปลดระวาง
นายเกรก สเต็มม์ (Greg Stemm) ผู้ร่วมก่อตั้ง Odysseyและเป็นผู้บริหารโอดิสซี่ฯ กล่าวว่า “เรากำลังเจรจากับรัฐบาลอังกฤษเรื่องความร่วมมือในการกู้ซาก เรือเอชเอ็มเอสวิกตอรี ซึ่งนับว่า เป็นการอับปางครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ สำหรับบริเวณที่พบซากเรือมีขนาด 70×200 ฟุต เราได้ใช้หุ่นยนต์บังคับด้วยรีโมตคอนโทรลไปสำรวจใต้น้ำ พร้อมกับถ่ายรูปและวิดีโอที่มีความละเอียดสูงเก็บไว้เป็นข้อมูล”
บริเวณที่เรืออับปางอยู่ห่างจากชายฝั่งอังกฤษ 25-40 ไมล์ นับว่าอยู่ในเขตของทะเลนานาชาติ ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมอังกฤษ แถลงว่า ถ้าซากเรือเป็นของกองทัพอังกฤษจริง เรือลำนี้ก็ยังเป็นของอังกฤษอยู่ และบุคคลใดๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ถ้ารัฐบาลไม่ยินยอม
เรือ HMS Victory อับปางลงระหว่างเดินทางกลับจาก Lisbon ประเทศโปรตุเกส และคาดกันว่าภายในเรือมีเหรียญทองคำจำนวน หนึ่งแสนอัน การค้นพบซากเรือห่างจากจุดเกิดเหตุเดิมกว่า 50 ไมล์ ทำให้ประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ต้องเปลี่ยนไป รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นคาดว่าเรืออับปางเพราะชนหินโสโครก ทำให้ผู้ดูแลประภาคารในขณะถูกดำเนินคดี และ Sir John Balchin ผู้ควบคุมเรือรบลำนี้ต้องมีประวัติด่างพร้อยว่าประมาทในการควบคุมเรือจนทำให้มีผู้เสียชีวิตนับพันคน