marinerthai

“รวมดาว”ใต้สมุทร หลากชนิดใหม่น่านน้ำอินโดฯ

หนังสือพิมพ์ ข่าวสด วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5777

คอลัมน์ สกู๊ปพิเศษ

การสำรวจใต้ทะเลของโครงการทะเลอินโดนีเซีย องค์กรอนุรักษ์นานาชาติ (ซีไอ) Conservation International CI บริเวณใจกลางแนวปะการังสามเหลี่ยมของเอเชียในน่านน้ำอินโดนีเซียเผยให้โลกได้รู้ว่า ภูมิภาคแห่งนี้เป็นท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก

เรือสำรวจขององค์กรอนุรักษ์นานาชาติ (CI)

เพราะรวมเอาสิ่งมีชิวิตไว้ที่นี่ถึงร้อยละ 75 ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลก

ทิวทัศน์ของโลกใต้น้ำที่น่าตื่นตะลึง ปลาฉลามเอเพอเล็ตตัวเล็กๆ แสดงการ “เดิน” ด้วยครีบ ฝูงปลาหลากสีสันกว่า 1,200 ชนิด แหวกว่ายอาศัยอยู่ในแนวปะการังขนาดใหญ่เกือบ 600 ชนิด ท่ามกลางปะการังที่มีสภาพสมบูรณทั้งขนาดและรูปร่าง

เหล่านี้คือความหลากหลายของชีววิทยาทางทะเลอันหาที่เปรียบไม่ได้ของบริเวณที่เรียกว่าแหลมหัวนก (Bird’s Head) ซึ่งได้ชื่อมาจากรูปร่างของแหลมแห่งนี้ที่มีลักษณะโดดเด่นตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือสุดของจังหวัดปาปัว

บริเวณที่เรียกว่าแหลมหัวนก (Bird’s Head)

มาร์ก เอิร์ดแมน ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการทะเลอินโดนีเซีย ผู้นำทีมสำรวจ กล่าวว่า “เราสำรวจใต้ทะเล 6 บริเวณ ใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล 2 สนามรวมกัน ในการสำรวจ 2 ครั้ง พบแนวปะการังขนาดใหญ่กว่า 250 ชนิด ซึ่งมีจำนวนชนิดมากกว่าที่พบในทะเลแคริบเบียนถึง 4 เท่า”

ทีมของซีไอและสถาบันวิทยาศาสตร์ร่วมกันสำรวจพื้นที่ในและนอกชายฝั่งจังหวัดปาปัว พบสัตว์ชนิดใหม่ใต้ท้องทะเลกว่า 50 ชนิด ในอาณาบริเวณ 117 ไร่ รวมถึงตามเกาะแก่งกว่า 2,500 เกาะ และตามแนวปะการังใต้น้ำ

การสำรวจในดินแดนปากัวที่เป็นเทือกเขาโฟจา ในป ก่อน พบ “โลกลี้ลับ” ที่อุดมด้วยนก ผีเสื้อ กบ และสัตว์ป่าชนิดแปลกใหม่มากมาย

ขณะที่ปลา ปะการัง และกั้งกว่า 50 ชนิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเป็นการสำรวจนอกชายฝั่ง ซึ่งรวมไปถึงพื้นที่วางไข่ของเต่ามะเฟืองในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งเป็นที่อาศัยของวาฬบรูดาและโลมาอีกหลายพันธุ์

เอิร์ดแมน กล่าวว่า แนวปะการังของปาปัวเปรียบได้กับโรงงานผลิตความหลากหลายทางชีวภาพที่ต้องอาศัยความเอาใจใส่ของภาครัฐและเอกชน แม้ว่าจำนวนประชากรปาปัวจะเบาบาง แต่ชาวบ้านไปกระจุกตัวอยู่แถวชายฝั่งของแหลมหัวนก และพึ่งพิงอาศัยท้องทะเลในการดำรงชีวิต ทำให้จำเป็นต้องหามาตรการปกป้องระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่สมบูรณ์แห่งนี้จากการประมง การตัดไม้ทำลายป่าและการทำเหมืองที่คุกคามคุณภาพน้ำบริเวณชายฝั่ง

โดยเฉพาะขณะนี้ มีโครงการขยายการประมงเชิงพาณิชย์จากทะเลด้านตะวันตกของอินโดนีเซียมาที่จังหวัดปาปัว ซึ่งจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างแน่นอน

ซูฮาร์โซโน เจ้าหน้าที่ศูนย์สมุทรศาสตร์อินโดนีเซีย กล่าวว่า “เราต้องขอขอบคุณกระทรวงป่าไม้และซีไอ สำหรับข้อมูลชิ้นสำคัญจากการสำรวจและเราก็กำลังตื่นตัวในการวางแผนสำรวจในปี 2550 เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้เราวางแผนการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อปกป้องท้องทะเลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดแห่งนี้ไว้”

Share the Post: