ภาคก.
ข้อกำหนดภาคบังคับเกี่ยวกับบทบัญญัติของ
บทที่11-2ของภาคผนวกแนบท้าย
อนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเลค.ศ.1974
ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
1 บททั่วไป
1.1 บทนำ
ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศส่วนนี้ประกอบด้วยข้อกำหนดที่เป็นภาคบังคับโดยอ้างถึงบทที่11-2ของอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเลค.ศ.1974ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
1.2 วัตถุประสงค์
ประมวลข้อบังคับนี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1.
เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือที่เป็นสากลระหว่างรัฐภาคีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานท้องถิ่นตลอดจนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางเรือและท่าเรือในการตรวจสอบภัยคุกคามต่อความปลอดภัยและกำหนดมาตรการป้องกันต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นต่อเรือหรือท่าเรือที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศ
2.
เพื่อกำหนดบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐภาคีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานท้องถิ่นตลอดจนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางเรือและท่าเรือทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติเพื่อให้แน่ใจว่าได้มีการรักษาความปลอดภัยทางทะเลอย่างเหมาะสม
3.
เพื่อให้มีการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4.
เพื่อจัดให้มีวิธีการสำหรับการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยเพื่อใช้ในการจัดทำแผนและขั้นตอนการปฏิบัติที่สอดคล้องกับระดับการรักษาความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงไป
5.
เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทางทะเลอย่างเพียงพอและเหมาะสม
1.3 ข้อกำหนดในบทบาทหน้าที่
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้นประมวลข้อบังคับนี้ประกอบด้วยข้อกำหนดในบทบาทหน้าที่หลายประการดังเช่นข้อกำหนดอย่างน้อยดังต่อไปนี้
1.
การรวบรวมและประเมินข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับภัยคุกคามต่อความปลอดภัยและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวกับรัฐภาคีอื่นที่เกี่ยวข้อง
2.
การกำหนดให้มีแบบแผนพิธีการในการสื่อสารสำหรับเรือและท่าเรือ
3.
การป้องกันการผ่านเข้าถึงเรือท่าเรือหรือเขตหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.
การป้องกันการนำอาวุธอุปกรณ์ในการก่อเหตุร้ายหรือวัตถุระเบิดเข้าไปในเรือหรือท่าเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
5.
การจัดให้มีวิธีการในการเตือนภัยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นหรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
6.
การกำหนดให้จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือและของท่าเรือบนพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัย
7.
การกำหนดให้มีการฝึกอบรมการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อมเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมีความคุ้นเคยกับแผนการรักษาความปลอดภัยและขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ
2 คำจำกัดความ
2.1เพื่อจุดมุ่งหมายของประมวลข้อบังคับส่วนนี้เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
1.
อนุสัญญาหมายถึงอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเลค.ศ.1974ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
2.
กฎข้อบังคับหมายถึงกฎข้อบังคับของอนุสัญญา
3.
บทหมายถึงบทของอนุสัญญา
4.
แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหมายถึงแผนที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่ามีการใช้มาตรการบนเรือเพื่อปกป้องคนบนเรือสินค้าตู้สินค้าอุปกรณ์เครื่องใช้ของเรือหรือตัวเรือจากความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
5.
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือหมายถึงแผนที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่ามีการใช้มาตรการที่จัดทำขึ้นเพื่อปกป้องท่าเรือและพื้นที่ต่อเนื่องตลอดจนตัวเรือคนสินค้าตู้สินค้าของใช้ประจำเรือภายในเขตท่าเรือจากความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
6.
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือหมายถึงบุคคลบนเรือที่ได้รับมอบหมายจากนายเรือให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของเรือรวมทั้งการปฏิบัติตามและดูแลรักษาแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือและทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ
7.
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทหมายถึงบุคคลที่ได้รับการมอบหมายจากบริษัทเพื่อดำเนินการให้แน่ใจว่าได้มีการจัดทำการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือการนำเสนอแผนเพื่อขออนุมัติจากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตลอดจนการปฏิบัติตามและการดูแลรักษาแผนและทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือ
8.
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือหมายถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดทำการปฏิบัติตามการแก้ไขปรับปรุงและการดูแลรักษาแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัท
9.
ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่1หมายถึงระดับที่จะต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงป้องกันที่เหมาะสมขั้นต่ำตลอดเวลา
10. ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่2หมายถึงระดับที่จะต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงป้องกันเพิ่มเติมตามความเหมาะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่งอันเป็นผลมาจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยสูงขึ้น
11. ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3หมายถึงระดับที่จะต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงป้องกันเป็นการเฉพาะเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเมื่อมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือเกิดภัยคุกคามแม้ว่าจะไม่สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนได้
2.2 คำว่า“เรือ”ในประมวลข้อบังคับนี้ให้หมายความรวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันและยานความเร็วสูงตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อบังคับที่11-2/1
2.3 คำว่า“รัฐภาคี”ที่กล่าวถึงในส่วนของท่าเรือคือในส่วนที่14ถึง18ให้หมายความรวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายด้วย
2.4 ข้อความใดที่ไม่ได้กำหนดคำจำกัดความไว้ในส่วนนี้ให้มีความหมายเช่นเดียวกันกับที่กำหนดไว้ในบทที่Iและบทที่11-2
3 การบังคับใช้
3.1 ประมวลข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับกับ
1เรือเดินระหว่างประเทศประเภทต่างๆดังต่อไปนี้
.1เรือโดยสารรวมถึงยานโดยสารความเร็วสูง
.2เรือสินค้ารวมถึงยานความเร็วสูงที่มีขนาด500ตันกรอสและมากกว่า
.3แท่นขุดเจาะน้ำมันและ
.2ท่าเรือที่ให้บริการแก่เรือเดินระหว่างประเทศ
3.2 แม้ว่าจะมีบทบัญญัติในส่วนที่3.1.2อยู่แล้วแต่รัฐภาคีจะต้องกำหนดขอบเขตการใช้บังคับของประมวลข้อบังคับในส่วนนี้ให้ครอบคลุมท่าเรือในประเทศที่ปกติใช้ให้บริการเรือที่เดินภายในประเทศแต่ได้ใช้ให้บริการเรือที่เดินทางมาจากต่างประเทศหรือจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งคราว
3.2.1
รัฐภาคีจะต้องกำหนดขอบเขตการใช้บังคับตามส่วนที่3.2บนพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือตามภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
3.2.2
การตัดสินใจใดๆของรัฐภาคีตามส่วนที่3.2จะต้องไม่น้อยกว่าระดับการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดไว้ตามบทที่11-2หรือตามหมวดนี้ของประมวลข้อบังคับ
3.3 ประมวลข้อบังคับนี้ไม่ใช้บังคับกับเรือรบเรือช่วยรบหรือเรือราชการของรัฐภาคีที่มิได้ใช้ในเชิงการค้า
3.4 ส่วนที่5ถึง13และ19ของภาคนี้ใช้บังคับกับบริษัทและเรือตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อบังคับที่11-2/4
3.5 ส่วนที่5และ14ถึง18ของภาคนี้ใช้บังคับกับท่าเรือตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อบังคับที่11-2/10
3.6 ประมวลข้อบังคับนี้จะไม่ขัดต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายระหว่างประเทศ
4 หน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐภาคี
4.1 ตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับที่11-2/3และ11-2/7รัฐภาคีจะต้องกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยและจัดทำแนวทางปฏิบัติในการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยระดับการรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้นจะบ่งชี้ถึงโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยที่สูงขึ้นด้วยปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึงในการจัดระดับการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมประกอบด้วย
1.
ระดับที่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยมีความน่าเชื่อถือ
2.
ระดับที่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยได้รับการยืนยัน
3.
ระดับที่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยมีลักษณะระบุชี้ชัดหรือใกล้จะเกิดขึ้นและ
4.
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
4.2 เมื่อกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3รัฐภาคีต้องจัดทำคำแนะนำที่เหมาะสมตามความจำเป็นและต้องแจ้งข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยให้แก่เรือและท่าเรือที่อาจได้รับผลกระทบทราบด้วย
4.3 รัฐภาคีอาจมอบหมายให้องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับให้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยบางประการภายใต้ข้อกำหนดของบทที่11-2และในหมวดนี้ของประมวลข้อบังคับยกเว้น
1.
การกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยที่จะใช้บังคับ
2.
การอนุมัติรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือและการแก้ไขรายงานการประเมินที่ได้รับอนุมัติแล้ว
3.
การพิจารณากำหนดท่าเรือที่ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ
4.
การอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและการแก้ไขแผนที่ได้รับอนุมัติแล้ว
5.
การควบคุมและกำกับการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดในกฎข้อบังคับข้อ11-2/9
6.
การจัดทำข้อกำหนดในการออกปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย
4.4 รัฐภาคีต้องทดสอบประสิทธิผลของแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือหรือข้อแก้ไขของแผนดังกล่าวที่ได้อนุมัติไปหรือที่ได้มอบอำนาจไปในกรณีของเรือตามความเหมาะสม
5 ปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย
5.1 รัฐภาคีต้องกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่จำเป็นจะต้องมีการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยโดยการประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติการระหว่างเรือกับท่าเรือหรือระหว่างเรือกับเรือที่มีต่อบุคคลทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
5.2 เรืออาจร้องขอให้มีการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยเมื่อ
- เรือนั้นกำลังปฏิบัติงานในระดับการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่าท่าเรือหรือเรือที่เทียบท่าอยู่
- มีความตกลงเรื่องปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยระหว่างรัฐภาคีโดยครอบคลุมเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศบางเส้นทางหรือเรือบางลำในเส้นทางดังกล่าว
- เมื่อมีภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยหรือมีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยเกิดขึ้นกับเรือหรือท่าเรือที่ใช้บังคับ
- เมื่อเรืออยู่ในท่าเรือที่ไม่ถูกบังคับให้มีและปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่ได้รับอนุมัติ
- เมื่อมีการปฏิบัติงานระหว่างเรือลำนั้นกับเรืออื่นที่ไม่ถูกบังคับให้มีและปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติ
5.3 การร้องขอให้มีการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยตามข้อกำหนดในส่วนนี้ของประมวลข้อบังคับจะต้องแจ้งให้ท่าเรือและเรือที่อยู่ในบังคับของประมวลข้อบังคับนี้ทราบ
5.4 การจัดทำปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยต้องดำเนินการโดย
- นายเรือหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือที่ได้รับมอบอำนาจตามที่เห็นสมควร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือหรือผู้อื่นซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยบริเวณท่าเรือโดยได้รับมอบหมายจากท่าเรือหากรัฐภาคีมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
5.5 ปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยต้องระบุข้อกำหนดในการรักษาความปลอดภัยที่สามารถใช้ร่วมกันระหว่างท่าเรือกับเรือ(หรือระหว่างเรือ)และต้องระบุหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่าย
รัฐภาคีต้องกำหนดระยะเวลาอย่างน้อยที่ท่าเรือภายในอาณาเขตของรัฐภาคีนั้นจะต้องเก็บรักษาปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยไว้ตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับที่11-2/9.2.3
5.7 รัฐภาคีต้องกำหนดระยะเวลาอย่างน้อยที่สุดที่เรือที่ชักธงของรัฐนั้นต้องเก็บรักษาปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยไว้ตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับที่11-2/9.2.3
6 พันธกรณีของบริษัทเรือ
6.1 บริษัทเรือต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือมีข้อกำหนดเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของนายเรือไว้อย่างแจ้งชัดให้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการตัดสินใจเกี่ยวกับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของเรือและสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากบริษัทเรือหรือรัฐภาคีใดๆได้หากมีความจำเป็น
6.2 บริษัทเรือต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทนายเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบได้สำเร็จลุล่วงตามข้อกำหนดของบทที่11-2และในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
7 การรักษาความปลอดภัยของเรือ
7.1 เรือต้องปฏิบัติตามระดับการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดโดยรัฐภาคีดังต่อไปนี้
7.2 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่1เรือทุกลำจะต้องดำเนินการต่างๆด้วยมาตรการที่เหมาะสมเพื่อกำหนดให้มีและใช้มาตรการเชิงป้องกันต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับดังนี้
- การดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเรือ
- การควบคุมช่องทางเข้าสู่เรือ
- การควบคุมการขึ้นเรือของบุคคลรวมทั้งของใช้ประจำตัว
- การเฝ้าระวังเขตหวงห้ามเฉพาะให้เข้าได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
- การเฝ้าระวังบริเวณดาดฟ้าเรือและบริเวณรอบตัวเรือ
- การควบคุมดูแลการขนถ่ายสินค้าและของใช้ประจำเรือ
- การดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าการติดต่อสื่อสารเพื่อการรักษาความปลอดภัยสามารถใช้งานได้ตามปกติ
7.3 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่2เรือจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเชิงป้องกันที่เพิ่มขึ้นดังที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือตามหัวข้อต่างๆที่กำหนดไว้ในส่วนที่7.2ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
7.4 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3เรือจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเชิงป้องกันเฉพาะที่เพิ่มขึ้นดังที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือตามหัวข้อต่างๆที่กำหนดไว้ในส่วนที่7.2ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
7.5 เมื่อรัฐภาคีได้กำหนดให้ใช้ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่2หรือ3เรือต้องรับทราบคำสั่งในการเปลี่ยนแปลงระดับการรักษาความปลอดภัย(เป็นลายลักษณ์อักษร)
7.6 ก่อนที่เรือจะเข้าเมืองท่าหรือขณะที่อยู่ในท่าเรือภายในอาณาเขตของรัฐภาคีที่ได้กำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่2หรือ3เรือต้องรับทราบคำสั่งการกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัย(เป็นลายลักษณ์อักษร)และต้องยืนยันกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือว่าจะเริ่มใช้มาตรการและขั้นตอนการปฏิบัติที่เหมาะสมดังรายละเอียดที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือสำหรับในกรณีที่รัฐภาคีได้มีคำสั่งกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3เรือต้องรายงานปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการที่เกิดขึ้นและในกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือจะต้องประสานงานและร่วมมือกันเพื่อปฏิบัติการตามความเหมาะสม
7.7 หากเรือได้รับคำสั่งจากทางการหรือได้ทำการกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยของเรือในระดับที่สูงกว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่เรือจะเข้าเทียบหรืออยู่ในท่าเรือนั้นแล้วเรือจะต้องแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบของรัฐภาคีที่ดูแลท่าเรือนั้นและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือให้ทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว
7.7.1 ในกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือจะต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและร่วมมือในการดำเนินการที่เหมาะสมตามความจำเป็น
7.8 ทางการที่ได้กำหนดให้เรือที่ชักธงของตนใช้ระดับการรักษาความปลอดภัยในระดับที่2และ3ในท่าเรือของรัฐภาคีอื่นต้องแจ้งให้รัฐภาคีนั้นทราบโดยไม่ชักช้า
7.9 เมื่อรัฐภาคีได้กำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยและดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับระดับการรักษาความปลอดภัยให้แก่เรือที่อยู่ในน่านน้ำอาณาเขตหรือที่ได้มีการติดต่อยืนยันการจะเข้ามาในน่านน้ำแล้วจะต้องแจ้งให้เรือดังกล่าวเฝ้าระวังความปลอดภัยและต้องรายงานข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจและอาจจะมีผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัยทางทะเลในพื้นที่นั้นให้ทางการหรือรัฐชายฝั่งใกล้เคียงทราบโดยทันที
7.9.1 เมื่อได้แจ้งการกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยให้เรือดังกล่าวทราบแล้วรัฐภาคีต้องให้คำแนะนำแก่เรือเหล่านั้นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เรือควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้ตลอดจนมาตรการต่างๆที่รัฐภาคีได้ดำเนินการไปแล้วเพื่อป้องกันภัยคุกคามตามที่เห็นสมควร
8 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือ
8.1 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือเป็นส่วนที่จำเป็นที่จะทำให้กระบวนการจัดทำและปรับปรุงแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือมีความสมบูรณ์
8.2 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือได้ดำเนินการโดยบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญที่มีทักษะเหมาะสมในการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือตามความในส่วนนี้ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในหมวดข.ของประมวลข้อบังคับ
8.3 ตามข้อกำหนดในส่วนที่9.2.1องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับอาจจัดทำการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือให้แก่เรือลำใดลำหนึ่งได้
8.4 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือต้องรวมถึงการสำรวจการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่และอย่างน้อยต้องมีส่วนประกอบต่างๆดังนี้
- การระบุมาตรการในการรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่เดิมกระบวนการและการปฏิบัติการที่มีอยู่
- การระบุและการประเมินการปฏิบัติงานบนเรือที่สำคัญที่ทำให้จำเป็นต้องมีการป้องกัน
- การระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นต่อการปฏิบัติงานบนเรือที่สำคัญและแนวโน้มของการเกิดภัยคุกคามดังกล่าวเพื่อจัดทำและกำหนดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัย
- การระบุจุดอ่อนรวมถึงปัจจัยบุคคลในด้านโครงสร้างพื้นฐานนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติ
8.5 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือต้องจัดทำเป็นเอกสาร(รายงาน)มีการทบทวนรับรองและจัดเก็บไว้โดยบริษัท
9 แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือ
9.1 เรือแต่ละลำต้องมีแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติโดยทางการแล้วไว้ประจำบนเรือแผนดังกล่าวต้องมีข้อกำหนดในการรักษาความปลอดภัยทั้ง3ระดับตามที่ได้แสดงไว้ในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
9.1.1 ตามข้อกำหนดในส่วนที่9.2.1องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับอาจจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือให้แก่เรือลำใดลำหนึ่งได้
9.2 ทางการอาจมอบหมายให้องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับทำการตรวจสอบและอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือข้อแก้ไขของแผนที่ได้รับอนุมัติแล้ว
9.2.1 ในกรณีดังกล่าวองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับให้ทำการตรวจสอบและอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือข้อแก้ไขของแผนที่ได้รับอนุมัติแล้วสำหรับเรือลำใดลำหนึ่งจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือหรือการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือข้อแก้ไขของแผนดังกล่าวซึ่งองค์กรดังกล่าวกำลังดำเนินการตรวจสอบ
9.3 ในการนำเสนอเพื่อขออนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือข้อแก้ไขของแผนที่ได้รับอนุมัติแล้วต้องแนบรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำแผนหรือข้อแก้ไขที่ได้จัดทำขึ้นด้วย
9.4 แผนการรักษาความปลอดภัยจะต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรในภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติงานของเรือตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้หากภาษาดังกล่าวไม่ใช่ภาษาอังกฤษฝรั่งเศสหรือสเปนแผนดังกล่าวจะต้องแปลเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งในสามภาษาดังกล่าวด้วยแผนต้องแสดงรายละเอียดต่างๆดังต่อไปนี้
- มาตรการที่กำหนดขึ้นเพื่อป้องกันการจงใจใช้อาวุธวัตถุอันตรายหรืออุปกรณ์ทำอันตรายต่อบุคคลเรือหรือท่าเรือและการพกพาสิ่งของเหล่านั้นขึ้นเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การกำหนดเขตหวงห้ามและมาตรการป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่านเข้าไป
- มาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตขึ้นไปบนเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยหรือการฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัยรวมทั้งข้อกำหนดให้มีการปฏิบัติการที่สำคัญของเรือหรือระหว่างเรือกับท่าเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อตอบสนองต่อคำแนะนำด้านการรักษาความปลอดภัยของรัฐภาคีที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อทำการอพยพในกรณีที่เกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยหรือการฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัย
- หน้าที่ของคนประจำเรือที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและหน้าที่ของคนประจำเรืออื่นๆในด้านการรักษาความปลอดภัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจสอบการดำเนินการรักษาความปลอดภัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับการฝึกอบรมการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อมที่เกี่ยวข้องกับแผน
- ขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องประสานงานกับท่าเรือในการดำเนินการรักษาความปลอดภัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติในการทบทวนแผนตามช่วงเวลาและการปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติในการรายงานเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
- การระบุผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือ
- การระบุผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทรวมทั้งรายละเอียดที่สามารถติดต่อได้ตลอด24ชั่วโมง
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้แน่ใจว่ามีการตรวจสอบการทดสอบการปรับแต่งและการบำรุงรักษาอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่จัดหาไว้บนเรือ
- ความถี่ของการทดสอบหรือการปรับแต่งของอุปกรณ์เพื่อการรักษาความปลอดภัยที่จัดหาไว้บนเรือ
- การระบุตำแหน่งที่เปิดสัญญาณเตือนภัยของระบบการรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งบนเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติข้อแนะนำและแนวทางปฏิบัติในการใช้ระบบเตือนภัยของเรือรวมทั้งการทดสอบการเปิดสัญญาณการเลิกสัญญาณและการจำกัดการส่งสัญญาณผิดพลาด
9.4.1 บุคคลที่ทำหน้าที่ตรวจสอบภายในสำหรับการดำเนินการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดไว้ในแผนหรือทำหน้าที่ประเมินการปฏิบัติตามแผนจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ทำการตรวจสอบเว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านจำนวนบุคลากรหรือแนวปฏิบัติของบริษัทหรือเรือ
9.5 ทางการมีอำนาจในการระงับใช้แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจนกว่าข้อเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นจะได้รับอนุมัติจากรัฐภาคีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้องมีประสิทธิผลไม่น้อยกว่ามาตรการที่กำหนดไว้ในบทที่11-2และในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
9.5.1 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือหรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษจากทางการตามส่วนที่9.5ต้องจัดทำเป็นเอกสารที่แสดงถึงการอนุมัติอย่างชัดเจนเอกสารการอนุมัตินี้จะต้องเก็บไว้บนเรือและต้องนำออกแสดงพร้อมกับใบสำคัญรับรองว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศ(หรือใบสำคัญรับรองชั่วคราว)หากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขนี้เป็นการชั่วคราวเมื่อมีการบังคับใช้มาตรการหรือมีการใช้อุปกรณ์ตามที่กำหนดไว้แต่เดิมแล้วเอกสารการอนุมัติดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้บนเรืออีกต่อไป
9.6 แผนการรักษาความปลอดภัยอาจจัดเก็บไว้ในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์ก็ได้ซึ่งในกรณีดังกล่าวต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติในการป้องกันมิให้มีการลบการทำลายหรือการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
9.7 แผนการรักษาความปลอดภัยต้องมีการป้องกันการเข้าถึงหรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต
9.8 แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐภาคีในการควบคุมและการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในกฎข้อบังคับข้อ11-2/9เว้นแต่ในสถานการณ์ที่กำหนดไว้ในส่วนที่9.8.1
9.8.1 หากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐภาคีมีมูลเหตุที่ชัดเจนที่เชื่อได้ว่าเรือไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดของบทที่11-2หรือ
ภาค
ก.ของประมวลข้อบังคับนี้และหนทางเดียวที่จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขการไม่ปฏิบัติตามนั้นคือการทบทวนข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรืออาจอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวตรวจสอบแผนเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามแผนเป็นกรณีพิเศษแต่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐภาคีของเรือหรือนายเรือของเรือนั้นอย่างไรก็ตามข้อกำหนดในแผนตามส่วนที่9.4อนุส่วนที่.2,.4,.5,.7,.15,.17และ.18ในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้ให้ถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับและไม่สามารถทำการตรวจสอบได้หากไม่มีข้อตกลงกับรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องไว้เป็นอย่างอื่น
10 การบันทึก
10.1 การบันทึกกิจกรรมต่างๆตามที่ระบุไว้ในแผนรักษาความปลอดภัยของเรือต้องเก็บรักษาไว้บนเรือในช่วงระยะเวลาที่สั้นที่สุดตามที่ทางการกำหนดโดยต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของกฎข้อบังคับข้อ11-2/9.2.3ด้วย
- การฝึกอบรมการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อม
- ภัยคุกความต่อความปลอดภัยและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
- การฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัย
- การปรับเปลี่ยนระดับการรักษาความปลอดภัย
- การติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของเรือโดยตรงเช่นภัยคุกคามต่อเรือหรือท่าเรือที่เรือจอดอยู่หรือเคยจอดอยู่
- การตรวจสอบภายในและการทบทวนกิจกรรมการรักษาความปลอดภัย
- การทบทวนรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือตามช่วงเวลา
- การทบทวนแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือตามช่วงเวลา
- การปฏิบัติตามข้อแก้ไขใดๆของแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือ
- การบำรุงรักษาการปรับแต่งและการทดสอบอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่จัดไว้บนเรือรวมทั้งการทดสอบระบบสัญญาณเตือนภัยในการรักษาความปลอดภัยของเรือด้วย
10.2 การบันทึกต้องบันทึกด้วยภาษาที่ใช้ปฏิบัติงานของเรือหากภาษาดังกล่าวไม่ใช่ภาษาอังกฤษฝรั่งเศสหรือสเปนต้องแปลเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งในสามภาษาดังกล่าวด้วย
10.3 การบันทึกอาจจัดเก็บไว้ในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์ก็ได้ซึ่งในกรณีดังกล่าวต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติในการป้องกันมิให้มีการลบการทำลายหรือการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
10.4 การบันทึกต้องมีการป้องกันการเข้าถึงหรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต
11 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัท
11.1 บริษัทเรือจะต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทโดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเรือได้มากกว่าหนึ่งลำทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนหรือประเภทของเรือที่บริษัทใช้ประกอบการและจะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทรายใดรับผิดชอบเรือลำใดบริษัทอาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทได้มากกว่าหนึ่งคนขึ้นอยู่กับจำนวนหรือประเภทของเรือที่บริษัทใช้ประกอบการโดยจะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทรายใดรับผิดชอบเรือลำใด
11.2 นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในส่วนอื่นในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทจะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างน้อยดังนี้
- แจ้งให้ทราบถึงระดับของภัยคุกคามที่เรืออาจต้องประสบโดยใช้รายงานการประเมินสถานการณ์ ความปลอดภัยของเรือที่เหมาะสมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการจัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือนำแผนดังกล่าวเสนอขออนุมัติและหลังจากนั้นได้มีการนำไปปฏิบัติและเก็บรักษา
- ดำเนินการเพื่อให้แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือได้รับการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องตามความ เหมาะสมและรองรับความต้องการในการรักษาความปลอดภัยของเรือแต่ละลำ
- ดำเนินการให้มีการตรวจสอบภายในและทบทวนกิจกรรมในการรักษาความปลอดภัย
- ดำเนินการให้มีการตรวจสอบทั้งในครั้งแรกก่อนนำเรือออกใช้งานและการตรวจสอบตามกำหนดเวลาโดยทางการหรือองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการหยิบยกและจัดการกับข้อบกพร่องและสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของแผนที่ค้นพบระหว่างการตรวจสอบภายในการตรวจสอบตามระยะเวลาการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนโดยทันที
- ส่งเสริมให้มีความตระหนักและเฝ้าระวังในการรักษาความปลอดภัย
- ดำเนินการเพื่อให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเรืออย่างเพียงพอ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและมีการร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยประจำเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ
- ดำเนินการเพื่อให้ข้อกำหนดในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและข้อกำหนดในเรื่องความปลอดภัยของเรือมีความสอดคล้องกัน
- ดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าหากมีการใช้แผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ต่อรุ่นเดียวกันหรือมีการใช้แผนการรักษาความปลอดภัยของกองเรือเดียวกันแผนการรักษาความปลอดภัยที่นำมาใช้บนเรือแต่ละลำจะต้องสะท้อนถึงข้อมูลที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของเรือลำนั้นอย่างถูกต้องและ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการปฏิบัติตามและคงไว้ซึ่งทางเลือกหรือการจัดการอื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้รับอนุมัติสำหรับเรือแต่ละลำหรือกองเรือแต่ละกองเรือ
12 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือ
12.1 จะต้องมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือสำหรับเรือแต่ละลำ
12.2นอกเหนือจากที่กำหนดไว้แล้วในส่วนอื่นของประมวลข้อบังคับนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือจะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างน้อยดังนี้
- ตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยของเรืออย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
- คงไว้และอำนวยการให้มีการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือและข้อแก้ไขของแผนดังกล่าว
- ประสานงานการรักษาความปลอดภัยในด้านต่างๆที่เกี่ยวกับการขนถ่ายสินค้าและของใช้ประจำเรือกับคนประจำเรือและกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือที่เกี่ยวข้อง
- เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือ
- รายงานต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทถึงข้อบกพร่องและสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของแผนที่ตรวจพบระหว่างการตรวจสอบภายในการตรวจสอบตามระยะเวลาการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนและดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง
- ส่งเสริมให้มีความตระหนักและเฝ้าระวังในการรักษาความปลอดภัย
- ดำเนินการเพื่อให้คนประจำเรือได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเรืออย่างเพียงพอตามความเหมาะสม
- รายงานเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทั้งหมด
- ประสานการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยประจำบริษัทและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและ
- ดำเนินการเพื่อให้มีการใช้ทดสอบปรับแต่งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม
13 การฝึกอบรมการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบนเรือ
13.1 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทและเจ้าหน้าที่บนฝั่งจะต้องมีความรู้และได้รับการฝึกอบรมตามแนวทางที่แสดงไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
13.2 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือจะต้องมีความรู้และได้รับการฝึกอบรมตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
13.3 คนประจำเรือที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยจะต้องเข้าใจถึงความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของเรือตามที่ระบุในแผนการรักษาความปลอดภัยและจะต้องมีความรู้และความสามารถอย่างเพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
13.4 ดำเนินการเพื่อให้มีการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของเรืออย่างมีประสิทธิผลมีการฝึกปฏิบัติตามช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงประเภทของเรือการเปลี่ยนคนประจำเรือท่าเรือที่เรือจะเข้าเทียบท่าและภาวะแวดล้อมอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
13.5 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการประสานงานและการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของเรืออย่างมีประสิทธิผลโดยมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
14 การรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
14.1 ท่าเรือจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยตามระดับการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดโดยรัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่จะต้องใช้มาตรการและขั้นตอนการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยกับท่าเรือนั้นในทางที่ทำให้เกิดการแทรกแซงหรือความล่าช้าต่อผู้โดยสารเรือเรือคนประจำเรือและผู้มาติดต่อสินค้าและการบริการน้อยที่สุด
14.2 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่1จะต้องมีการดำเนินการโดยใช้มาตรการที่เหมาะสมกับสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือทุกประเภทตามแนวทางที่กำหนดไว้ใน
ภาคข. ของประมวลข้อบังคับนี้เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยดังต่อไปนี้
- การดำเนินการเพื่อให้มีการปฏิบัติหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยภายในท่าเรือทั้งหมด
- การควบคุมทางเข้าออกท่าเรือ
- การสอดส่องดูแลท่าเรือรวมทั้งที่ทอดสมอและบริเวณท่าเทียบเรือ
- การสอดส่องดูแลเขตหวงห้ามเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ผ่านเข้าออกเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
- การอำนวยการในการขนถ่ายสินค้า
- การอำนวยการในการขนถ่ายของใช้ประจำเรือและ
- การดำเนินการเพื่อให้ระบบการสื่อสารเพื่อการรักษาความปลอดภัยมีความพร้อมอยู่เสมอ
14.3 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่2จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือสำหรับแต่ละกิจกรรมตามรายละเอียดในส่วนที่14.2ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
14.4 ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือสำหรับแต่ละกิจกรรมตามรายละเอียดในส่วนที่14.2ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
14.4.1
นอกจากนี้ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3ท่าเรือจะต้องตอบสนองและปฏิบัติตามคำแนะนำในการรักษาความปลอดภัยของรัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่
14.5 เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือได้รับแจ้งว่าเรือจะประสบความยุ่งยากในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบทที่11-2หรือส่วนนี้หรือในการปฏิบัติตามมาตรการหรือกระบวนการที่เหมาะสมตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือและในกรณีของระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่3หลังจากที่รัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่ให้คำแนะนำในการรักษาความปลอดภัยแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือจะต้องร่วมมือและประสานงานกันเพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
14.6 เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือได้รับแจ้งว่าเรือมีระดับการรักษาความปลอดภัยสูงกว่าระดับการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือนั้นจะต้องรายงานให้หน่วยงานที่มีอำนาจทราบและจะต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือและประสานการดำเนินการที่เหมาะสมหากจำเป็น
15 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือ
15.1 การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือเป็นส่วนที่จำเป็นที่จะทำให้กระบวนการจัดทำและปรับปรุงแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือมีความสมบูรณ์
15.2 รัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่จะต้องจัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือรัฐภาคีอาจมอบอำนาจให้องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับดำเนินการจัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือใดๆที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐภาคีนั้น
15.2.1 เมื่อองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือรัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่จะต้องดำเนินการทบทวนและอนุมัติรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยเพื่อให้มีการปฏิบัติตามส่วนนี้
15.3 บุคคลที่จัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องมีทักษะที่เหมาะสมในการประเมินการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือให้สอดคล้องกับที่กำหนดไว้ในส่วนนี้ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
15.4 จะต้องมีการทบทวนและปรับปรุงรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือให้ทันสมัยตามระยะเวลาที่เหมาะสมโดยคำนึงภัยที่คุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปและ/หรือการเปลี่ยนแปลงไปที่ไม่สำคัญของท่าเรือนั้นทั้งนี้จะต้องมีการทบทวนและปรับปรุงรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือดังกล่าวให้ทันสมัยทุกครั้งที่ท่าเรือนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
15.5 รายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องมีรายการต่างๆอย่างน้อยดังนี้
- การกำหนดและประเมินค่าทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของท่าเรือที่มีความจำเป็นต้องปกป้อง
- การระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดต่อทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานและแนวโน้มของการเกิดภัยคุกคามดังกล่าวเพื่อจัดทำและกำหนดสำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัย
- การกำหนดคัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญของมาตรการตอบโต้และความเปลี่ยนแปลงของขั้นตอนการปฏิบัติการและระดับของประสิทธิผลในการลดจุดอ่อนและ
- การระบุจุดอ่อนซึ่งรวมถึงปัจจัยบุคคลในด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติ
15.6 รัฐภาคีอาจอนุญาตให้รายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือฉบับหนึ่งครอบคลุมท่าเรือมากกว่า1แห่งหากผู้ประกอบการสถานที่ตั้งการปฏิบัติการอุปกรณ์และการออกแบบของท่าเรือเหล่านั้นมีลักษณะเหมือนกันรัฐภาคีใดที่อนุญาตให้มีการดำเนินการข้างต้นจะต้องแจ้งลายละเอียดดังกล่าวให้องค์การทางทะเลระหว่างประเทศทราบ
15.7 เมื่อดำเนินการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือแล้วเสร็จจะต้องจัดทำรายงานซึ่งประกอบด้วยบทสรุปเกี่ยวกับวิธีการประเมินรายละเอียดของจุดอ่อนที่ตรวจพบระหว่างการประเมินและรายละเอียดของมาตรการแก้ไขที่สามารถนำใช้กับจุดอ่อนแต่ละข้อรายงานฉบับนี้จะต้องเก็บรักษาไว้ไม่ให้มีการเข้าถึงหรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต
16 แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
16.1 จะต้องมีการจัดทำและเก็บรักษาแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือบนพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือแต่ละแห่งโดยให้ครอบคลุมถึงการปฏิบัติการระหว่างเรือและท่าเรือแผนดังกล่าวจะต้องข้อกำหนดเกี่ยวกับระดับของการรักษาความปลอดภัยสามระดับตามที่ระบุไว้ในส่วนนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
16.1.1 ตามบทบัญญัติของส่วนที่16.2องค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับอาจจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือให้แก่ท่าเรือแห่งใดแห่งหนึ่งได้
16.2 แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่
16.3 การจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องคำนึงถึงแนวทางที่กำหนดไว้ให้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้และต้องจัดทำเป็นภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติงานของท่าเรือนั้นแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องระบุถึงรายการต่างๆอย่างน้อยดังนี้
- มาตรการที่กำหนดขึ้นเพื่อป้องกันอาวุธวัตถุอันตรายและอุปกรณ์สำหรับใช้ทำอันตรายต่อบุคคลเรือหรือท่าเรือและการพกพาสิ่งของเหล่านั้นเข้ามาในเขตท่าเรือหรือบนเรือ
- มาตรการเพื่อป้องกันการเข้าไปในเขตท่าเรือบนเรือที่ผูกจอดไว้ที่ท่าเรือและการเข้าไปในเขตหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยหรือการฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัยรวมทั้งข้อกำหนดให้มีการปฏิบัติการที่สำคัญของท่าเรือหรือการปฏิบัติการระหว่างเรือและท่าเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อตอบสนองต่อคำแนะนำด้านการรักษาความปลอดภัยของรัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับ3
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อทำการอพยพในกรณีที่เกิดภัยคุกคามหรือการฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัย
- หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของท่าเรือที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและหน้าที่ของบุคลากรอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติในการประสานกับกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยของเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อทบทวนแผนตามระยะเวลาและปรับปรุงแผนให้ทันสมัย
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อรายงานเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย
- การกำหนดตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือรวมทั้งรายละเอียดที่สามารถติดต่อได้ตลอด24ชั่วโมง
- มาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่อยู่ในแผน
- มาตรการในการรักษาความปลอดภัยแก่สินค้าและอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าในท่าเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจสอบแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อตอบสนองในกรณีระบบเตือนภัยของเรือทำงานขณะที่เรืออยู่ในเขตท่าเรือ
- ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่ออำนวยความสะดวกกรณีปล่อยคนประจำเรือขึ้นบกหรือเปลี่ยนคนประจำเรือการขึ้นไปบนเรือของผู้มาติดต่อรวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานด้านสวัสดิภาพคนประจำเรือหรือองค์กรแรงงานที่เกี่ยวข้อง
16.4 บุคคลที่ทำหน้าที่ตรวจสอบภายในสำหรับการดำเนินการรักษาความปลอดภัยตามที่กำหนดไว้ในแผนหรือทำหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติตามแผนจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ทำการตรวจสอบเว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านขนาดและลักษณะของท่าเรือ
16.5 แผนการรักษาความปลอดภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรืออาจจะรวมกับหรือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ หรือแผนฉุกเฉินของท่าเรือแผนใดแผนหนึ่งหรือหลายแผนก็ได้
16.6 รัฐภาคีที่ท่าเรือนั้นตั้งอยู่มีอำนาจในการระงับใช้แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจนกว่าข้อเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นจะได้รับการอนุมัติจากรัฐภาคี
16.7 แผนการรักษาความปลอดภัยอาจจะเก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะต้องมีขั้นตอนในการป้องกันมิให้มีการลบทำลายหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
16.8 แผนการรักษาความปลอดภัยต้องมีการป้องกันการเข้าถึงหรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต
16.9 รัฐภาคีอาจอนุญาตให้แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือแผนหนึ่งครอบคลุมท่าเรือมากกว่า1แห่งหากผู้ประกอบการสถานที่ตั้งการปฏิบัติการอุปกรณ์และการออกแบบของท่าเรือนั้นมีลักษณะเหมือนกันรัฐภาคีใดที่อนุญาตให้มีการดำเนินการข้างต้นจะต้องแจ้งรายละเอียดให้องค์การทางทะเลระหว่างประเทศทราบ
17 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ
17.1 ท่าเรือแต่ละแห่งจะต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือทั้งนี้อาจแต่งตั้งบุคคลหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือมากกว่าหนึ่งแห่งก็ได้
17.2 นอกจากที่กำหนดไว้ในส่วนอื่นในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือจะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างน้อยดังนี้
- การดำเนินการสำรวจสภาพการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือโดยละเอียดในเบื้องต้นโดยคำนึงถึงการประเมินสถานการณ์รักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
- การดำเนินการเพื่อให้มีการจัดทำและดูแลรักษาแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
- การปฏิบัติตามและฝึกซ้อมตามแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
- การดำเนินการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยของท่าเรืออย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดของท่าเรืออย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
- การให้คำแนะนำและปรับเปลี่ยนแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือตามความเหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงแผนให้ทันสมัยโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าเรือ
- การส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของท่าเรือมีความตระหนักและเฝ้าระวังในเรื่องการรักษาความปลอดภัย
- การดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอ
- การรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและเก็บรักษาบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
- การประสานการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทและประจำเรือ
- การประสานงานกับหน่วยงานที่ให้บริการรักษาความปลอดภัยต่างๆตามสมควร
- การดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
- การดำเนินการเพื่อให้เครื่องมืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยได้มีการใช้งานทดสอบปรับแต่งและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมและ
- การให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือในการยืนยันรูปพรรณสัณฐานของบุคคลที่ขออนุญาตขึ้นไปบนเรือเมื่อมีการร้องขอ
17.3 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือจะต้องได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบที่กำหนดในบทที่11-2และภาคนี้ของประมวลข้อบังคับฉบับนี้ให้สำเร็จลุล่วง
18 การฝึกอบรมฝึกปฏิบัติและฝึกซ้อมการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
18.1 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะต้องมีความรู้และได้รับการฝึกอบรมตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
18.2 เจ้าหน้าที่ของท่าเรือที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะจะต้องมีความเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือตามที่ระบุไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและจะต้องมีความรู้และความสามารถเพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
18.3 เพื่อให้มีการปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรืออย่างมีประสิทธิผลจะต้องมีการฝึกปฏิบัติในช่วงเวลาที่เหมาะสมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทการประกอบการของท่าเรือการเปลี่ยนแปลงบุคลากรของท่าเรือประเภทของเรือที่มาใช้บริการและภาวะแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอื่นๆตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
18.4 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการประสานงานและปฏิบัติตามแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรืออย่างมีประสิทธิผลโดยการมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามแนวทางที่กำหนดไว้ในภาคข.ของประมวลข้อบังคับนี้
19 การตรวจสอบและการออกใบสำคัญรับรองสำหรับเรือ
19.1 การตรวจสอบ
19.1.1 เรือแต่ละลำที่อยู่ในบังคับของประมวลข้อบังคับนี้จะต้องได้รับการตรวจสอบตามหัวข้อที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้
1.
การตรวจสอบครั้งแรกก่อนนำเรือออกใช้งานหรือก่อนออกใบสำคัญรับรองตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่เป็นครั้งแรกซึ่งจะต้องรวมถึงการตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัยของเรือและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆทั้งหมดภายใต้บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของในบทที่11-2ของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้และของแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติแล้วการตรวจสอบนี้จะต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าว่าระบบการรักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของเรือเป็นไปตามตามข้อกำหนดของบทที่11-2และของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับฉบับนี้อยู่ในสภาพที่น่าพอใจและเหมาะแก่การใช้งานตามความมุ่งหมายของเรือนั้น
2.
การตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ตามช่วงเวลาที่ทางการกำหนดแต่ต้องไม่เกินห้าปียกเว้นตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.3การตรวจสอบประเภทนี้จะต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าระบบการรักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆของเรือเป็นไปตามข้อกำหนดของบทที่11-2ของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้และของแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติแล้วอยู่ในสภาพที่น่าพอใจและใช้งานตามความมุ่งหมายของเรือนั้น
3.
จะต้องมีการตรวจสอบในช่วงกลางรอบระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งครั้งถ้ามีการตรวจสอบในช่วงกลางรอบระยะเวลาเพียงครั้งเดียวการตรวจสอบดังกล่าวจะต้องอยู่ระหว่างวันที่ครบรอบออกใบสำคัญรับรองในปีที่สองและปีที่สามตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อบังคับที่1/2(ฏ)การตรวจสอบในช่วงกลางรอบระยะเวลาจะประกอบด้วยการตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของเรือเพื่อให้แน่ใจว่าระบบและอุปกรณ์ดังกล่าวยังคงอยู่ในสภาพที่น่าพอใจและใช้งานตามความมุ่งหมายของเรือนั้นการตรวจสอบครั้งนี้ต้องทำเป็นบันทึกสลักหลังใบสำคัญรับรองไว้
4.
การตรวจสอบเพิ่มเติมอื่นๆตามที่ทางการกำหนด
19.1.2 การตรวจสอบเรือจะต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของทางการอย่างไรก็ตามทางการอาจมอบหมายองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับตามที่อ้างถึงในกฎข้อบังคับที่11-2/1ดำเนินการตรวจสอบได้
19.1.3 ในทุกกรณีทางการที่เกี่ยวข้องจะต้องรับประกันความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของการตรวจสอบอย่างเต็มที่และจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อตอบสนองพันธกรณีดังกล่าว
19.1.4 ระบบรักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆของเรือหลังจากการตรวจสอบจะต้องมีการดูแลรักษาให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในกฎข้อบังคับที่11-2/4.2และ11-2/6ของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้และของแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติแล้วหลังจากที่ได้ดำเนินการตรวจสอบตามส่วนที่19.1.1เสร็จสมบูรณ์แล้วจะต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยหรือแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่ได้รับอนุมัติแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ
19.2 การออกหรือการสลักหลังใบสำคัญรับรอง
19.2.1 เรือจะได้รับใบสำคัญรับรองการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศหลังจากที่รับการตรวจสอบครั้งแรกหรือการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ตามข้อกำหนดของส่วนที่19.1
19.2.2 ใบสำคัญรับรองดังกล่าวจะต้องออกให้หรือสลักหลังให้โดยทางการหรือองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในฐานะตัวแทนทางการ
19.2.3 รัฐภาคีอื่นอาจสั่งให้มีการตรวจสอบเรือเมื่อทางการร้องขอและหากพอใจว่าได้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดของส่วนที่19.1.1แล้วจะต้องยกหรือให้อำนาจในการออกใบสำคัญรับรองการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศแก่เรือตลอดจนสลักหลังหรือให้อำนาจในการสลักหลังใบสำคัญรับรองนั้นบนเรือตามที่กำหนดไว้ในประมวลข้อบังคับนี้
19.2.3.1 จะต้องส่งสำเนาใบสำคัญรับรองและสำเนารายงานการตรวจสอบให้แก่ทางการที่ร้องขอให้ตรวจสอบในโอกาสแรก
19.2.3.2 ใบสำคัญรับรองที่ออกให้นั้นจะต้องมีข้อความที่ระบุว่าเป็นการออกให้ตามคำร้องขอของทางการและจะต้องมีผลและได้รับการยอมรับเช่นเดียวกับใบสำคัญรับรองที่ออกให้ตามส่วนที่19.2.2
19.2.4ใบสำคัญรับรองการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศจะต้องมีรูปแบบตามที่แสดงไว้ในแบบแนบท้ายประมวลข้อบังคับนี้หากภาษาที่ใช้ไม่ใช่ภาษาอังกฤษฝรั่งเศสหรือเสปนจะต้องมีคำแปลข้อความในใบสำคัญรับรองเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งดังกล่าวข้างต้น
19.3 อายุของใบสำคัญรับรอง
19.3.1 ใบสำคัญรับรองการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศจะออกให้สำหรับช่วงเวลาตามที่ทางการกำหนดซึ่งไม่เกินห้าปี
19.3.2 เมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จภายในสามเดือนก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมให้ใบสำคัญรับรองฉบับใหม่มีอายุไม่เกินห้าปีนับจากวันที่ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จจนถึงหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิม
19.3.2.1 เมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จหลังจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมให้ใบสำคัญรับรองฉบับใหม่มีอายุไม่เกินห้าปีนับจากวันที่ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่จนถึงวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิม
19.3.2.2 เมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมนานกว่าสามเดือนให้ใบสำคัญรับรองฉบับใหม่มีอายุไม่เกินห้าปีนับจากวันที่ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จ
19.3.3 ถ้าใบสำคัญรับรองที่ออกให้มีอายุน้อยกว่าห้าปีทางการอาจขยายอายุของใบสำคัญรับรองออกไปจนเลยวันหมดอายุถึงกำหนดเวลาสูงสุดตามที่กำหนดให้ในส่วนที่19.3.1แต่จะต้องมีการตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.1.1ตามความเหมาะสมเพื่อออกใบสำคัญรับรองที่มีอายุห้าปีด้วย
19.3.4 หากได้มีการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จเรียบร้อยและไม่สามารถออกใบสำคัญรับรองฉบับใหม่ให้ได้หรือเพื่อเก็บรักษาไว้บนเรือก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมทางการหรือองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับที่ได้รับมอบอำนาจจากทางการอาจสลักหลังใบสำคัญรับรองฉบับเดิมให้เป็นการชั่วคราวโดยให้มีอายุไม่เกินห้าเดือนนับจากวันหมดอายุ
19.3.5 ถ้าเรือลำใดถือใบสำคัญรับรองที่หมดอายุยังเดินทางไม่ถึงเมืองท่าที่เรือจะเข้ารับการตรวจสอบทางการอาจขยายเวลาหมดอายุของใบสำคัญรับรองนั้นได้โดยให้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่ออนุญาตให้เรือเดินทางถึงเมืองท่าที่จะเข้ารับการตรวจโดยจะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลอันสมควรเท่านั้นการขยายเวลาหมดอายุของใบสำคัญรับรองให้ขยายได้ไม่เกินสามเดือนและเมื่อเรือเดินทางถึงเมืองท่าที่จะเข้ารับการตรวจสอบแล้วจะต้องไม่เดินทางออกจากเมืองท่านั้นโดยไม่มีใบสำคัญรับรองฉบับใหม่เมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองฉบับใหม่แล้วเสร็จให้ใบสำคัญรับรองฉบับใหม่มีอายุไม่เกินห้าปีนับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมก่อนได้รับการขยายระยะเวลา
19.3.6 ใบสำคัญรับรองที่ออกให้แก่เรือที่จะเดินทางในเส้นทางระยะสั้นซึ่งยังไม่เคยได้รับการขยายระยะเวลาหมดอายุตามข้อกำหนดข้างต้นของส่วนนี้อาจได้รับการขยายเวลาจากทางการเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนนับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมและเมื่อได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่แล้วเสร็จให้ใบสำคัญรับรองฉบับใหม่มีอายุไม่เกินห้าปีนับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองฉบับเดิมก่อนได้รับการขยายเวลาหมดอายุ
19.3.7 ถ้าได้ดำเนินการตรวจสอบในช่วงกลางรอบระยะเวลาก่อนช่วงเวลาที่กำหนดในส่วนที่19.1.1ให้ปฏิบัติการดังนี้
1.
ให้แก้ไขวันหมดอายุที่แสดงไว้ในใบสำคัญรับรองนั้นโดยการสลักหลังเป็นวันที่ซึ่งจะต้องไม่เกินสามปีหลังจากวันที่ดำเนินการตรวจสอบในช่วงกลางรอบระยะเวลาเสร็จสิ้น
2.
วันหมดอายุของใบสำคัญรับรองนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงในกรณีที่มีการตรวจเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งซึ่งทำให้ไม่เกินระยะเวลาสูงสุดระหว่างการตรวจตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.1.1
19.3.8 ใบสำคัญรับรองที่ออกภายใต้ส่วนที่19.2จะสิ้นอายุลงในกรณีต่อไปนี้
1.
ถ้าการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องยังไม่สมบูรณ์ภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.1.1
2.
ถ้าใบสำคัญรับรองไม่ได้รับการสลักหลังตามกับข้อกำหนดในส่วนที่19.1.1.3และ19.3.7.1
3.
เมื่อมีบริษัทใหม่เข้ารับผิดชอบในการประกอบการเรือซึ่งบริษัทนั้นยังไม่เคยใช้ประกอบการมาก่อน
4.
เมื่อเรือเปลี่ยนไปชักธงของรัฐอื่น
19.3.9 ในกรณีที่
1.
เรือเปลี่ยนไปชักธงของรัฐภาคีอื่นรัฐภาคีเดิมของเรือลำนั้นจะต้องส่งมอบสำเนาใบสำคัญรับรองว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศและข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่เรือเก็บรักษาไว้ก่อนเปลี่ยนไปชักธงของรัฐภาคีอื่นและสำเนารายงานการตรวจสอบเรือดังกล่าวโดยไม่ชักช้า
2.
บริษัทเรือที่เข้ารับผิดชอบในการประกอบการเรือที่ไม่เคยใช้ประกอบการมาก่อนให้บริษัทเดิมต้องส่งมอบสำเนาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบสำคัญรับรองว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศทั้งหมดของเรือลำดังกล่าวให้แก่บริษัทใหม่หรืออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.4.2
19.4 ใบสำคัญรับรองชั่วคราว
19.4.1 ใบสำคัญรับรองที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.2จะออกให้ต่อเมื่อทางการที่ออกใบสำคัญรับรองได้ดำเนินการเพื่อให้เรือลำนั้นปฏิบัติตามข้อกำหนดของส่วนที่19.1ได้โดยสมบูรณ์อย่างไรก็ตามหลังจากวันที่1กรกฎาคม2547ทางการอาจจะออกใบสำคัญรับรองชั่วคราวให้เพื่อความมุ่งหมายต่อไปนี้
1.
เรือที่ไม่มีใบสำคัญรับรองเมื่อส่งมอบหรือก่อนนำออกใช้งานหรือนำออกใช้งานอีกครั้ง
2.
เรือเปลี่ยนไปชักธงของรัฐภาคีอื่น
3.
เรือเปลี่ยนไปชักธงของรัฐอื่นที่ไม่ใช่รัฐภาคี
4.
มีบริษัทเรือเข้ารับผิดชอบในการประกอบการเรือที่บริษัทไม่เคยใช้ประกอบการมาก่อนทั้งนี้จนกว่าจะมีการออกใบสำคัญรับรองตามส่วนที่19.2โดยจะต้องมีรูปแบบตามที่แสดงไว้ในแบบแนบท้ายประมวลข้อบังคับนี้
19.4.2 ใบสำคัญรับรองจะออกให้ต่อเมื่อทางการหรือองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับและได้รับมอบอำนาจจากทางการได้ตรวจสอบแล้วว่า
1 ได้มีการจัดทำการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือตามที่กำหนดไว้ในภาคนี้ของประมวลข้อแล้วเสร็จ
2 มีการเก็บรักษาสำเนาแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่เป็นไปตามข้อกำหนดในบทที่11-2
และ ภาค ก. ของประมวลข้อบังคับนี้ซึ่งได้รับการตรวจสอบและอนุมัติและมีการปฏิบัติตามแผนนั้นบนเรือ
3 เรือมีระบบการเตือนภัยตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับที่11-2/6
4 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัท
.1 ได้ดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า
.1 มีการทบทวนแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือตามข้อกำหนดของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
.2 แผนนั้นได้มีการนำเสนอเพื่อขออนุมัติแล้วและ
.3 แผนนั้นได้มีการนำมาใช้บนเรือและ
.2 มีการดำเนินการที่จำเป็นรวมทั้งการจัดให้มีการฝึกปฏิบัติการฝึกซ้อมและการตรวจสอบภายในโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทต้องดำเนินการเพื่อให้เรือได้รับการตรวจสอบตามข้อกำหนดของส่วนที่19.1.1ภายใน6เดือน
5 มีการดำเนินการเพื่อให้มีการตรวจสอบตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.1.1.1
6 นายเรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของเรือคนอื่นๆมีความคุ้นเคยกับหน้าที่และความรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้ในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้และตามข้อกำหนดอื่นๆที่ระบุไว้ในแผนการรักษาความปลอดภัยของเรือที่เก็บรักษาบนเรือและได้รับข้อมูลในภาษาที่ไว้ในการปฏิบัติงานของคนประจำเรือหรือภาษาที่คนประจำเรือทุกคนเข้าใจและ
7 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้
19.4.2 ใบสำคัญรับรองชั่วคราวอาจออกให้โดยทางการหรือโดยองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับและได้รับมอบอำนาจ
19.4.3
ใบสำคัญรับรองชั่วคราวจะมีอายุ6เดือนหรือจนกว่าจะมีการออกใบสำคัญรับรองตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.2แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อนและอาจไม่สามารถขยายเวลาได้
19.4.4
รัฐภาคีไม่สามารถออกใบสำคัญรับรองว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศชั่วคราวฉบับใหม่ติดต่อกันให้แก่เรือถ้ารัฐภาคีหรือองค์กรรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับใช้ดุลพินิจเห็นว่าเรือหรือบริษัทเรือมีวัตถุประสงค์ในการขอใบสำคัญรับรองดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในบทที่
11-2 และภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้เกินอายุของใบสำคัญรับรองชั่วคราวตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่19.4.4
19.4.5
ตามจุดมุ่งหมายของกฎข้อบังคับที่11-2/9รัฐภาคีอาจดำเนินการเพื่อให้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในส่วนที่19.4.2.4ถึง19.4.2.6ก่อนที่จะยอมรับให้ใบสำคัญรับรองว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือระหว่างประเทศชั่วคราวเป็นใบสำคัญรับรองที่ใช้ได้และมีผลทางกฎหมาย
§
ข้อกำหนดภาคบังคับเกี่ยวกับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่
11-2 ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
ค.ศ.1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2 ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 1)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 2)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 3)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 4)
มารีนเนอร์ไทย | MarinerThai.Net |
MarinerThai.Com