ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ – จากที่เรือรายงานสู่ที่เรือดาวเทียม
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ – จากที่เรือรายงานสู่ที่เรือดาวเทียม
บทความโดย :
Capt. Nemo -
กัปตัน นีโม
การค้นพบโลกใหม่ และการเดินทางรอบโลก
ในปลายศตวรรษที่ ๑๕ นักเดินเรือในโปรตุเกสชื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ได้คิดแผนการที่จะออกเดินทางค้นหาเส้นทางไปยังทวีปเอเชียโดยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
แทนการอ้อมใต้ทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นเส้นทางปกติในสมัยนั้น
โดยโคลัมบัสคำนวณระยะทางไปยังเอเชียได้ประมาณ ๓,๐๐๐ ไมล์
จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิศาสตร์และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโลกจากตำราสมัยกรีก
ประกอบกับข้อมูลขนาดของทวีปเอเชียจากบันทึกสมัยปลายศตวรรษที่ ๑๓ ของมาร์โค โปโล
โคลัมบัสได้เสนอแผนดังกล่าวต่อกษัตริย์จอห์นที่สองแห่งโปรตุเกสเพื่อขอรับทุนสนับสนุน
แต่กษัตริย์จอห์นที่สองไม่สนใจแผนของโคลัมบัส
หลายปีต่อมาโคลัมบัสเดินทางไปยังเสปนและได้เสนอแผนการค้นหาเส้นทางไปยังเอเชียต่อราชินี
ISABELLA และกษัตริย์ FERDINAND ใน ครั้งนี้แผนของโคลัมบัสได้รับการสนับสนุน
(หลังจากที่เกือบจะถูกปฏิเสธ) โคลัมบัสออกเดินทางจากเสปน ในปลายปี ค.ศ.๑๔๙๒
(พ.ศ.๒๐๓๕ – ตรงกับสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ในช่วงอยุธยาตอนต้น)
ใช้เวลาเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกว่า ๒ เดือน เป็นระยะทางกว่า ๔,๐๐๐ ไมล์
ซึ่งเกินกว่าระยะทางที่โคลัมบัสได้คำนวณไว้ล่วงหน้า
แต่ที่จริงแล้วเขายังไปได้ไม่ถึงครึ่งของเส้นทางสู่เอเชียด้วยซ้ำ
โคลัมบัสใช้วิธีเดินเรือรายงานเป็นหลัก (เช่นเดียวกับนักเดินเรือส่วนมากในสมัยนั้น)
โดยเครื่องมือเดินเรือที่ โคลัมบัสใช้เป็นหลักคือเข็มทิศแม่เหล็ก และนาฬิกาทราย
โดยถือเข็มไปทางตะวันตกและหาที่เรือรายงานจากการคำนวณความเร็วเรือทุกชั่วโมงด้วยนาฬิกาทราย
จากหลักฐานปูมเรือเดินของโคลัมบัส โคลัมบัสได้ใช้ ASTROLABE
เพื่อพยายามหาละติจูดอยู่สามถึงสี่ครั้งตลอดการเดินทาง
แต่ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โคลัมบัสจึงไม่ได้หาที่เรือ ดาราศาสตร์อีกเลย
โคลัมบัสเดินทางมาถึงหมู่เกาะบาฮามาส์ (ซึ่งเขาเรียกว่าหมู่เกาะอินเดียตะวันตก)
ทางตะวันออกของคิวบาในปัจจุบัน และทำการสำรวจอยู่เกือบสามเดือน
ในระหว่างการสำรวจเขาเสียเรือไป ๑ ลำ จากการเกยหินโสโครก
จากนั้นจึงออกเดินทางกลับเสปนในเดือนมกราคมของปี ค.ศ.๑๔๙๓
ใช้เวลาเดินทางขากลับเกือบสองเดือน
ถึงแม้โคลัมบัสจะไม่พบเส้นทางไปยังทวีปเอเชีย
การค้นพบแผ่นดินทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้มีนักเดินเรือ
และนักสำรวจจำนวนมากเดินทางข้ามมหาสมุทร
แอตแลนติกเพื่อสำรวจโลกใหม่และค้นหาเส้นทางไปยังทวีปเอเชียผ่านโลกใหม่
หนึ่งในนั้นคือนักเดินเรือชาวโปรตุเกส ชื่อเฟอร์ดินาน แมเจลแลน (FERDINAND MAGELLAN)
๒๕ ปีหลังจากการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของโคลัมบัส หรือในปี ค.ศ.๑๕๑๗ (พ.ศ. ๒๐๖๐ –
ยังคงอยู่ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒) แมเจลแลนเสนอแผนการที่จะค้นหาเส้นทางลัดไปยังทวีปเอเชียโดยอ้อมทางใต้ของโลกใหม่
(หรือทวีปอเมริกาใต้ในปัจจุบัน) ต่อกษัตริย์ชารลส์ที่หนึ่ง (CHARLES I) แห่งเสปน
โดยแมเจลแลนคาดการณ์ว่าเมื่อเดินทางอ้อมใต้โลกใหม่ไปแล้วเขาสามารถเดินทางไปถึงหมู่เกาะ
เครื่องเทศ ซึ่งเป็นประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบันได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
แผนการเดินทางของแมแจลแลนเป็นที่สนใจของกษัตริย์เสปนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากในขณะนั้นโปรตุเกสกำลังควบคุมเส้นทางเดินเรือไปยังเอเชียผ่านทางทวีปแอฟริกา
เสปนจึงต้องการเส้นทางไปยังเอเชียของ ตนเอง และกษัตริย์ชารลส์ที่หนึ่ง
ได้มอบเรือจำนวน ๕ ลำ พร้อมลูกเรือ ให้กับแมเจแลน โดยมีข้อแม้ว่าแมเจลแลน
(ซึ่งเป็นชาวโปรตุเกส) จะต้องใช้ลูกเรือชาวเสปนเป็น ส่วนใหญ่
แมเจลแลนออกเดินทางจากเสปนในปลายปี ค.ศ.๑๕๑๙
แต่การค้นหาเส้นทางผ่าน แผ่นดินใหญ่ (แมเจลแลนนำเรือหลงเข้าไปในแม่น้ำและอ่าวปิดหลายครั้ง)
และความหนาวเย็นของทะเลใกล้ขั้วโลกใต้ ทำให้แมเจลแลนเสียเวลาจนถึงปลายปี ค.ศ.๑๕๒๐
กว่าจะผ่านช่องแคบ (ซึ่ง ต่อมาตั้งชื่อว่าช่องแคบแมเจลแลน
เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ) ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ซึ่งในระหว่างการเดินทางในช่วงต้นนั้นแมเจลแลนเสียเรือไป ๒ ลำ
หลังจากที่ผ่านปลายใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ แมเจลแลนเดินทางร่วมสองเดือนโดยไม่เห็นฝั่งหรือเกาะเลย
การที่แมเจลแลนใช้เวลาข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกนานกว่าที่ประมาณไว้มากทำให้ปริมาณอาหารและน้ำจืดไม่เพียงพอ
ในระหว่างนี้แมเจลแลนสูญเสียลูกเรือไปอีก ๑๙ คน ในเดือนมีนาคม ค.ศ.๑๕๒๑ แมเจลแลนเดินทางมาถึง
หมู่เกาะซึ่งเป็นประเทศฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน
ใช้เวลาข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมดกว่าสามเดือน
แมเจลแลนเสียชีวิตลงที่ฟิลิปปินส์จากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างคน
พื้นเมือง แต่ถึงแม้จะเสียผู้นำใหญ่ไป
ลูกเรือทั้งหมดก็รู้ว่าตนได้เดินทางมาถึงเอเชียแล้ว
จึงได้เดินทางต่อไปยังหมู่เกาะเครื่องเทศ (อินโดนีเซียในปัจจุบัน)
ก่อนที่จะกลับเสปนตามแผนเดิมของแมเจลแลนด้วยลูกเรือที่เหลืออยู่ ๑๑๕ คน กับเรือ ๒
ลำ (เรือลำที่สามถูกเผาทิ้งเนื่องจากจำนวนคนไม่พอที่จะเดินเรือทั้งสามลำ)
ภายใต้การนำของ เซบาสเตียน เดลคาโน เมื่อถึงหมู่เกาะเครื่องเทศแล้ว เดลคาโนตัดสินใจที่จะแยกเรือทั้งสองลำ
โดยให้ลำหนึ่งเดินทางต่อไปยังเสปนผ่านทวีปแอฟริกา
ส่วนอีกลำเดินทางกลับทางเดิมผ่านทวีปอเมริกาใต้ ในที่สุดจากเรือทั้งหมด ๕ ลำ
กับลูกเรือกว่า ๒๐๐ คน มีเพียงเรือ ๑ ลำ (ลำที่เดลคาโนนำผ่านทวีปแอฟริกา)
กับลูกเรือ ๑๘ คนที่รอดกลับไปถึงเสปนได้ในเดือนกันยายน ค.ศ.๑๕๒๒
รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้นเกือบ ๓ ปี
::
หน้าที่
1
|
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 ::