ภาค ข
แนวทางสำหรับบทบัญญัติของบทที่
11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
และภาค ก ของประมวลข้อบังคับนี้
(ส่วนที่ 4)
เขตหวงห้ามภายในเขตท่าเรือ
16.1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีเขตหวงห้ามภายในเขตท่าเรือโดยจะต้องกำหนดขอบเขต ระยะเวลาที่ใช้บังคับ
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ควบคุมการผ่านเข้าออก
และมาตรการควบคุมซึ่งจะต้องรวมถึงมาตรการที่กำหนดให้มีการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยในเขตหวงห้ามชั่วคราวทั้งก่อนและหลังการกำหนดเขตหวงห้ามดังกล่าว
เขตหวงห้ามมีจุดมุ่งหมายเพื่อ
.1 คุ้มครองผู้โดยสาร
คนประจำเรือ เจ้าหน้าที่ของท่าเรือ และผู้มาติดต่อรวมถึงผู้มาติดต่อที่เรือ
;
.2 ปกป้องท่าเรือ
.3 ปกป้องเรือ
ทั้งที่มาใช้บริการและให้บริการในเขตท่าเรือ
.4 ปกป้องสถานที่และพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อการรักษาความปลอดภัย
ภายในเขตท่าเรือ
.5 ปกป้องอุปกรณ์และระบบรักษาความปลอดภัยและเตือนภัย
และ
.6 ป้องกันมิให้มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินค้าและของใช้ประจำเรือ
โดยไม่ได้รับอนุญาต
16.2
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรกำหนดให้เขตหวงห้ามทั้งหมดต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจนเพื่อควบคุม
.1 การผ่านเข้าออกของบุคคลทั่วไป
.2 การผ่านเข้า การจอด
การขนถ่ายสินค้าขึ้นลงของยานพาหนะ
.3 การเคลื่อนไหว
และการเก็บรักษา สินค้าและของใช้ประจำเรือ และ
.4 ของใช้ส่วนตัวและสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัว
16.3
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้เขตหวงห้ามทั้งหมดต้องมีเครื่องหมายแสดงไว้อย่างชัดเจน
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้าม
และการล่วงล้ำเข้าไปในเขตดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดต่อการรักษาความปลอดภัย
16.4
กรณีที่มีการติดตั้งอุปกรณ์การตรวจหาการบุกรุกโดยอัตโนมัติ
อุปกรณ์ดังกล่าวควรส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังศูนย์ควบคุมแห่งหนึ่ง
ซึ่งสามารถตอบรับต่อสัญญาณดังกล่าวได้
16.5
เขตหวงห้ามอาจรวมถึง
.1 พื้นที่ทั้งบนฝั่งและในน้ำที่อยู่ติดกับตัวเรือ
.2 พื้นที่ขึ้น-ลงเรือ
พื้นที่ซึ่งผู้โดยสารและคนประจำเรือจะต้องผ่านและอยู่ ซึ่งรวมถึงจุดตรวจค้นต่างๆ
.3 พื้นที่ซึ่งมีการขนถ่าย
หรือเก็บรักษาสินค้าและของใช้ประจำเรือ
.4 สถานที่ซึ่งมีการเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหวต่อการรักษาความปลอดภัยรวมถึงเอกสารเกี่ยวกับสินค้า
.5 พื้นที่เก็บสินค้าอันตรายและสารอันตราย
.6 ห้องควบคุมระบบการจัดการจราจรทางน้ำ
อาคารควบคุมท่าเรือและการเดินเรือ
รวมถึงห้องควบคุมการรักษาความปลอดภัยและการตรวจการณ์
.7 พื้นที่เก็บอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและเตือนภัย
.8 การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า
วิทยุ และสื่อสารตลอดจน อุปกรณ์เกี่ยวกับน้ำและสาธารณูปโภคอื่น ๆ
.9 สถานที่อื่นๆภายในเขตท่าเรือ
ซึ่งควรมีการห้ามเรือ ยานพาหนะ และบุคคลเข้า
16.6
มาตรการรักษาความปลอดภัยอาจขยายไปถึงการจำกัดการเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างที่ท่าเรือไม่สามารถสอดส่องดูแลได้โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
16.7
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับเขตหวงห้ามซึ่งอาจรวมถึง:
.1 ข้อกำหนดให้มีสิ่งกีดขวางทางถาวรหรือชั่วคราวโดยรอบเขตหวงห้ามโดยจะต้องมีมาตรฐานซึ่งรัฐภาคีให้การยอมรับ
;
.2 ข้อกำหนดให้จุดผ่านเข้าออกจะต้องมียามรักษาความปลอดภัยควบคุมดูแล
เมื่อเปิดใช้งานและจะต้องสามารถปิดล็อค หรือกั้นเมื่อไม่ได้ใช้งาน ;
.3 การจัดให้มีบัตรผ่านเข้าออก
ซึ่งจะต้องให้บุคคลที่ผ่านข้าออกเขตหวงห้าม ติดแสดงไว้ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในเขตหวงห้ามนั้น
;
.4 การทำเครื่องหมายที่เห็นได้ชัดเจนบนยานพาหนะที่อนุญาต
ให้ผ่านเข้าในเขตหวงห้าม;
.5 การจัดให้มีการเฝ้ายามและการตรวจการณ์;
.6 การจัดให้มีระบบการตรวจหาการบุกรุกโดยอัตโนมัติหรืออุปกรณ์เตือนภัยหรือระบบที่สามารถตรวจหาลักลอบเข้าในเขตหวงห้าม
หรือการเคลื่อนไหวภายในเขตหวงห้าม ;
และ
.7 การควบคุมการเคลื่อนไหวของเรือภายในบริเวณของเรือที่มาใช้ท่าเรือ
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
16.8
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีการเพิ่มความถี่
และความเข้มงวดในการกำกับดูแล และควบคุมการเข้าออกเขตหวงห้าม
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
ซึ่งอาจรวมถึง
.1 การเสริมสิ่งกีดขวางหรือการกั้นรั้วโดยรอบเขตหวงห้าม
รวมถึงการใช้ยามตรวจการณ์ หรืออุปกรณ์ตรวจหาการบุกรุกโดยอัตโนมัติ
.2 การลดจำนวนจุดผ่านเข้าออกเขตหวงห้าม
และเพิ่มการควบคุมในจุดผ่านเข้าออก ที่ยังคงเปิดใช้งาน
.3 การห้ามจอดรถใกล้กับเรือที่กำลังเทียบท่า
.4 การเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าออกเขตหวงห้าม
และการเคลื่อนไหว และการเก็บรักษาสิ่งของในเขตหวงห้าม
.5 การใช้อุปกรณ์เตือนภัยเพื่อกำกับดูแลและบันทึกเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง
.6 การเพิ่มจำนวนและความถี่ของการตรวจการณ์
รวมถึงการตรวจการณ์ทางน้ำตามแนวโดยรอบเขตหวงห้าม และในพื้นที่เขตหวงห้าม
.7 การกำหนดและควบคุมการเข้าออกพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับเขตหวงห้าม
.8 การห้ามเรือที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ให้เข้าสู่พื้นน้ำที่อยู่ติดกับเรือที่กำลังใช้ท่าเรือ
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
16.9
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3 ท่าเรือจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ดังกล่าว
แผนการรักษาความปลอดภัยควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย
ซึ่งท่าเรือสามารถนำมาใช้โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ที่รับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวและเรือภายในเขตท่าเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง
.1 การจัดตั้งเขตหวงห้ามเพิ่มเติมภายในท่าเรือ
ในบริเวณที่มีแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือสถานที่ซึ่งเชื่อว่ามีภัยคุกคาม ซึ่งห้ามผ่านเข้า-ออก
.2 การเตรียมการตรวจค้นพื้นที่เขตหวงห้ามโดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจค้นท่าเรือทั้งหมดหรือบางส่วน
การขนถ่ายสินค้า
16.10
มาตรการรักษาความปลอดภัยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้าจะต้อง
:
.1 ป้องกันไม่ให้มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
.2 ป้องกันไม่ให้มีการรับหรือเก็บรักษาสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าที่จะทำการขนส่งไว้ในเขตท่าเรือ
16.11
มาตรการรักษาความปลอดภัยจะต้องรวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการควบคุมรายการสินค้าที่จุดผ่านเข้า-ออกเขตท่าเรือ และเมื่อสินค้าเข้ามาในเขตท่าเรือแล้ว
จะต้องสามารถแสดงหลักฐานว่าสินค้าดังกล่าวได้รับการตรวจสอบและยอมรับให้มีการบรรทุกลงเรือ
หรือจัดเก็บเป็นการชั่วคราวในเขตหวงห้าม ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาขนถ่ายลงเรือ ทั้งนี้
จะต้องห้ามไม่ให้นำสินค้าที่ยังไม่มีกำหนดที่แน่นอนในการบรรทุกลงเรือเข้ามาในเขตท่าเรือ
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
16.12
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการสำหรับใช้ระหว่างการขนถ่ายสินค้า
ซึ่งอาจรวมถึง :
.1 การตรวจสอบสินค้า
หน่วยการขนส่งสินค้า และพื้นที่เก็บสินค้าเป็นประจำภายในเขตท่าเรือ ทั้งก่อนและระหว่างการปฏิบัติการขนถ่ายสินค้า ;
.2 การตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ผ่านเข้ามาในเขตท่าเรือ
ตรงกับใบส่งสินค้าหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าอื่นๆที่ใช้แทนกันได้;
.3 การตรวจค้นยานพาหนะ และ
.4 การตรวจสอบการปิดผนึก
และวิธีการอื่น ๆที่ใช้เพื่อป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างการนำสินค้าเข้าสู่เขตท่าเรือ
และการเก็บรักษาสินค้าในเขตท่าเรือ
16.13
การตรวจสอบสินค้าอาจกระทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้
:
.1
การตรวจสอบด้วยสายตาหรือทางกายภาพ
.2 การใช้อุปกรณ์ตรวจจับ/ค้นหา อุปกรณ์เครื่องกล
หรือสุนัขดมกลิ่น
16.14
เมื่อมีการขนย้ายสินค้าตามปกติหรือขนย้ายบ่อยๆ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัท
หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประจำอาจปรึกษาหารือกับท่าเรือและเห็นชอบให้มีการจัดการให้ผู้ส่งสินค้า
ผู้ที่รับผิดชอบในสินค้า ดำเนินการตรวจสอบนอกสถานที่ ปิดผนึก จัดทำตารางการขนส่ง จัดเตรียมเอกสารที่ใช้ในการขนส่ง เป็นต้น การจัดการต่าง ๆ เหล่านี้
ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือที่เกี่ยวข้องทราบและให้ความเห็นชอบด้วย
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
16.15
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2 แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อใช้ระหว่างการขนถ่ายสินค้าซึ่งอาจรวมถึง
.1 การตรวจสอบในรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า
หน่วยของการขนส่งสินค้าและพื้นที่วางสินค้า
.2 การตรวจสอบอย่างเข้มงวดตามความเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่ามีเฉพาะสินค้าที่มีเอกสารกำกับเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้ามาในเขตท่าเรือ การเก็บรักษาชั่วคราว และบรรทุกลงเรือ
.3 การตรวจค้นยานพาหนะอย่างเข้มงวด
และ
.4 การเพิ่มความถี่และรายละเอียดในการตรวจสอบผนึกหรือวิธีอื่น
ๆ ที่ใช้ เพื่อป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
16.16
การตรวจสอบสินค้าโดยละเอียดอาจกระทำโดยใช้วิธีการทั้งหมด
หรือ บางส่วน ดังต่อไปนี้
.1 การเพิ่มความถี่และรายละเอียดของการตรวจสอบสินค้า
หน่วยการขนส่งสินค้า และพื้นที่เก็บสินค้าภายในเขตท่าเรือ (ด้วยการตรวจสอบด้วยสายตาหรือทางกายภาพ)
.2 การเพิ่มความถี่ในการใช้อุปกรณ์ตรวจจับ/ตรวจค้น
อุปกรณ์เครื่องกล หรือ สุนัขดมกลิ่นและ
.3 การประสานงานกับผู้ส่งสินค้าหรือผู้รับผิดชอบอื่นๆเพื่อแจ้งให้ทราบมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นจากข้อตกลงหรือขั้นตอนการปฏิบัติที่มีอยู่แล้ว
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
16.17
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
ท่าเรือจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ดังกล่าว
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยซึ่งท่าเรือสามารถนำมาใช้โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้รับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวและเรือภายในเขตท่าเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง:
.1 การจำกัดหรือระงับการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือการปฏิบัติการภายในเขตท่าเรือทั้งหมดหรือบางส่วน หรือบนเรือบางลำ ;
และ
.2 การตรวจสอบรายการสินค้าอันตราย
และวัตถุอันตรายที่เก็บรักษาไว้ในเขตท่าเรือ และสถานที่เก็บรักษา
การจัดส่งของใช้ประจำเรือ
16.18
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการจัดส่งของใช้ประจำเรือจะต้อง:
.1 มีดำเนินการตรวจสอบของใช้ประจำเรือ
และความสมบูรณ์ของหีบห่อ
.2 ป้องกันไม่ให้มีการรับของใช้ประจำเรือโดยไม่มีการตรวจสอบ
.3 ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
.4 ป้องกันไม่ให้มีการรับของใช้ประจำเรือโดยที่ไม่มีการสั่งซื้อ
.5 กำหนดให้มีการตรวจค้นยานพาหนะที่ส่งของใช้ประจำเรือ
.6 กำหนดให้มีการคุ้มกันยานพาหนะส่งของ
ภายในเขตท่าเรือ
16.19
สำหรับเรือที่เข้าเทียบท่าเรืออย่างสม่ำเสมออาจกำหนดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับเรือ
ผู้จัดหาสินค้าและท่าเรือโดยให้ครอบคลุมถึงการแจ้งเวลาส่งมอบตลอดจนการออกเอกสารที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องมีวิธีการเพื่อยืนยันว่าของใช้ประจำเรือที่ส่งมามีหลักฐานการสั่งซื้อแนบมาด้วย
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
16.20
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ควบคุมการจัดส่งของใช้ประจำเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง :
.1 การตรวจสอบของใช้ประจำเรือ:
.2 การแจ้งรายละเอียดของสินค้าที่บรรทุก
รายละเอียดเกี่ยวกับพนักงานขับรถ และเลขทะเบียนรถให้ทราบล่วงหน้า
;
และ
.3 การตรวจค้นยานพาหนะที่มาส่งของ
16.21
การตรวจสอบของใช้ประจำเรืออาจกระทำได้โดยวิธีการทั้งหมด
หรือบางส่วน ดังต่อไปนี้ :
.1 การตรวจสอบด้วยสายตา
และทางกายภาพ;
.2 การใช้อุปกรณ์ตรวจจับ/ตรวจหา
อุปกรณ์เครื่องกล หรือ สุนัขดมกลิ่น
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
16.22
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มการควบคุมการจัดส่งของใช้ประจำเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง :
.1 การตรวจสอบของใช้ประจำเรือในรายละเอียด;
.2 การตรวจค้นยานพาหนะที่มาส่งของในรายละเอียด
;
.3 การประสานงานกับคนประจำเรือเพื่อตรวจสอบการสั่งของโดยเปรียบเทียบกับเอกสารการส่งของก่อนอนุญาตให้นำของเข้ามาในเขตท่าเรือ และ
.4 การคุ้มกันยานพาหนะส่งของภายในเขตท่าเรือ
16.23
การตรวจสอบของใช้ประจำเรือในรายละเอียดอาจกระทำโดยใช้วิธีการทั้งหมดหรือบางส่วน
ดังต่อไปนี้
.1 การเพิ่มความถี่
และรายละเอียดของการตรวจค้นยานพาหนะส่งของ;
.2 การเพิ่มการใช้อุปกรณ์ตรวจจับ/
ตรวจหา อุปกรณ์เครื่องกล หรือ สุนัขดมกลิ่น และ
.3 การจำกัดหรือห้ามนำของใช้ประจำเรือที่จะไม่นำออกจากเขตท่าเรือภายในเวลาที่กำหนด
เข้ามาในเขตท่าเรือ
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
16.24
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
ท่าเรือควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรแสดงรายละเอียดของมาตรการรักษาความปลอดภัยซึ่งท่าเรืออาจนำมาใช้โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้รับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวและเรือในเขตท่าเรือ ซึ่งอาจรวมถึงการเตรียมการเพื่อจำกัดหรือระงับการจัดส่งของใช้ประจำเรือภายในเขตท่าเรือทั้งหมดหรือบางส่วน
การขนถ่ายสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัว
16.25
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัว
(ได้แก่ สัมภาระใดๆ รวมถึงของใช้ส่วนตัวซึ่งไม่ได้อยู่กับผู้โดยสาร
หรือคนประจำเรือ ณ. จุดที่มีการตรวจสอบ หรือตรวจค้น)
มีการระบุเจ้าของและมีการตรวจตามความเหมาะสมซึ่งรวมถึงการตรวจค้นก่อนที่จะยอมให้เข้าไปในท่าเรือและก่อนการขนถ่ายระหว่างท่าเรือกับเรือ
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการจัดการในการเก็บรักษา ทั้งนี้
สัมภาระดังกล่าวไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจโดยท่าเรือ และเรือ
และในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจที่เหมาะสม
ความรับผิดชอบในการตรวจควรเป็นของท่าเรือ
ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเรือเป็นสิ่งที่จำเป็นและควรมีขั้นตอนการดำเนินการที่ทำให้แน่ใจได้ว่า
สัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวได้รับการขนถ่ายอย่างปลอดภัยหลังจากผ่านการตรวจแล้ว
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
16.26
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะนำมาใช้กับสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวเพื่อให้แน่ใจว่าสัมภาระดังกล่าว
ได้รับการตรวจหรือตรวจค้น ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ 100%
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
16.27
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมที่จะนำมาใช้กับสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวซึ่งควรจะรวมถึงการตรวจสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวทั้งหมดด้วยเครื่องเอ็กซเรย์
100 %
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
16.28
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
ท่าเรือควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ดังกล่าว
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรกำหนดรายละเอียดของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ท่าเรือจะนำมาใช้
โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้รับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวและเรือในเขตท่าเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง:
.1 การกำหนดให้มีการตรวจสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจสัมภาระนั้นอย่างน้อยสองมุม
.2 การจัดเตรียมเพื่อจำกัดหรือห้ามการขนถ่ายสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัว
และ
.3 การปฏิเสธไม่รับสัมภาระที่บุคคลไม่ได้ถือไปกับตัวเข้าไปในเขตท่าเรือ
การกำกับดูแลการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
16.29
องค์กรรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องมีความสามารถในการกำกับดูแลท่าเรือและทางเข้าสู่ท่าเรือในบริเวณใกล้เคียงทั้งทางบกและทางน้ำตลอดเวลา
รวมทั้งในเวลากลางคืนและช่วงเวลาที่มีข้อจำกัดด้านการมองเห็น
เขตหวงห้ามภายในท่าเรือ เรือที่อยู่ในเขตท่าเรือ และพื้นที่โดยรอบตัวเรือ
การกำกับดูแลอาจกระทำได้โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้:
.1 ไฟแสงสว่าง;
.2 ยามรักษาความปลอดภัย รวมถึง
การเดินตรวจการณ์ การใช้รถ และเรือตรวจการณ์ และ
.3 อุปกรณ์ตรวจหาการบุกรุกโดยอัตโนมัติ
และอุปกรณ์เตือนภัยต่าง ๆ
16.30
เมื่อมีการนำอุปกรณ์ตรวจหาการบุกรุกโดยอัตโนมัติมาใช้
ควรใช้สัญญาณเตือนภัยที่เป็นสัญญาณเสียงและ/หรือสามารถมองเห็นได้ที่บริเวณที่มีการสอดส่องดูแลอย่างต่อเนื่อง
16.31
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือต้องกำหนดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยแต่ละระดับ
ตลอดจนวิธีการที่ทำให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการพิจารณาผลกระทบของสภาพอากาศหรือการตัดระบบไฟฟ้าด้วย
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
16.32
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 1
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะนำมาใช้ ซึ่งอาจประกอบด้วยไฟแสงสว่าง
ยามรักษาการณ์ หรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และอุปกรณ์เตือนภัยร่วมกันเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าเรือสามารถ:
.1 สังเกตการณ์พื้นที่ของท่าเรือโดยรวม
รวมถึงทางเข้าสู่ท่าเรือทั้งบกและทางน้ำ;
.2 สังเกตการณ์จุดผ่านเข้าออก
สิ่งกีดขวางและเขตหวงห้าม; และ
.3 ควบคุมดูแลพื้นที่
และการเคลื่อนไหวต่าง ๆ รอบตัวเรือที่อยู่ภายในเขตท่าเรือรวมถึงการเพิ่มกำลังไฟแสงสว่างของเรือเอง
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
16.33
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 2
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
เพื่อนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมดูแลและเฝ้าระวัง ซึ่งอาจรวมถึง ;
.1 การเพิ่มรัศมีและความเข้มของไฟแสงสว่าง
และอุปกรณ์เตือนภัยซึ่งรวมถึงการจัดให้มีไฟแสงสว่าง และพื้นที่ตรวจการณ์มากขึ้น
.2 การเพิ่มความถี่ของการเดินตรวจการณ์
และการตรวจการณ์ด้วยรถและเรือ
.3 การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อควบคุมดูแลและตรวจการณ์
การรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
16.34
ที่ระดับการรักษาความปลอดภัยระดับที่ 3
ท่าเรือควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ดังกล่าว แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือควรแสดงรายละเอียดมาตรการรักษาความปลอดภัยซึ่งท่าเรืออาจนำมาใช้
โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้รับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวและเรือในเขตท่าเรือ
ซึ่งอาจรวมถึง :
.1 การเปิดไฟแสงสว่างทั้งหมดภายในหรือการจัดให้มีไฟแสงสว่างภายในอาณาบริเวณของท่าเรือทั้งหมด
;
.2 การเปิดอุปกรณ์เตือนภัยทั้งหมดที่ช่วยให้สามารถบันทึกกิจกรรม/เหตุการณ์ต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นภายในหรือใกล้กับเขตท่าเรือ ;
และ
.3 การจัดให้อุปกรณ์เตือนภัยมีช่วงเวลาในการบันทึกอย่างต่อเนื่องนานที่สุด
ระดับการรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน
16.35
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดรายละเอียดของขั้นตอนการปฏิบัติและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ท่าเรือสามารถนำมาใช้ได้
หากท่าเรือกำหนดระดับการรักษาความปลอดภัยที่ต่ำกว่าระดับการรักษาความปลอดภัยที่ใช้กับเรือ
กิจกรรมที่ไม่อยู่ในบังคับของประมวลข้อบังคับนี้
16.36
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดรายละเอียดของขั้นตอนการปฏิบัติและมาตรการรักษาความปลอดภัย
ซึ่งท่าเรือควรนำมาใช้เมื่อ :
.1 ต้องปฏิบัติการกับเรือ ซึ่งเคยเดินทางไปยังท่าเรือของรัฐอื่นซึ่งไม่ใช่รัฐภาคี ;
.2 ต้องปฏิบัติการกับเรือ ซึ่งไม่อยู่ในบังคับของประมวลข้อบังคับนี้ ;
.3 ต้องปฏิบัติการกับแท่นขุดเจาะที่ตรึงอยู่กับที่หรือลอยน้ำหรือเคลื่อนที่
ปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย
16.37
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าเรือร้องขอให้ออกปฏิญญาว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยตามคำสั่งของรัฐภาคี
การตรวจสอบ การทบทวน และการแก้ไข
16.38
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องกำหนดวิธีการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะใช้ตรวจสอบประสิทธิผลของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรืออย่างต่อเนื่อง
และขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อทบทวน ปรับปรุง
หรือแก้ไขแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือให้ทันสมัย
16.39
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องได้รับการทบทวนตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ นอกจากนี้ควรมีการทบทวน :
.1 หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายงานการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือ
;
.2 หากการตรวจสอบโดยอิสระหรือ การทดสอบองค์กรรักษาความปลอดภัยของท่าเรือของรัฐแสดงถึงความล้มเหลวในองค์กรหรือปัญหาที่สำคัญขององค์ประกอบของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่ได้รับอนุมัติแล้ว
;
.3 หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือ
และ
.4 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในกรรมสิทธิ์หรือการควบคุมการปฏิบัติงานของท่าเรือ
16.40
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรืออาจเสนอแนะข้อแก้ไขตามความเหมาะสมต่อแผนฯ
ที่ได้รับอนุมัติแล้วหลังจากมีการทบทวนแผนดังกล่าว
ข้อแก้ไขแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่เกี่ยวกับ:
.1 การเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจก่อให้เกิดการแก้ไขแนวทางที่นำมาใช้ในการรักษาความปลอดภัยในท่าเรือ
; และ
.2 การยกเลิก การเปลี่ยนแปลง
หรือการสับเปลี่ยนสิ่งกีดขวางถาวร และระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและเตือนภัย
ฯลฯ ซึ่งแต่เดิมถือว่ามีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยในท่าเรือ
ต้องนำเสนอต่อรัฐภาคีที่อนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยฉบับเดิมเพื่อพิจารณาและอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง
ข้อแก้ไขดังกล่าวอาจกระทำโดย หรือกระทำในนามของรัฐภาคี
และอาจยอมรับหรือไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามที่เสนอมาก็ได้ ในการอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือนั้น
รัฐภาคีควรกำหนดว่าการแก้ไขในขั้นตอนการปฏิบัติหรือการแก้ไขทางกายภาพใดที่จำเป็นต้องนำเสนอเพื่อขออนุมัติ
การอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
16.41
แผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องกำหนดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับ:
.1 การนำเสนอแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือต่อรัฐภาคี
;
.2 การพิจารณาแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
.3 การอนุมัติแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือโดยมีหรือไม่มีข้อแก้ไข
;
.4 การพิจารณาข้อแก้ไขที่นำเสนอหลังจากแผนได้รับอนุมัติแล้ว
; และ
.5 ขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจสอบความเหมาะสมอย่างต่อเนื่องของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือที่ได้รับอนุมัติแล้ว
ในทุกขั้นตอนควรมีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้มีการเก็บเนื้อหาของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือไว้เป็นความลับ
เอกสารแสดงการยินยอมปฏิบัติของท่าเรือ
16.42
รัฐภาคีผู้ปกครองอาณาเขตอันเป็นที่ตั้งของท่าเรืออาจออกเอกสารแสดงการยินยอมปฏิบัติของท่าเรือ
(Statement of Compliance a Port Facility: SoCPF) อันแสดงถึง :
.1 ท่าเรือนั้น
;
.2 ว่าท่าเรือนั้น ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของบทที่
11-2 และภาค ก. –
ของ
ประมวลข้อบังคับนี้ ;
.3 อายุของเอกสาร SoCPF
ซึ่งรัฐภาคีควรเป็นผู้กำหนด
แต่ไม่ควรเกิน 5 ปี,
และ
.4 การดำเนินการตรวจสอบเอกสารฯในภายหลัง
ซึ่งกำหนดโดยรัฐภาคี และการแจ้งยืนยันเมื่อมีการดำเนินการดังกล่าว
16.43
เอกสารการยินยอมปฏิบัติของท่าเรือ (SoCPF)
ควรมีรูปแบบตามที่แสดงไว้ในภาคผนวกของภาคนี้ของประมวลข้อบังคับนี้ หากภาษาที่ใช้มิใช่ภาษาสเปน ฝรั่งเศส
หรืออังกฤษ รัฐภาคีอาจให้มีการแปลเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งดังกล่าวข้างต้น หากเห็นสมควร
17 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือ
บททั่วไป
17.1
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือจะต้องให้ความช่วยเหลือ
ในกรณีเฉพาะบางกรณีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือ
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสารแสดงตัวของผู้ที่ขออนุญาตขึ้นเรือโดยมีจุดมุ่งหมายที่เป็นทางการ
17.2
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือไม่ควรต้องรับผิดชอบในการยืนยันการแสดงตัวของผู้ขออนุญาตขึ้นเรือนอกจากนี้
แนวทางปฏิบัติอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 15,16 และ 18
18 การฝึกอบรม การฝึกปฏิบัติ
และการฝึกซ้อม การรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
การฝึกอบรม
18.1
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำท่าเรือควรมีความรู้และได้รับการฝึกอบรมในบางส่วนหรือทั้งหมดในเรื่องดังต่อไปนี้ตามความเหมาะสม
.1 การบริหารงานด้านการรักษาความปลอดภัย
.2 อนุสัญญา ประมวลข้อบังคับ
และข้อเสนอแนะระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
.3 การออกกฎหมายและข้อบังคับของรัฐที่เกี่ยวข้อง
.4 ความรับผิดชอบและหน้าที่ขององค์กรรักษาความปลอดภัยอื่นๆ
.5 วิธีการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของท่าเรือ
.6 วิธีการสำรวจและตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือ
.7 การปฏิบัติงานและสภาพของเรือและท่าเรือ
.8 มาตรการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือ
.9 การเตรียมความพร้อมและการจัดการกับเหตุฉุกเฉิน
และการวางแผนป้องกันเหตุร้าย
.10 เทคนิคในการสอนสำหรับใช้จัดฝึกอบรมและการศึกษาด้านการรักษาความปลอดภัย
ซึ่งรวมถึงมาตรการและขั้นตอนการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัย;
.11 การจัดการดูแลข้อมูลซึ่งมีความอ่อนไหวและเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยและการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย;
.12 ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบและภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน;
.13 การทำความรู้จักและการตรวจหาอาวุธ
วัตถุ และอุปกรณ์อันเป็นอันตราย;
.14 การทำความรู้จักลักษณะและรูปแบบพฤติกรรมของบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัย
โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ;
.15 เทคนิคที่ใช้เพื่อทำลายหรือหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัย
.16 อุปกรณ์และระบบรักษาความปลอดภัย
และข้อจำกัดในการปฏิบัติงาน;
.17 วิธีการในการดำเนินการตรวจสอบ
การตรวจ การควบคุม และการกำกับดูแล;
.18 วิธีการในการตรวจค้นทางกายภาพ
และการตรวจโดยสุภาพ;
.19 การฝึกปฏิบัติ และการฝึกซ้อมการรักษาความปลอดภัย
รวมถึงการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อมร่วมกับเรือ;
.20 การประเมิน การฝึกปฏิบัติ
และการฝึกซ้อมการรักษาความปลอดภัย
18.2
เจ้าหน้าที่ของท่าเรือที่มีหน้าที่เฉพาะในการรักษาความปลอดภัยจะต้องมีความรู้และไดัรับการฝึกอบรมในบางส่วนหรือทั้งหมดในเรื่องต่อไปนี้ตามความเหมาะสม:
.1 ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบและภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน;
.2 การทำความรู้จักและการตรวจหาอาวุธ
วัตถุ และอุปกรณ์อันเป็นอันตราย;
.3 การทำความรู้จักกับลักษณะและรูปแบบพฤติกรรมของบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัย;
.4 เทคนิคที่ใช้เพื่อทำลายหรือหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัย;
.5 เทคนิคการจัดการและควบคุมฝูงชน;
.6 การสื่อสารที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย;
.7 การปฏิบัติงานของอุปกรณ์และระบบรักษาความปลอดภัย;
.8 การทดสอบ การปรับแต่ง
และการบำรุงรักษาอุปกรณ์ และระบบรักษาความปลอดภัย;
.9 เทคนิคการตรวจ ควบคุม
และกำกับดูแล
.10 วิธีการตรวจค้นบุคคล
ของใช้ประจำตัว สัมภาระ สินค้า และของใช้ประจำเรือทางกายภาพ
18.3
เจ้าหน้าที่อื่นๆของท่าเรือจะต้องมีความรู้และคุ้นเคยกับบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือในบางส่วนหรือทั้งหมดในเรื่องต่อไปนี้ตามความเหมาะสม
.1 ความหมายและข้อกำหนดอันเป็นผลสืบเนื่องของระดับการรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน;
.2 การทำความรู้จักและการตรวจอาวุธ
วัตถุ และอุปกรณ์อันเป็นอันตราย;
.3 การทำความรู้จักลักษณะรูปแบบพฤติกรรมของบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือ
;
.4 เทคนิคที่ใช้เพื่อทำลายหรือหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัย
การฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อม
18.4
วัตถุประสงค์ของการฝึกปฏิบัติและการฝึกซ้อมคือเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ของท่าเรือมีความชำนาญในหน้าที่การรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมอบหมายที่ระดับการรักษาความปลอดภัยทุกระดับ
และเพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย
18.5
เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามบทบัญญัติของแผนการรักษาความปลอดภัยของท่าเรืออย่างมีประสิทธิผล
จึงควรมีการฝึกปฏิบัติเป็นประจำอย่างน้อยทุก 3 เดือน
ยกเว้นในกรณีเฉพาะที่ไม่สามารถทำได้
การฝึกปฏิบัติเหล่านี้ควรมีการทดสอบแต่ละองค์ประกอบของแผน อาทิเช่น
ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยตามรายการที่แสดงไว้ในวรรคที่ 15.11
18.6
จะต้องจัดให้มีการฝึกซ้อมต่าง ๆ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐภาคี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือ
(ถ้ามี) อย่างน้อย 1 ครั้ง
ตามปีปฏิทินและแต่ละครั้งไม่ควรมีระยะห่างกันเกินกว่า 18 เดือน
โดยอาจมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าเรือเข้าร่วมฝึกซ้อมด้วย นอกจากนี้
ควรร้องขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบริษัทหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเรือให้เข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้วยโดยคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยและงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรือ การฝึกซ้อมเหล่านี้ควรมีการทดสอบการสื่อสาร
การประสานงาน ความพร้อมของทรัพยากรและการจัดการ การฝึกซ้อมอาจจะดำเนินการโดย
.1 เต็มรูปแบบหรือเหมือนจริง
;
.2 จำลองสถานการณ์บนโต๊ะ หรือจัดสัมมนา ;
หรือ
.3 จัดร่วมกับการฝึกซ้อมอื่นๆ
เช่น การฝึกการจัดการเหตุฉุกเฉิน หรือ การฝึกซ้อมของหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐเมืองท่า
19 การตรวจสอบและการออกใบสำคัญรับรองสำหรับเรือ
ไม่มีแนวทางกำหนดเพิ่มเติม
§
ข้อกำหนดภาคบังคับเกี่ยวกับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่
11-2 ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
ค.ศ.1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2 ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 1)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 2)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 3)
§
แนวทางสำหรับบทบัญญัติ ISPS Code ของบทที่ 11-2
ของภาคผนวกแนบท้ายอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล 1974 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมและภาค
ก ของประมวลข้อบังคับนี้ (ส่วนที่ 4)
มารีนเนอร์ไทย | MarinerThai.Net | MarinerThai.Com