โดย กัปตัน นีโอ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
.เทวรูปโคโลสซูส เทวรูปโคโลสซูส ตั้งอยู่ในทะเลเอเจียน ประเทศกรีซ เป็นรูปสำริดขนาดใหญ่ของสุริยะเทพ หรือเฮลิเอิส สูงประมาณ 32 เมตร ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวหลังการสร้างเพียง 60 ปี
เทวรูปโคโลสซูส เป็นเทพเจ้าที่ชาวกรีกเคารพนับถือมาก ซึ่งชาวเกาะโรดส์มอบให้ปฏิมากรชื่อ ชาเรสแห่งลินดัส (Chares of Lindus) สร้างขึ้นเมื่อ 280 ปี ก่อนคริสต์กาล เทวรูปนี้หล่อด้วยทองสำริดในท่ายืนสูง 100 ฟุต มือขวาถือประทีปเทวรูปตั้งอยู่บนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าว องค์เทวรูปยืนถ่างขาคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดไปมาได้ เทวรูปโคโลสซูส หรือเทพเจ้าอพอลโป ประดิษฐานอยู่บนเกาะโรดส์ ประเทศกรีซ และเมื่อ 224 ปีก่อนคริสต์กาล หรือเพียง 56 ปีหลังสร้างเสร็จ เกิดแผ่นดินไหว ทำให้รูปปั้นมหึมาพังทลายลงมาระเนระนาด ชิ้นส่วนต่าง ๆ ยังคงหลงเหลืออยู่ ไม่มีใครดูแลเอาใจใส่ จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากทองเหลืองที่เหลืออยู่จึงถูกขายให้แก่ชาวเมืองซาราเชนส์ ไปทำอาวุธในการทำสงครามจนหมด ปัจจุบันสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นนี้ได้สูญสลายไปหมด
การสูญเสียสิ่งมหัศจรรย์ของโลกครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์อันเนื่องมาจากการรบราฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ แม้แต่เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเป็นที่เคารพนับถือและเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามก็ยังถูกนำไปสร้างเป็นอาวุธสงครามสำหรับสนองความต้องการในอำนาจของมนุษย์อย่างน่าเสียดาย
ประวัติความเป็นมาของรูปปั้นมหึมานี้
ย้อนกลับไปเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ในปี 357 ก่อน ค.ศ. เกาะโรดส์ (Rhodes – ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศกรีซ) ซึ่งเป็นอีกเมืองท่าสำคัญในยุคนั้น ถูกยึดครองโดยโมโซลูส (Mausolus) แห่งฮาลิคานาสซัส (Halicarnassus) ผู้ที่หลุมศพของพระองค์หรือสุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส (The Mausoleum at Halicarnassus) กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคต้นนั่นเอง
จนถึงปี 332 ก่อนคริสต์กาล ก็กลายเป็นของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander) จนเมื่อสิ้นยุคของพระองค์ อำนาจเหนืออาณาจักรทั้งหลายก็ตกอยู่ในมือของพระเจ้าปโตเลมีแห่งอียิปต์ (Ptolemy), ซีเลอูคัส นิคาเตอร์ (Seleucus) และ แอนติกา (Antigous) อาณาจักรแมซีโดเนียน ชาวเกาะโรดส์ได้ตัดสินใจร่วมรบกับพระเจ้าปโตเลมีแห่งอียิปต์ จากการรุกรานของชาวแมซีโดเนียน
ทำให้แอนติกา (Antigous) ไม่พอใจ จึงส่ง เดมีตริอุส (Demetrius) ลูกชายพร้อมกองทหารแมซีโดเนียน 40,000 คน (ซึ่งมากกว่าประชากรชาวโรคส์ทั้งหมดเสียอีก) เข้าล้อมเกาะไว้ด้วยเรือและทหารมากมาย แต่ชาวเกาะโรดส์ก็ได้ตีกลับและเกิดการปะทะกันอยู่เกือบปีจนได้รับชัยชนะ
ในบรรดาผู้ที่ร่วมปกป้องเกาะโรดส์ก็มีปฏิมากรผู้หนึ่งซึ่งได้ร่วมรบในสงครามครั้งนี้ ชื่อว่า ชาเรส (Chares) แห่ง ลินดัส (Lindos) ด้วยความยินดีปรีดาของชาวโรดส์และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการหลุดพ้นจากชาวแมซีโดเนียน ชาวโรดส์จึงตั้งใจจะสร้างเทวรูปของเทพเจ้า Helios (หรืออพอลโล เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์) โดยมอบให้ ชาร์เรส สร้างรูปปั้นบรอนซ์มหึมาของเทพเจ้าแห่งพระอาทิตย์หรืออพอลโล
เทพเฮลิออส หรือ อพอลโล เป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะของชาวกรีกและโรมันสมัยโบราณ ถือกันว่าสวยที่สุดในจำพวกผู้ชาย รูปปั้นนี้ มีชื่อว่า โคโลสซูส หล่อขึ้นมาจากโลหะต่างๆ ที่เหลือจากการสงครามและชาวแมซีเนียนทิ้งไว้ ชาเรสทำงานหนักตลอดเวลา 12 ปีทุ่มเทให้กับรูปปั้นนี้แต่มีเรื่องเล่าว่า พอรูปปั้นนี้เสร็จเขาก็ได้พบว่าคำนวณสัดส่วนผิดไป ชาเรส ผิดหวังมากถึงกับปลิดชีพตัวเอง แต่กระนั้นก็ไม่มีหลักฐานใดมายืนยันเรื่องเล่าเหล่านี้ รูปปั้นโคโลสซูสนี้ก็มีชื่อเสียงมากถึงกับเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ท่าเรือมันดราคี ประตูแห่งเมืองโรดส์ สันนิษฐานว่าเป็นจุดที่ตั้งของเทวรูปโคโลสซูสแห่งโรดส์
Mandraki harbor – Gates of Rhodes – Colossus of Rhodes. Photo by Sergey Melkonov