marinerthai

เคลอมองโซ : เรือที่ถูกสาป

หนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10322

โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

เรือบรรทุกเครื่องบิน เคลอมองโซ ของกองทัพเรือฝรั่งเศล

ผู้เขียนเคยทำงานเป็นกรรมกรรายชั่วโมงในช่วงฤดูร้อนกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มลรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2511 (นานเหลือเกิน)

ตอนนั้นงานส่วนใหญ่คือการติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามบ้านต่างๆ ผู้เขียนมีหน้าที่หลักคือตัดแผ่นฉนวนกันความร้อนที่ทำมาจากแร่ใยหิน (asbestos) ที่ปัจจุบันใช้กันมากในประเทศไทย ซึ่งก็ยังจำขั้นตอนของการทำงานได้เป็นอย่างดี

โดยเริ่มจากวัดขนาดช่องฝาผนังและฝ้าเพดานที่จะเอาฉนวนไปติดแล้วก็เอาคัตเตอร์ตัดแผ่นฉนวนที่มีสีเหลืองเป็นฝอยละเอียดหุ้มกระดาษฟอยล์สีเงินที่ใช้กันในอาคารอย่างแพร่หลายในเมืองไทยปัจจุบันนี้นั่นเอง แล้วก็เอาไปยิงด้วยเครื่องเย็บกระดาษขนาดใหญ่ ตามที่ที่ต้องการกรุฉนวน ก็เป็นอันเสร็จงานสำหรับกรรมกรที่ไม่มีฝีมืออย่างผู้เขียน (ข้อเสี่ยงภัยก็มีบ้างตอนที่ต้องปีนขึ้นไปตรงฝ้าเพดาน)

สิ่งที่ยังรู้สึกอยู่บ้างคืออาการคันจากฝอยละเอียดสีเหลืองเหล่านั้น

เมื่อกลับมาเมืองไทยในระยะ 2-3 ปีมานี้เอง (ศตวรรษใหม่แล้ว) ก็ยังคิดว่าจะกรุฝ้าเพดานด้วยวัสดุฝอยสีเหลืองหุ้มกระดาษฟอยล์สีเงินดังกล่าวที่บ้านที่พักอาศัยอยู่เพื่อลดความร้อนลงบ้าง แต่ก็รับการท้วงติงจากเพื่อนฝูงบางคนว่าอย่าทำเลย

พร้อมทั้งเล่าเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินของฝรั่งเศสที่ชื่อ เคลอมองโซ (Clemenceau) ให้ฟัง ซึ่งออกจะซับซ้อนและผู้เขียนฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร แต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะกรุฝ้าเพดานไปตามประสาคนกลัวจิ้งจกทักอย่างว่า

วันนี้ได้อ่านข่าวและเห็นรูปเรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซจากสำนักข่าวเอเอฟพีเรื่อง “Ship of shame” ก็เลยอยากจะเอามาเล่าต่อให้ท่านผู้อ่านที่เคารพพิจารณาดู

เรือบรรทุกเครื่องบิน เคลอมองโซ ขณะเทียบท่าเรือ

กล่าวคือเคลอมองโซนั้นเป็นชื่อนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ถือว่าเป็นรัฐบุรุษของฝรั่งเศสเนื่องจากสามารถต้านทานการรุกรานของเยอรมนีได้จนฝรั่งเศสได้รับชัยชนะไปในที่สุด ดังนั้น จึงมีการตั้งชื่อสิ่งใหญ่โตต่างๆ เช่น ภูเขาในแคนาดา เรือบรรทุกเครื่องบินเป็นเกียรติเป็นอนุสรณ์ตามธรรมเนียม

เรือบรรทุกเครื่องบินชื่อเคลอมองโซนี้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2504 (ปีของผู้ใหญ่ลีและปีที่เริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจของไทยพอดี) แบบว่าเป็นเรือที่อวดแสนยานุภาพของประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากประเทศใดที่ไม่รวยและมั่นคงอย่างเหลือเฟือแล้วการสร้างและมีเรือบรรทุกเครื่องบินไว้ใช้ในประจำการก็คือหาเรื่องให้ประเทศล้มละลายเอาง่ายๆ

(ดูตัวอย่างสหภาพโซเวียตที่เร่งสร้างแสนยานุภาพทางเรือแข่งกับสหรัฐอเมริกาจนต้องล้มละลาย! เรือบรรทุกเครื่องบินที่แพงมากจนเข็ดฟัน ทั้งค่าสร้างและค่าดูแลรักษาตลอดจนค่าเลี้ยงดูทหารนับพันนาย)

เรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซหนักถึง 27,000 ตัน ที่สำคัญที่สุดคือเรือลำนี้ใช้สารจากแร่ใยหินหรือแอสเบสทอสถึง 270 ตันเพื่อเป็นฉนวน

เรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซนี้ก็ได้แล่นไปแล่นมาอวดแสนยานุภาพว่าฝรั่งเศสก็ยังแน่อยู่นะเฟ้ยอยู่จนถึง พ.ศ.2546 พอเรือมีอายุได้ 42 ขวบ ก็ถึงเวลาที่จะต้องถูกปลดระวาง

ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นตรงนี้เอง เนื่องจากในช่วงอายุของเรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซนี้ได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแจ้งชัดแล้วว่าเจ้าผลิตภัณฑ์จากแร่ใยหินที่เรียกแอสเบสทอสนี้นั้นเป็นสาเหตุของการเป็นมะเร็งในมนุษย์เหมือนกับบุหรี่นั่นแหละ

ดังนั้น ทางกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปและประเทศทางตะวันตกที่พัฒนาแล้วทั้งหลายได้ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแอสเบสทอสหรือแร่ใยหินมาเป็นเวลานับสิบๆ ปีแล้ว แม้แต่ประเทศแคนาดาผู้ผลิตแร่ใยหินส่งออกจำหน่ายถึง 95% ของตลาดโลกก็ได้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากแอสเบสทอสนี้โดยพฤตินัยมานานแล้ว

อีทีนี้ทางการฝรั่งเศสก็เลยขายเรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซให้กับบริษัทของประเทศสเปนให้เอาไปรื้อเรือเป็นเศษเหล็ก ซึ่งที่สเปนเองก็รื้อไม่ได้เพราะกฎหมายของสหภาพยุโรปห้ามเอาไว้ เนื่องจากมีแอสเบสทอสอยู่ในเรือตั้ง 270 ตันดังกล่าว สเปนจึงต้องไปจ้างทางตุรกีอีกทอดหนึ่ง แต่ทางตุรกีก็ไม่หิวเงินเขาห่วงสุขภาพของคนของเขามากกว่า ฝรั่งเศสเลยยกเลิกการขายเรือเคลอมองโซให้กับบริษัทสเปนไป

ใน พ.ศ.2548 ทางการฝรั่งเศสได้ว่าจ้างบริษัทของอินเดียให้รื้อเรือเคลอมองโซนี้อีก แต่ทางการประเทศอียิปต์ก็ไม่อนุญาตให้เรือเคลอมองโซแล่นผ่านคลองสุเอซเนื่องจากไม่วางใจในความปลอดภัย

สภาพปัจจุบันของเรือบรรทุกเครื่องบิน เคลอมองโซ

ครั้นอียิปต์ยอมอนุญาตให้เรือเคลอมองโซผ่านคลองสุเอซได้ ปรากฏว่าทางศาลสูงของประเทศอินเดียก็พิพากษาห้ามไม่ให้เรือเคลอมองโซเข้ามายังน่านน้ำของอินเดียทั้งๆ ที่คนงานอินเดียพากันเรียกร้องอยากทำงานในการรื้อเรือบรรทุกเครื่องบินเคลอมองโซโดยข้ออ้างคล้ายๆ กับหญิงบริการบ้านเราเคยพูดเมื่อสมัยโรคเอดส์ระบาดหนักว่า “ไม่กลัวเอดส์หรอก กลัวอดมากกว่า”

ดูเอาเถอะ คนเขากลัวเจ้าแร่ใยหินกันทั้งโลกเลย ในที่สุดเรือเคลอมองโซก็ต้องเดินทางกลับมาที่ฝรั่งเศสหลังจากที่ต้องเดินทางเป็นระยะทาง 18,000 กิโลเมตร ไปกลับจากประเทศอินเดียมาจอดอยู่ที่ท่าเมือง Brest ซึ่งชาวเมืองก็โวยวายกลัวเรื่องพิษของแอสเบสทอสนี่แหละ

จอดอยู่ที่ท่าเมือง Brest

จนกระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องให้สัญญากับชาวเมือง Brest นี้ว่าเรือเคลอมองโซจะไม่จอดอยู่ที่เมืองนี้เกินกว่า พ.ศ.2551 อย่างเด็ดขาด

เรื่องนี้จะจบยังไงก็ไม่รู้ แต่ชาวโลกเขากลัวเรื่องแอสเบสทอสนี่จังเลย แต่ที่บ้านเราดูเฉยๆ กันแฮะ เอามาใช้กันอยู่ทุกวัน การไม่รู้อะไรนี่ก็มีความสุขดีเหมือนกันอย่างที่ฝรั่งเขาว่าแหละ

“Ignorance is bliss.”

Share the Post: